นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)หรือ KEST เปิดเผยว่า บริษัทจะเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (DW) จำนวน 9 รุ่นใหม่เพื่อตอบสนองความต้องการด้านลงทุน รองรับโอกาสฟื้นตัวหลังวิกฤติน้ำท่วมได้ผ่อนคลายลง โดยหลักทรัพย์อ้างอิงนในการออกนั้นเป็นหุ้น โดดเด่นในกลุ่มธุรกิจที่หลากหลาย ได้แก่ ปิโตรเคมี เกษตร อาหาร ธนาคาร พลังงาน และขนส่ง โดยDWนนี้เป็นประเภท สิทธิในการซื้อ ( Call Warrants ) โดยจะเริ่มทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯวันที่ 22 พฤศจิกายนนี้
สำหรับDW 9 ตัวนี้ ประกอบด้วย บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ซึ่งใช้ชื่อย่อว่าPTTG42CA ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ในหุ้นสามัญของ บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี ซึ่งใช้ชื่อย่อ STA42CC ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ในหุ้นสามัญของ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร ซึ่งใช้ชื่อย่อCPF42CBใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ในหุ้นสามัญของ ธนาคารกสิกรไทย ใช้ชื่อย่อ KBAN42CC ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ในหุ้นสามัญของ ธนาคารไทยพาณิชย์ SCB42CC ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ในหุ้นสามัญของ ธนาคารกรุงเทพ ใช้ชื่อย่อ BBL42CCทั้งนี้ ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ในหุ้นสามัญของ ธนาคารกรุงไทย ใช้ชื่อย่อ KTB42CB ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ในหุ้นสามัญของ บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) ใช้ชื่อย่อ ESSO42CB และ ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ในหุ้นสามัญของ บริษัท การบินไทย ใช้ชื่อย่อ THAI42CB โดยDW ใหม่นี้จะมีอายุในการซื้อขายประมาณ 6 เดือนและมีราคาใช้สิทธิค่อนข้างต่ำมากเมื่อเทียบกับราคาหุ้นอ้างอิงในปัจจุบัน กล่าวคือ Call Warrant มีลักษณะเป็น Deep-in-the-Money โดย DW เป็นทางเลือกในการลงทุนสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการจับจังหวะการลงทุน
อย่างไรก็ตามราคาซื้อขายจะถูกกำหนดตามความเหมาะสมของหุ้นอ้างอิงและจะเสนอขายผ่านกระดานซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ (Direct Listing) ราคา DW ที่จะซื้อจะขายจริงจะถูกจับคู่ตามระบบการซื้อขายของตลาดฯ ซึ่งราคาเสนอขายจริงจะเปลี่ยนแปลงไปตามราคาหุ้นอ้างอิงและปัจจัยอื่นๆ ตามภาวะการณ์ของตลาด ผู้ลงทุนใน Call Warrant ควรต้องวิเคราะห์ทิศทางของหุ้นอ้างอิง หากประเมินว่าหุ้นอ้างอิงจะขึ้น จึงพิจารณา โดยการลงทุนใน Call Warrant นอกจากนี้ ผู้ลงทุนสามารถติดตามบทวิจัยของกิมเอ็ง Derivatives Warrant Update เพื่อพิจารณามูลค่าที่เหมาะสมของ DW ได้ทุกวันทาง KELive Research ราคา DW อาจจะมีการปรับขึ้นลงแรงและเร็วกว่าหุ้น ดังนั้นนักลงทุนควรจะปรับกลยุทธ์การลงทุนอย่างต่อเนื่อง และศึกษาข้อมูลของหลักทรัพย์อ้างอิงว่ามีแนวโน้มที่ดี น่าสนใจและมีศักยภาพในการเติบโตมากน้อยเพียงใด
สำหรับDW 9 ตัวนี้ ประกอบด้วย บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ซึ่งใช้ชื่อย่อว่าPTTG42CA ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ในหุ้นสามัญของ บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี ซึ่งใช้ชื่อย่อ STA42CC ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ในหุ้นสามัญของ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร ซึ่งใช้ชื่อย่อCPF42CBใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ในหุ้นสามัญของ ธนาคารกสิกรไทย ใช้ชื่อย่อ KBAN42CC ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ในหุ้นสามัญของ ธนาคารไทยพาณิชย์ SCB42CC ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ในหุ้นสามัญของ ธนาคารกรุงเทพ ใช้ชื่อย่อ BBL42CCทั้งนี้ ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ในหุ้นสามัญของ ธนาคารกรุงไทย ใช้ชื่อย่อ KTB42CB ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ในหุ้นสามัญของ บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) ใช้ชื่อย่อ ESSO42CB และ ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ในหุ้นสามัญของ บริษัท การบินไทย ใช้ชื่อย่อ THAI42CB โดยDW ใหม่นี้จะมีอายุในการซื้อขายประมาณ 6 เดือนและมีราคาใช้สิทธิค่อนข้างต่ำมากเมื่อเทียบกับราคาหุ้นอ้างอิงในปัจจุบัน กล่าวคือ Call Warrant มีลักษณะเป็น Deep-in-the-Money โดย DW เป็นทางเลือกในการลงทุนสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการจับจังหวะการลงทุน
อย่างไรก็ตามราคาซื้อขายจะถูกกำหนดตามความเหมาะสมของหุ้นอ้างอิงและจะเสนอขายผ่านกระดานซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ (Direct Listing) ราคา DW ที่จะซื้อจะขายจริงจะถูกจับคู่ตามระบบการซื้อขายของตลาดฯ ซึ่งราคาเสนอขายจริงจะเปลี่ยนแปลงไปตามราคาหุ้นอ้างอิงและปัจจัยอื่นๆ ตามภาวะการณ์ของตลาด ผู้ลงทุนใน Call Warrant ควรต้องวิเคราะห์ทิศทางของหุ้นอ้างอิง หากประเมินว่าหุ้นอ้างอิงจะขึ้น จึงพิจารณา โดยการลงทุนใน Call Warrant นอกจากนี้ ผู้ลงทุนสามารถติดตามบทวิจัยของกิมเอ็ง Derivatives Warrant Update เพื่อพิจารณามูลค่าที่เหมาะสมของ DW ได้ทุกวันทาง KELive Research ราคา DW อาจจะมีการปรับขึ้นลงแรงและเร็วกว่าหุ้น ดังนั้นนักลงทุนควรจะปรับกลยุทธ์การลงทุนอย่างต่อเนื่อง และศึกษาข้อมูลของหลักทรัพย์อ้างอิงว่ามีแนวโน้มที่ดี น่าสนใจและมีศักยภาพในการเติบโตมากน้อยเพียงใด
