เอเจนซีส์ - ฟิตช์ เรทติ้งเตือนอาจลดแนวโน้มความน่าเชื่อถือของพวกแบงก์อเมริกันที่ทำธุรกิจขนาดใหญ่ในตลาดทุน เนื่องจากกังวลว่า ปัญหาหนี้ยุโรปมีแนวโน้มลุกลามถึงประเทศใหญ่อย่างฝรั่งเศสและเยอรมนี
ฟิตช์แถลงเมื่อวันพุธ (16) ว่าแนวโน้มอุตสาหกรรมธนาคารของสหรัฐฯ กำลังมืดมนลง เว้นแต่วิกฤตหนี้ยูโรโซนคลี่คลายทันเวลาและอย่างเป็นระบบระเบียบ
แม้คำเตือนนี้มีถึงภาคการธนาคารทั้งหมดในเมืองลุงแซม แต่ปรากฏว่าหุ้นโกลด์แมน แซคส์ กรุ๊ป หล่นฮวบ 4.2% ในวันเดียวกัน ขณะที่หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ดิ่งแรงกว่าถึง 8% ซึ่งอาจสืบเนื่องจากการที่เมื่อต้นเดือนที่แล้ว ฟิตช์ประกาศจับตาโดยมีแนวโน้มลดอันดับแบงก์ใหญ่ระดับโลก 7 แห่ง ที่นอกจาก 2 รายนี้ยังมีแบงก์ยุโรป ได้แก่ บาร์เคลย์ แบงก์, บีเอ็นพี ปาริบาส์, เครดิต สวิส, ดอยช์ แบงก์ และโซซิเอเต้ เจเนราลรวมอยู่ด้วย
คริสโตเฟอร์ โวลฟ์ หนึ่งในนักวิเคราะห์ของฟิตช์ที่จัดทำรายงานฉบับนี้ ระบุว่าช่วงหลายปีมานี้ ธนาคารอเมริกันเข้าไปเทรดในยุโรปมากขึ้น แต่ลดธุรกิจการปล่อยกู้ปกติลง และปัญหาหนี้ที่ยังอ้อยอิ่งอยู่ในยุโรปอาจส่งผลต่อรายได้ในตลาดทุน เนื่องจาก 1 ใน 3 ของรายได้ในส่วนนี้ของแบงก์แดนอินทรีมาจากยุโรป
โวลฟ์เสริมว่า วิกฤตที่ลุกลามของยุโรปยังอาจส่งผลต่อการเข้าถึงแหล่งทุนของธนาคารสหรัฐฯ ด้วย
โจเซฟ สก็อตต์ ผู้ร่วมจัดทำรายงานของฟิตช์เสริมว่า แบงก์อเมริกันดูเหมือนสามารถรับมือกับการเข้าไปเกี่ยวข้องของพวกตนได้ เมื่อตอนที่ปัญหาหนี้สาธารณะยังปะทุรุนแรงอยู่ในชาติที่ถือเป็น “ชายขอบ” ของยูโรโซนอย่างเช่น กรีซและไอร์แลนด์ แต่ฟิตช์กลัวว่าเวลานี้ปัญหากำลังลุกลามสู่อิตาลีแล้ว และอาจแพร่ต่อไปยังประเทศยูโรโซนที่ใหญ่กว่า เช่น ฝรั่งเศสและเยอรมนี ซึ่งพวกแบงก์อเมริกันทำธุรกิจอยู่จำนวนมาก
โวลฟ์และสก็อตต์ไม่คิดว่าปัญหานี้จะสามารถแก้ไขได้ภายใน 12 เดือน และยังไม่น่าที่จะมีการปรับแนวโน้มของภาคการธนาคารของสหรัฐฯ เร็วๆ นี้
อนึ่ง เมื่อปลายเดือนกันยายน มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิสได้ลดอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้ของแบงก์ ออฟ อเมริกา, ซิตี้กรุ๊ป และเวลส์ ฟาร์โก แอนด์ โค เนื่องจากความกังวลว่ารัฐบาลสหรัฐฯกำลังมีความลังเลที่จะเข้าช่วยเหลือพวกธนาคารขนาดใหญ่ที่มีปัญหา ทั้งนี้มูดี้ส์ยังให้เรทติ้งแนวโน้มอนาคตของแบงก์เหล่านี้ไว้ที่ “ติดลบ” อีกด้วย
ฟิตช์แถลงเมื่อวันพุธ (16) ว่าแนวโน้มอุตสาหกรรมธนาคารของสหรัฐฯ กำลังมืดมนลง เว้นแต่วิกฤตหนี้ยูโรโซนคลี่คลายทันเวลาและอย่างเป็นระบบระเบียบ
แม้คำเตือนนี้มีถึงภาคการธนาคารทั้งหมดในเมืองลุงแซม แต่ปรากฏว่าหุ้นโกลด์แมน แซคส์ กรุ๊ป หล่นฮวบ 4.2% ในวันเดียวกัน ขณะที่หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ดิ่งแรงกว่าถึง 8% ซึ่งอาจสืบเนื่องจากการที่เมื่อต้นเดือนที่แล้ว ฟิตช์ประกาศจับตาโดยมีแนวโน้มลดอันดับแบงก์ใหญ่ระดับโลก 7 แห่ง ที่นอกจาก 2 รายนี้ยังมีแบงก์ยุโรป ได้แก่ บาร์เคลย์ แบงก์, บีเอ็นพี ปาริบาส์, เครดิต สวิส, ดอยช์ แบงก์ และโซซิเอเต้ เจเนราลรวมอยู่ด้วย
คริสโตเฟอร์ โวลฟ์ หนึ่งในนักวิเคราะห์ของฟิตช์ที่จัดทำรายงานฉบับนี้ ระบุว่าช่วงหลายปีมานี้ ธนาคารอเมริกันเข้าไปเทรดในยุโรปมากขึ้น แต่ลดธุรกิจการปล่อยกู้ปกติลง และปัญหาหนี้ที่ยังอ้อยอิ่งอยู่ในยุโรปอาจส่งผลต่อรายได้ในตลาดทุน เนื่องจาก 1 ใน 3 ของรายได้ในส่วนนี้ของแบงก์แดนอินทรีมาจากยุโรป
โวลฟ์เสริมว่า วิกฤตที่ลุกลามของยุโรปยังอาจส่งผลต่อการเข้าถึงแหล่งทุนของธนาคารสหรัฐฯ ด้วย
โจเซฟ สก็อตต์ ผู้ร่วมจัดทำรายงานของฟิตช์เสริมว่า แบงก์อเมริกันดูเหมือนสามารถรับมือกับการเข้าไปเกี่ยวข้องของพวกตนได้ เมื่อตอนที่ปัญหาหนี้สาธารณะยังปะทุรุนแรงอยู่ในชาติที่ถือเป็น “ชายขอบ” ของยูโรโซนอย่างเช่น กรีซและไอร์แลนด์ แต่ฟิตช์กลัวว่าเวลานี้ปัญหากำลังลุกลามสู่อิตาลีแล้ว และอาจแพร่ต่อไปยังประเทศยูโรโซนที่ใหญ่กว่า เช่น ฝรั่งเศสและเยอรมนี ซึ่งพวกแบงก์อเมริกันทำธุรกิจอยู่จำนวนมาก
โวลฟ์และสก็อตต์ไม่คิดว่าปัญหานี้จะสามารถแก้ไขได้ภายใน 12 เดือน และยังไม่น่าที่จะมีการปรับแนวโน้มของภาคการธนาคารของสหรัฐฯ เร็วๆ นี้
อนึ่ง เมื่อปลายเดือนกันยายน มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิสได้ลดอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้ของแบงก์ ออฟ อเมริกา, ซิตี้กรุ๊ป และเวลส์ ฟาร์โก แอนด์ โค เนื่องจากความกังวลว่ารัฐบาลสหรัฐฯกำลังมีความลังเลที่จะเข้าช่วยเหลือพวกธนาคารขนาดใหญ่ที่มีปัญหา ทั้งนี้มูดี้ส์ยังให้เรทติ้งแนวโน้มอนาคตของแบงก์เหล่านี้ไว้ที่ “ติดลบ” อีกด้วย