นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่าหลังจากฝ่ายค้านได้ยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ก็ได้ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี โดยกำหนดวันอภิปรายไว้ ในหนังสือคือวันที่ 27 พ.ย. ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับรัฐบาลว่าจะพร้อมหรือไม่ ถ้าพร้อมก็คงยืนยันตามนี้ หากรัฐบาลแจ้งว่าไม่พร้อม ก็อาจต้องเลื่อนเวลาออกไป
อย่างไรก็ตาม หากต้องเลื่อนไป และอาจไม่ทันสมัยประชุมนี้ รัฐบาลก็สามารถตราพระราชกฤษฎีกา เพื่อขอขยายเวลาสมัยประชุมออกไปได้ ซึ่งอาจจะอาจยุ่งยาก ดังนั้นคิดว่ารัฐบาลคงไม่ยืดเวลา เพราะดูประเด็นแล้วไม่เห็นมีอะไรมาก และเป็นการอภิปรายรัฐมนตรีคนเดียวเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางฝ่ายค้านระบุว่าการอภิปรายเพียงวันเดียวเป็นการตัดโอกาสที่จะนำเสนอข้อมูล นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ในวันที่รับญัตติจากฝ่ายค้าน ตนก็แจ้งไปว่า ใช้เวลา 1 วันก็น่าจะเพียงพอ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานวิปฝ่ายค้าน รวมทั้งส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ คนอื่นๆ ก็ไม่เห็นโต้แย้งอะไร
" ที่ผ่านมาการยื่นญัตติอภิปรายรัฐบาลทั้งคณะหรือรัฐมนตรี 7 - 8 คน ก็ไช้เวลา 2 - 3 วัน คราวนี้รัฐมนตรีแค่คนเดียว หนึ่งวันหนึ่งคืนยังไม่พออีกหรือ ส่วนตัวไม่หนักใจกับการทำหน้าที่ ยืนยันว่าจะยึดตามข้อบังคับ พวกที่อาศัยความดื้อ จะเอาให้ได้ตามใจตัว ไม่ได้ดั่งใจก็โห่ ตรงนั้นคนดูทางบ้านจะเป็นคนตัดสินเอง ทุกอย่างอยู่ที่ข้อเท็จจริง อยู่ที่เหตุผล" นายสมศักดิ์ กล่าว
** "ประชา"โบ้ย"ยงยุทธ"ซื้อถุงยังชีพ
ด้านพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม ในฐานะผอ.ศปภ. กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ และยื่นถอดถอนออกจากตำแหน่ง ในส่วนของการทุจริตเงินบริจาคจัดซื้อถุงยังชีพของศปภ.ว่า ยืนยันว่าตนไม่ได้เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อถุงยังชีพแม้แต่ถุงเดียว หรือแม้แต่การใช้งบประมาณของศปภ. เนื่องจากในส่วนของเงินกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ที่นำมาจัดซื้อถุงยังชีพนั้น มีคณะกรรมการที่ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นประธานดูแลอยู่ อีกทั้งการจัดซื้อก็มีคณะกรรมการพิเศษขึ้นมาดูแลเช่นกัน
" ชีวิตราชการของผมไม่เคยมีประวัติด่างพร้อย ทำงานรับใช้แผ่นดินมามากกว่า 40 ปี ผมไม่เคยมีเรื่องของการทุจริต คอร์รัปชัน ไม่เคยถูกตั้งกรรมการสอบแม้แต่ครั้งเดียว ดังนั้นการถูกกล่าวหาว่าทุจริตคอร์รัปชันครั้งนี้ ผมเสียใจ ที่ผ่านมาการทำงานที่หนักหนาสาหัสกว่านี้ก็มีมาก แต่ครั้งนี้สาหัสเพราะถูกใส่ร้ายป้ายสี" พล.ต.อ.ประชากล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ฝ่ายค้านพุ่งเป้าโจมตีไปที่ พล.ต.อ.ประชา หลายเรื่อง ทั้งที่มีรัฐมนตรีคนอื่นร่วมในการดำเนินการด้วย อย่าง นายยงยุทธ ในกรณีของการจัดซื้อถุงยังชีพ พล.ต.อ.ประชา กล่าวว่า คงเป็นเพราะเห็นว่าตนเป็นคนเฉยๆ และไม่สู้คน แต่ตนมีความจริงที่ต้องพูด มีความจริงที่ต้องทำ และรับผิดชอบ ซึ่งมองอีกแง่หนึ่งก็เป็นเรื่องดีที่ ตนจะได้ชี้แจงประชาชนว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร มีหลายเรื่องที่ตนต้องพูดในวันอภิปราย
เมื่อถามว่า มีความมั่นใจว่าจะได้รับความไว้วางใจจากสภาฯหรือไม่ พล.ต.อ.ประชา กล่าวว่า สุดแท้แต่การตัดสินใจของสภาฯ เพราะคนเราไม่ได้เกิดมาเพื่ออยู่ในตำแหน่งนี้อย่างเดียว คงไม่ได้คาดหวังอะไรมาก อยู่ตรงไหนก็อยู่ได้ ไม่มีปัญหาอะไรเลย
" มาถึงจุดนี้แล้ว ถือว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่งสำหรับชีวิตคนบ้านนอกอย่างผม ที่ไม่ได้จบเมืองนอกเมืองนา หรือมีความรู้สูงมากมาย แต่ผมมีจิตวิญญาณ มีจิตสำนึกที่ดีอยู่ ผมรับใช้บ้านเมืองด้วยดีมาตลอด" พล.ต.อ.ประชา กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีความเห็นจากพรรคเพื่อไทยว่า การที่พล.ต.อ.ประชาถูกโจมตีมาก เพราะมีชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯสำรอง พล.ต.อ.ประชา กล่าวปฏิเสธ พร้อมบอกว่า ไม่มีใครอยากเป็นนายกฯในสถานการณ์แบบนี้ ส่วนตัวเพียงพอแล้วสำหรับชีวิตนี้ เรามาถึงจุดนี้แล้วถือว่าเพียงพอแล้ว
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การอภิปรายครั้งนี้คิดว่าฝ่ายค้านไม่ได้มุ่งเน้นไปที่พล.ต.อ.ประชา แต่ตั้งใจที่จะอภิปรายน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มากกว่า เพราะพรรคฝ่ายค้านรู้ดีว่า สมัยการประชุมหน้าของสภาฯจะไม่สามารถขออภิปรายได้ จึงพยายามที่จะใช้เวลาที่เหลืออยู่ตรงนี้ จ้องที่จะดิสเครดิตรัฐบาล และหวังที่จะล้มรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลก็พร้อมที่จะให้ฝ่ายค้านตรวจสอบ แต่อยากจะให้ฝ่ายค้านมีการใช้เวทีสภาฯอย่างสร้างสรรค์ ไม่ใช่จ้องจะล้มล้างกันอย่างเดียว
ด้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานวิปฝ่ายค้านกล่าวถึงกรณีนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย เตรียมยื่นฟ้องตนเองทั้งทางอาญา และทางแพ่ง เพื่อเรียกร้องค่าเสียหาย 100 ล้านบาทว่า ไม่ขอให้ความเห็นในตอนนี้ และขอให้ฟังในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ทั้งนี้ การฟ้องร้องดังกล่าว สืบเนื่องมากจากกรณีที่ นายจุรินทร์ ได้ยื่นถอดถอน 7 ส.ส. พรรคเพื่อไทย ซึ่งมีนายจิรายุ เป็นหนึ่งในส.ส.ดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม หากต้องเลื่อนไป และอาจไม่ทันสมัยประชุมนี้ รัฐบาลก็สามารถตราพระราชกฤษฎีกา เพื่อขอขยายเวลาสมัยประชุมออกไปได้ ซึ่งอาจจะอาจยุ่งยาก ดังนั้นคิดว่ารัฐบาลคงไม่ยืดเวลา เพราะดูประเด็นแล้วไม่เห็นมีอะไรมาก และเป็นการอภิปรายรัฐมนตรีคนเดียวเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางฝ่ายค้านระบุว่าการอภิปรายเพียงวันเดียวเป็นการตัดโอกาสที่จะนำเสนอข้อมูล นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ในวันที่รับญัตติจากฝ่ายค้าน ตนก็แจ้งไปว่า ใช้เวลา 1 วันก็น่าจะเพียงพอ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานวิปฝ่ายค้าน รวมทั้งส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ คนอื่นๆ ก็ไม่เห็นโต้แย้งอะไร
" ที่ผ่านมาการยื่นญัตติอภิปรายรัฐบาลทั้งคณะหรือรัฐมนตรี 7 - 8 คน ก็ไช้เวลา 2 - 3 วัน คราวนี้รัฐมนตรีแค่คนเดียว หนึ่งวันหนึ่งคืนยังไม่พออีกหรือ ส่วนตัวไม่หนักใจกับการทำหน้าที่ ยืนยันว่าจะยึดตามข้อบังคับ พวกที่อาศัยความดื้อ จะเอาให้ได้ตามใจตัว ไม่ได้ดั่งใจก็โห่ ตรงนั้นคนดูทางบ้านจะเป็นคนตัดสินเอง ทุกอย่างอยู่ที่ข้อเท็จจริง อยู่ที่เหตุผล" นายสมศักดิ์ กล่าว
** "ประชา"โบ้ย"ยงยุทธ"ซื้อถุงยังชีพ
ด้านพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม ในฐานะผอ.ศปภ. กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ และยื่นถอดถอนออกจากตำแหน่ง ในส่วนของการทุจริตเงินบริจาคจัดซื้อถุงยังชีพของศปภ.ว่า ยืนยันว่าตนไม่ได้เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อถุงยังชีพแม้แต่ถุงเดียว หรือแม้แต่การใช้งบประมาณของศปภ. เนื่องจากในส่วนของเงินกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ที่นำมาจัดซื้อถุงยังชีพนั้น มีคณะกรรมการที่ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นประธานดูแลอยู่ อีกทั้งการจัดซื้อก็มีคณะกรรมการพิเศษขึ้นมาดูแลเช่นกัน
" ชีวิตราชการของผมไม่เคยมีประวัติด่างพร้อย ทำงานรับใช้แผ่นดินมามากกว่า 40 ปี ผมไม่เคยมีเรื่องของการทุจริต คอร์รัปชัน ไม่เคยถูกตั้งกรรมการสอบแม้แต่ครั้งเดียว ดังนั้นการถูกกล่าวหาว่าทุจริตคอร์รัปชันครั้งนี้ ผมเสียใจ ที่ผ่านมาการทำงานที่หนักหนาสาหัสกว่านี้ก็มีมาก แต่ครั้งนี้สาหัสเพราะถูกใส่ร้ายป้ายสี" พล.ต.อ.ประชากล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ฝ่ายค้านพุ่งเป้าโจมตีไปที่ พล.ต.อ.ประชา หลายเรื่อง ทั้งที่มีรัฐมนตรีคนอื่นร่วมในการดำเนินการด้วย อย่าง นายยงยุทธ ในกรณีของการจัดซื้อถุงยังชีพ พล.ต.อ.ประชา กล่าวว่า คงเป็นเพราะเห็นว่าตนเป็นคนเฉยๆ และไม่สู้คน แต่ตนมีความจริงที่ต้องพูด มีความจริงที่ต้องทำ และรับผิดชอบ ซึ่งมองอีกแง่หนึ่งก็เป็นเรื่องดีที่ ตนจะได้ชี้แจงประชาชนว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร มีหลายเรื่องที่ตนต้องพูดในวันอภิปราย
เมื่อถามว่า มีความมั่นใจว่าจะได้รับความไว้วางใจจากสภาฯหรือไม่ พล.ต.อ.ประชา กล่าวว่า สุดแท้แต่การตัดสินใจของสภาฯ เพราะคนเราไม่ได้เกิดมาเพื่ออยู่ในตำแหน่งนี้อย่างเดียว คงไม่ได้คาดหวังอะไรมาก อยู่ตรงไหนก็อยู่ได้ ไม่มีปัญหาอะไรเลย
" มาถึงจุดนี้แล้ว ถือว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่งสำหรับชีวิตคนบ้านนอกอย่างผม ที่ไม่ได้จบเมืองนอกเมืองนา หรือมีความรู้สูงมากมาย แต่ผมมีจิตวิญญาณ มีจิตสำนึกที่ดีอยู่ ผมรับใช้บ้านเมืองด้วยดีมาตลอด" พล.ต.อ.ประชา กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีความเห็นจากพรรคเพื่อไทยว่า การที่พล.ต.อ.ประชาถูกโจมตีมาก เพราะมีชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯสำรอง พล.ต.อ.ประชา กล่าวปฏิเสธ พร้อมบอกว่า ไม่มีใครอยากเป็นนายกฯในสถานการณ์แบบนี้ ส่วนตัวเพียงพอแล้วสำหรับชีวิตนี้ เรามาถึงจุดนี้แล้วถือว่าเพียงพอแล้ว
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การอภิปรายครั้งนี้คิดว่าฝ่ายค้านไม่ได้มุ่งเน้นไปที่พล.ต.อ.ประชา แต่ตั้งใจที่จะอภิปรายน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มากกว่า เพราะพรรคฝ่ายค้านรู้ดีว่า สมัยการประชุมหน้าของสภาฯจะไม่สามารถขออภิปรายได้ จึงพยายามที่จะใช้เวลาที่เหลืออยู่ตรงนี้ จ้องที่จะดิสเครดิตรัฐบาล และหวังที่จะล้มรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลก็พร้อมที่จะให้ฝ่ายค้านตรวจสอบ แต่อยากจะให้ฝ่ายค้านมีการใช้เวทีสภาฯอย่างสร้างสรรค์ ไม่ใช่จ้องจะล้มล้างกันอย่างเดียว
ด้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานวิปฝ่ายค้านกล่าวถึงกรณีนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย เตรียมยื่นฟ้องตนเองทั้งทางอาญา และทางแพ่ง เพื่อเรียกร้องค่าเสียหาย 100 ล้านบาทว่า ไม่ขอให้ความเห็นในตอนนี้ และขอให้ฟังในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ทั้งนี้ การฟ้องร้องดังกล่าว สืบเนื่องมากจากกรณีที่ นายจุรินทร์ ได้ยื่นถอดถอน 7 ส.ส. พรรคเพื่อไทย ซึ่งมีนายจิรายุ เป็นหนึ่งในส.ส.ดังกล่าว
