xs
xsm
sm
md
lg

เด้งปลัดพันล้านเข้ากรุ "ปปช.-ปปง.-ตร."ขึงพืด เจ้าตัวอ้างสินสอดลูกสาว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - ตำรวจจับแก๊งปล้น 200 ล้าน บ้านปลัดคมนาคมได้อีก 1 พร้อมเงินสดของกลาง 3 ล้าน ส่วนที่ผู้ต้องหา 2 คนที่ถูกจับได้ก่อนหน้าฝากขอบคุณชาวเฟสบุ๊กที่ให้กำลังใจล้นหลาม "ป.ป.ช.-ป.ป.ง." เร่งสอบที่มาของเงิน "สุพจน์" อ้างเป็นสินสอด-เงินรับไหว้ของลูกสาว โวยถูกดิสเครดิตมีเงินพันล้าน ล่าสุดถูกเด้งเข้าสำนักนายกฯ แล้ว

วานนี้ (18 พ.ย.) เมื่อเวลา 06.00 น.พนักงานสอบสวนสน.วังทองหลาง ควบคุมตัวนายสิงห์ทอง ใจชมชื่น และ นายเสาร์แก้ว นามวงศ์ ผู้ต้องหาคดีร่วมกันปล้นทรัพย์บ้านนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ตั้งแต่จุดที่อ้างว่าใช้เป็นสถานที่วางแผนการก่อเหตุ บ้านพักของนายสุพจน์ และจุดที่ใช้เป็นเส้นทางหลบหนีหลังก่อเหตุ โดยใช้เวลาในการทำแผนทั้งสิ้น 1 ชั่วโมง

***ตร.พร้อมให้ข้อมูลป.ป.ช.

พ.ต.อ.ธวัช วงศ์สง่า ผกก.สน.วังทองหลาง กล่าวว่า เรื่องจำนวนเงินที่ผู้ต้องหาให้การว่าเอาไป 200 ล้านบาท และเหลือในบ้านอีกกว่า 700-1,000 ล้านบาทนั้น ทางปลัดกระทรวงคมนาคมยังไม่ได้ยืนยันมา ทางเจ้าหน้าที่จะต้องตรวจสอบเรื่องจำนวนเงินอีกครั้งหนึ่ง เพราะถือว่าเป็นคำให้การของผู้ต้องหา อย่างไรก็ตาม หลังจากมีกระแสข่าวว่า ทาง ป.ป.ช.จะตรวจสอบเรื่องฐานะการเงินของปลัดนั้น หาก ป.ป.ช.ประสานมาเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยินดีจะให้ข้อมูล แต่ขณะนี้ทาง ป.ป.ช.ยังเสนอเรื่องมาไม่ถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนผู้อยู่เบื้องหลังของกลุ่มคนร้ายนั้น ขอให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการสอบสวน และไล่ล่าคนร้ายที่เหลือก่อน จึงจะทราบว่ามีผู้อยู่เบื้องหลังหรือไม่

***คนร้ายขอบคุณชาวFBให้กำลังใจ

ต่อมาเวลา 11.30 น.เจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งสองไปยื่นคำร้องฝากขังต่อศาลอาญารัชดาภิเษก และคัดค้านการประกันตัว โดยระหว่างขึ้นรถ ผู้สื่อข่าวได้ถามถึงจำนวนเงินในห้อง นายสิงห์ทอง หรือ ไก่ กล่าวว่า ขอขอบคุณชาวเฟซบุ๊กที่ให้กำลังใจและขอบคุณตนในเรื่องนี้ ทั้งนี้ พึ่งจะรู้จักกับนายโก้ไม่ถึงเดือน โดยรู้จักผ่านคนกลางอีกที ทางผู้สื่อข่าวได้ถามย้ำถึงจำนวนเงินที่เหลือในห้องว่ามีถึง 1 พันล้านบาท หรือไม่ นายไก่ กลับไม่ยอมพูด ด้าน นายเสาร์แก้ว กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า เคยทำงานรับจ้างทั่วไปและมีคนติดต่อมาให้รับงานนี้ ส่วนเงินไม่ได้เห็นแต่อย่างใด แต่เห็นเป็นเพียงกล่องเท่านั้น

***ฝากขัง-ค้านประกัน

เมื่อเวลา 12.00 น.ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ร.ต.ท.ชาติชาย เขจรชัย พนักงานสอบสวน (สบ1) สน.วังทองหลาง ได้ควบคุมตัว ผู้ต้องหาทั้งสองคนไปยื่นคำร้องฝากขังต่อศาลครั้งแรก เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 18-29 พ.ย. นี้ ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกัน เพราะเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี ศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้ ทั้งนี้ ปรากฏว่า ไม่มีญาติผู้ต้องหามายื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงนำตัวทั้งสองไปควบคุมไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร

***เปิดพิรุธคดีปล้นบ้านปลัด

แหล่งข่าวระดับสูงในกระทรวงคมนาคม เปิดเผยกับทีมข่าวอาชญากรรม เอเอสทีวีผู้จัดการรายวัน โดยได้ตั้งข้อสังเกตว่า คดีนี้เป็นคดีที่น่าติดตาม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องตรวจสอบถึงเงินจำนวนมากให้ได้ว่า เป็นเงินบริสุทธิ์ หรือเงินที่ได้จากการทุจริตคอร์รัปชันหรือไม่ เนื่องจากกระทรวงคมนาคมถือเป็นกระทรวงใหญ่ มีกรมหลายกรม ซึ่งอาจเป็นไปได้ที่เงินจำนวนมาก อาจจะเป็นเงินทอน ที่ได้มาจากการทุจริตเหมือนกับที่ผู้ต้องหาให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ นอกจากนั้น ถือเป็นเรื่องแปลกที่ขณะเกิดเหตุ เมื่อผู้สื่อข่าวเข้าไปทำข่าวยังบ้านเกิดเหตุ แต่ ภรรยา ของ นายสุพจน์ ได้เข้ามาพูดคุยกับผู้สื่อข่าวในลักษณะไม่อยากให้เรื่องนี้เผยแพร่เป็นข่าว พร้อมกับบอกว่าไม่มีอะไร เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องเข้าใจผิดเท่านั้น ซึ่งการให้สัมภาษณ์เช่นนั้น เหมือนกับเป็นการพยายามปกปิดความผิดบางอย่าง

***จี้สอบที่มาของเงินพันล้าน

แหล่งข่าวเปิดเผยอีกว่า เท่าที่ทราบ นายสุพจน์ มีภรรยา 2 คน และก็เป็นที่เปิดเผยในหมู่ข้าราชการ และวงการผู้รับเหมา โดยภรรยาที่ไม่ได้จดทะเบียนและไม่มีลูกด้วยกัน อดีตเคยเป็นเจ้าหน้าที่หน้าห้องของนายศรีสุข จันทรางศุ อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม และการขึ้นสู่ตำแหน่งปลัดกระทรวงคมนาคม ของ นายสุพจน์ ก็เป็นที่พูดกันว่าได้ดี เพราะ นายศรีสุข ช่วยสนับสนุน ส่วนภรรยา ของนายสุพจน์ จะเกี่ยวข้องกับเงินดังกล่าวหรือไม่ แหล่งข่าวกล่าวว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก็ต้องทำการตรวจสอบด้วย เพราะถือเป็นผู้ที่ให้ข่าวกับสื่อในลักษณะพยายามปิดข่าวมาตั้งแต่ตั้น

***จับเพิ่มอีก 1 พร้อมเงินสด 3 ล้าน

ขณะที่พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่ออกติดตามผู้ร่วมกระทำผิดที่เหลือ ซึ่งยังเหลือผู้ร่วมขบวนการก่อเหตุอุกอาจครั้งนี้อีก 4 ราย ที่ยังหลบหนีอยู่ ทั้งนี้ ทราบว่าหนึ่งในกลุ่มคนร้ายอาจหลบหนีออกนอกประเทศทางแนวชายแดนประเทศลาว แต่ส่วนที่เหลือยังคงหลบหนีกบดานอยู่ในประเทศไทย

ผู้สื่อข่าวถามถึงจำนวนเงินที่คนร้ายได้ไป รวมถึงจำนวนเงินที่คนร้ายอ้างว่าได้พบในบ้านของนายสุพจน์ที่มีจำนวนมากถึง 700-1,000 ล้านบาท นั้น พล.ต.ต.รณศิลป์ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเพียงคำให้การของผู้ต้องหาเท่านั้น ซึ่งตำรวจมีหน้าที่ตามยึดเงินดังกล่าวมาทำการพิสูจน์ ซึ่งได้มาจำนวนเท่าใดก็ยึดเท่านั้น แต่ได้มีการสืบสวนว่า แต่ละคนได้รับเงินส่วนแบ่งจากการปล้นครั้งนี้ไปจำนวนเท่าใด

นอกจากนี้ มีรายงานว่าชุดสืบสวนนครบาลได้รายงานมายังพล.ต.ต.วินัย ทองสอง รรท.ผบช.น. ว่าได้จับกุมตัวคนร้ายในแก๊งดังกล่าวได้อีก 1 ราย พร้อมเงินสด 3 ล้านบาท โดยสามารถจับกุมได้ในแถบจังหวัดทางภาคอีสาน

***ป.ป.ง.พร้อมสอบที่มาของเงิน

พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. เปิดเผย ว่า ปปง.ได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตั้งแต่ต้น เพื่อดูเส้นทางของเงิน และได้ข้อมูลเป็นประโยชน์พอสมควร อย่างไรก็ตาม ประเด็นการร่ำรวยผิดปกติเป็นอำนาจหน้าที่ของป.ป.ช.สามารถเข้าไปดำเนินการตรวจสอบตามกฎหมายได้ทันที หรือ สามารถประสานมายัง ปปง. เพื่อให้ช่วยเข้าไปตรวจสอบ โดย ปปง.จะตรวจสอบประเด็นการได้มาของทรัพย์สินว่าจะเข้าข่ายความผิดมูลฐานใด หรือเป็นการฟอกเงินหรือไม่ ส่วนการอายัดทรัพย์สินไว้ตรวจสอบนั้น คงต้องรอผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ได้ความชัดเจนระดับหนึ่งว่าเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.การฟอกเงินหรือไม่ ทั้งนี้เนื่องจากเป็นการตรวจสอบข้าราชการผู้ใหญ่ จึงต้องดำเนินการด้วยความรอบคอบ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม

*** ป.ป.ช.ขอข้อมูลตร.สอบปลัดฯ

นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. กล่าวว่า ขณะนี้นายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการป.ป.ช.มอบหมายให้ฝ่ายข่าวไปรวบรวมข้อมูลตรวจสอบแล้ว โดยนายกล้านรงค์จะประสานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงในคดี จะได้นำมาเปรียบเทียบกับบัญชีทรัพย์สินที่นายสุพจน์ยื่นไว้ต่อป.ป.ช.ว่า มีอะไรผิดปกติหรือไม่ ทั้งนี้การที่คนระดับปลัดกระทรวงจะมีเงินถึง 1,000 ล้านบาท เป็นเรื่องที่สามารถตั้งข้อสงสัยได้ แต่จะนำไปสู่การตรวจสอบโดยป.ป.ช.หรือไม่จะต้องดูข้อเท็จจริงก่อน

***"กล้านรงค์"จี้อายัดทรัพย์ไว้ก่อน

ขณะที่นายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการ ป.ป.ช. กล่าวว่า ที่ประชุมป.ป.ช.ให้ความสนใจกรณีผู้ต้องหาคดีปล้นบ้านนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม ให้การว่า ภายในบ้านนายสุพจน์มีทรัพย์สินถึงพันล้านบาท โดยมอบให้ เลขาธิการป.ป.ช.ไปรวบรวมข้อมูล ประสานกับพนักงานสอบสวนเพื่อหาข้อมูลทรัพย์สินที่ถูกโจรกรรมไป และส่งข้อมูลมาให้ป.ป.ช.พิจารณาสัปดาห์หน้า ซึ่งกรณีนี้ป.ป.ช.ได้ตั้งประเด็นพิจารณาไว้ 3 ประเด็นคือ1.จงใจยื่นทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จหรือไม่ 2.ร่ำรวยผิดปกติหรือไม่ 3.เกี่ยวพันกับการทุจริตหรือไม่ ทั้งนี้ตำแหน่งปลัดกระทรวงต้องแจ้งบัญชีทรัพย์สินต่อป.ป.ช.อยู่แล้ว แต่จะไม่มีการเปิดเผยต่อสาธารณะเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เพื่อป้องกันการขนย้ายทรัพย์สิน ทางสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) น่าจะเข้าไปตรวจสอบเพื่อยึดอายัดทรัพย์ไว้ก่อน เพื่อป้องกันการทำลายหลักฐาน

***ปลัดอ้างถูกโจรดิสเครดิต

นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม ให้สัมภาษณ์กับกรุงเทพธุรกิจออนไลน์ และไทยรัฐออนไลน์ว่า เรื่องเงินสดที่ถูกโจรกรรมประมาณ 200 ล้านบาท ขณะที่ยังมีเงินสดในบ้านอีก 700-1,000 ล้านบาท ว่า ไม่เป็นความจริง แต่เเป็นเรื่องดิสเครดิตกันมากกว่า และควรพิจารณาจากข้อเท็จจริง ขอยืนยันว่าเงินสดที่คนร้ายได้ไปนั้น ไม่มีเงินส่วนตัว แต่เป็นเงินสินสอดและเงินรับไหว้ของลูกสาว ซึ่งไม่สามารถระบุได้ว่ามีจำนวนเท่าใด เพราะยังไม่ได้นับ เพียงแค่นำเงินมารวมกันไว้เท่านั้น

"ผมไม่ได้เก็บเงินส่วนตัวไว้ที่บ้าน คิดดูว่าเงิน1,000 ล้านบาทต้องเก็บอย่างไร ส่วนเงิน 200 ล้านบาทมีที่ไหนกัน หากเป็นแบงก์1,000 บาท ปึกละ 1,000 ใบ ก็ตั้ง 200 ปึก จะเก็บยังไง ถ้าดูตามข้อเท็จจริงที่โจรบอกว่าเอาเงินไป 200 ล้านบาท ถ้ามี1,000 ล้านบาทจริง ทำไม่ไม่เอาไปทั้งหมด และการที่คนร้ายระบุว่ามีข้าราชการอยู่เบื้องหลังการโจรกรรมนั้น ผมไม่ทราบรายละเอียด และไม่อยากพูด ขอให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการต่อไป"นายสุพจน์ กล่าว

***รมว.คมนาคมไม่ถามจำนวนเงิน

ด้านพล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า จะสอบถามรายละเอียดจาก นายสุพจน์ ในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชา และเป็นเรื่องปกติที่คนทำงานร่วมกันจะถามสารทุกข์สุขดิบกัน แต่จะไม่ถามถึงจำนวนเงินหรือที่ไปที่มาของเงิน เพราะถือเป็นเรื่องส่วนตัว และเป็นมารยาทที่ไม่ควรถาม ส่วนการที่ปปช. จะตรวจสอบแหล่งที่มาของเงิน ถือเป็นหน้าที่ของปปช.โดยกระทรวงคมนาคมพร้อมให้ความร่วมมือ

**ยงยุทธ" เด้งช่วยราชการทำเนียบ

นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย กล่าวยอมรับว่า เป็นผู้ออกคำสั่งให้ปลัดกระทรวงคมนาคมมาช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี แต่เป็นการให้มาช่วยเรื่องของการพิจารณางบประมาณฟื้นฟูการคมนาคม ที่มีงบประมาณสูงถึง4-5 หมื่นล้านบาท ซึ่งจำเป็นต้องนำคนที่มความรู้ ความสามารถมาช่วยงาน และหากจะทำในฐานะปลัดกระทรวงคมนาคมก็ได้ แต่ก็จะได้แค่งานของคมนาคมเท่านั้น

นายยงยุทธ กล่าวปฏิเสธว่า การย้ายมาช่วยราชการครั้งนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องเงินพันล้าน ถือเป็นเรื่องส่วนตัว ส่วนที่ทางป.ป.ช.จะตั้งคณะกรรมการสอบนั้นก็เป็นเรื่องของป.ป.ช.และยังไม่มีการส่งเรื่องมายังรัฐบาล แต่อย่างไรตาม เรื่องของการทุจริตถือเป็นนโยบายรัฐบาบอยู่แล้วในการปราบปราม แต่เรื่องนี้ก็ยังเร็วเกินไปที่จะพูดเวลานี้ ซึ่งเรื่องของเงินพันล้านก็ถือว่าเป็นเรื่องแปลก แต่เวลานี้ก็ยังเป็นเรื่องส่วนตัว.
กำลังโหลดความคิดเห็น