xs
xsm
sm
md
lg

คุมทีมปล้นบ้านปลัดคมนาคมฝากขัง-โจรขอบคุณชาวเฟซบุ๊กแห่ให้กำลังใจ

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

นายสิงห์ทอง ใจชมชื่น และนายเสาร์แก้ว นามวงศ์ ผู้ต้องหาคดีร่วมกันปล้นทรัพย์บ้านนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม
ตร.คุมตัว 2 โจรแก๊งปล้นบ้านปลัดคมนาคม 200 ล้าน ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพตั้งแต่เช้ามืด พร้อมตามยึดรถกระบะวีโก้ที่ใช้ในวันก่อเหตุจากพรรคพวกผู้ต้องหา ด้าน ผกก.วังทองหลาง ไม่ยันจำนวนเงินพันล้าน ที่ผู้ต้องหากล่าวอ้าง โดยอยู่ระหว่างตรวจสอบ ขณะที่ 2 ผู้ต้องหาขอบคุณสังคมออนไลน์ที่ให้กำลังใจ แต่ไม่ตอบจำนวนเงินที่พบมีถึงพันล้านหรือไม่ บอกเห็นเพียงกล่องเท่านั้น ก่อน จนท.จะคุมตัวมาขออำนาจศาลฝากขัง พร้อมคัดค้านการประกันตัว


วันนี้ (18 พ.ย.) เมื่อเวลา 06.00 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.วังทองหลาง ควบคุมตัว นายสิงห์ทอง ใจชมชื่น และ นายเสาร์แก้ว นามวงศ์ ผู้ต้องหาคดีร่วมกันปล้นทรัพย์บ้าน นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยจุดแรกนำตัวไปที่อพาร์ตเมนต์ย่านคลองตัน ซึ่งเป็นจุดที่ผู้ต้องหาอ้างว่าเป็นสถานที่ที่ นายวีระศักดิ์ เชื่อลี ที่อยู่ระหว่างการหลบหนีใช้เป็นสถานที่วางแผนการก่อเหตุ จุดที่สองเป็นบ้านพักของ นายสุพจน์ โดยเริ่มต้นจากจุดที่กลุ่มผู้ต้องหาขับรถมาหน้าบ้าน แล้วลงไปเปิดประตูไฟฟ้าที่ไม่ได้ล็อกไว้ เมื่อกลุ่มผู้ต้องหาเปิดประตูหน้าบ้าน ก็ขับรถกระบะเข้าไปในบ้าน ก่อนลงไปจับตัวแม่บ้าน บังคับให้พาไปห้องของปลัด ก่อนจะงัดห้องแล้วกวาดทรัพย์สินที่อยู่ในตู้เสื้อผ้า และจุดสุดท้ายเป็นจุดที่ผู้ต้องหาใช้เป็นเส้นทางหลบหนีหลังก่อเหตุ โดยใช้เวลาในการทำแผนทั้งสิ้น 1 ชั่วโมง

ด้าน พ.ต.อ.ธวัช วงศ์สง่า ผกก.สน.วังทองหลาง เปิดเผยว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่สามารถยึดรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน กฉ 1166 กาญจนบุรี ได้จากบ้านของพรรคพวกนายโก้ ซึ่ง นายโก้ นำมาฝากไว้ก่อนหลบหนี เบื้องต้นพบว่าผู้รับฝากไม่ทราบว่ารถคันดังกล่าวใช้ในการก่อเหตุ ทั้งนี้ จากการสอบสวนพบว่าหลังจากก่อเหตุ กลุ่มผู้ต้องหาได้แยกย้ายกันลงรถตามจุดต่างๆ ในถนนลาดพร้าว ก่อนจะขับรถไปทางถนนเลียบทางด่วนอาจณรงค์-รามอินทรา เพื่อไปรวมตัวกันอีกครั้ง ที่จุดนัดพบที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งย่านคลองตัน เพื่อแบ่งเงินกัน ซึ่งนายโก้หัวหน้าแก๊งได้หยิบเงินได้นำเงินที่ปล้นมาได้ครึ่งหนึ่งไป แล้วเหลือให้กลุ่มผู้ต้องหาที่เหลือแบ่งกันเอง

พ.ต.อ.ธวัช กล่าวอีกว่า เรื่องจำนวนเงินที่ผู้ต้องหาให้การว่าเอาไป 200 ล้านบาท และเหลือในบ้านอีกกว่า 700-1,000 ล้านบาทนั้น ทางปลัดกระทรวงคมนาคมยังไม่ได้ยืนยันมา ทางเจ้าหน้าที่จะต้องตรวจสอบเรื่องจำนวนเงินอีกครั้งหนึ่ง เพราะถือว่าเป็นคำให้การของผู้ต้องหา อย่างไรก็ตาม หลังจากมีกระแสข่าวว่า ทาง ป.ป.ช.จะตรวจสอบเรื่องฐานะการเงินของปลัดนั้น หาก ป.ป.ช.ประสานมาเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยินดีจะให้ข้อมูล แต่ขณะนี้ทาง ป.ป.ช.ยังเสนอเรื่องมาไม่ถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนผู้อยู่เบื้องหลังของกลุ่มคนร้ายนั้น ขอให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการสอบสวน และไล่ล่าคนร้ายที่เหลือก่อน จึงจะทราบว่ามีผู้อยู่เบื้องหลังหรือไม่

ต่อมาเวลา 11.30 น.เจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งสองไปยื่นคำร้องฝากขังต่อศาลอาญารัชดาภิเษก และคัดค้านการประกันตัว โดยระหว่างขึ้นรถ ผู้สื่อข่าวได้ถามถึงจำนวนเงินในห้อง นายสิงห์ทอง หรือ ไก่ กล่าวว่า ขอขอบคุณชาวเฟซบุ๊กที่ให้กำลังใจและขอบคุณตนในเรื่องนี้ ตนพึ่งจะรู้จักกับนายโก้ไม่ถึงเดือน โดยรู้จักผ่านคนกลางอีกที ทางผู้สื่อข่าวได้ถามย้ำถึงจำนวนเงินที่เหลือในห้องว่ามีถึง 1 พันล้านบาท หรือไม่ นายไก่ กลับไม่ยอมพูด ด้าน นายเสาร์แก้ว กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า เคยทำงานรับจ้างทั่วไปและมีคนติดต่อมาให้รับงานนี้ ส่วนเงินไม่ได้เห็นแต่อย่างใด แต่เห็นเป็นเพียงกล่องเท่านั้น

เมื่อเวลา 12.00 น.ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ร.ต.ท.ชาติชาย เขจรชัย พนักงานสอบสวน (สบ1) สน.วังทองหลาง ได้ควบคุมตัว นายสิงห์ทอง หรือ เสธ.ไก่ ใจชมชื่น อายุ 44 ปี ชาว กทม.และ นายเสาร์แก้ว นามวงค์ อายุ 59 ปี ชาว จ.เชียงราย ผู้ต้องหาคดีร่วมกันปล้นทรัพย์ มายื่นคำร้องฝากขังต่อศาลครั้งแรก โดยพนักงานสอบสวนระบุพฤติการณ์สรุปว่า

เมื่อวันที่ 12 พ.ย.54 เวลากลางคืน ผู้ต้องหาทั้งสองกับพวกรวม 6 คนได้ขับรถยนต์กระบะยี่ห้อ โตโยต้า 4 ประตู สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน กฉ 1166 กาญจนบุรี เข้าไปในบ้านพักของนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม เลขที่ 77 ซอยลาดพร้าว 64 แยก 2 แขวง-เขตวังทองหลาง กทม.ใช้มีดข่มขู่จับคนรับใช้ 2 คน มัดมือมัดเท้าบังคับพาไปชั้นสองของบ้านเข้าไปในห้องนอนของผู้เสียหาย ใช้ชะแลงงัดตู้เซฟลักเอาเงินสด จำนวน 5 ล้านบาท และทรัพย์สินอื่นๆ หลบหนีไป ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองได้ ส่งพนักงานสอบสวน สน.วังทองหลาง ดำเนินคดีข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธ, โดยใช้ยานพาหนะ, กระทำด้วยประการใดให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย, พาอาวุธติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ

โดยพนักงานสอบสวนควบคุมตัวผู้ต้องหามาจะครบกำหนดแล้ว แต่การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้นต้องสอบปากคำพยานอีก 8 ปาก, รอผลการตรวจประวัติผู้ต้องหา, รอผลการตรวจพิสูจน์ของกลาง ฯลฯ ด้วยความจำเป็นดังกล่าวจึงขอฝากขังผู้ต้องหาไว้ 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 18-29 พ.ย. นี้ ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกัน เพราะเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี ศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้

ทั้งนี้ ปรากฏว่า ไม่มีญาติผู้ต้องหามายื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงนำตัวทั้งสองไปควบคุมไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
กำลังโหลดความคิดเห็น