ตรัง - นายกสมาคมชาวสวนปาล์มจังหวัดตรังห่วงสถานการณ์ราคาปาล์มน้ำมันร่วงหนัก ด้าน ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เตรียมตั้งกระทู้สดถาม รมต. หลังทำให้พลังงานทดแทนเกิดปัญหาปั่นป่วน
นายมานิต วงษ์สุรีรัตน์ นายกสมาคมชาวสวนปาล์มจังหวัดตรัง และผู้จัดการ บริษัท ตรังน้ำมันปาล์ม จำกัด เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ปาล์มน้ำมัน ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญของภาคใต้ มีราคาตกต่ำลงมาจนเหลือแค่กิโลกรัมละ 3-4 บาทนั้น ได้ส่งผลกระทบแก่เกษตรอย่างยิ่ง ดังนั้น ตนจึงได้ประสานไปยังสมาคมปาล์มน้ำมันในจังหวัดอื่นๆ ของภาคใต้ เช่น ชุมพร สุราษฎร์ธานี กระบี่ เพื่อรวบรวมข้อมูลและสาเหตุที่ทำให้ราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำ เสนอให้รัฐบาลพิจารณาดำเนินการแก้ไขโดยเร็ว เพราะเกรงว่าหากปล่อยไว้ อาจจะทำให้ราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำลงไปมากกว่านี้ และทำให้เกิดผลกระทบต่อเกษตรกรในวงกว้างมากขึ้น
“ทั้งนี้ เนื่องจากในปัจจุบันต้นทุนในการผลิตปาล์มน้ำมันสูงขึ้นมาก ไม่ว่าจะเป็นปุ๋ย ยาปราบศัตรูพืช หรืออื่นๆ ฉะนั้น การที่จะให้เกษตรกรสามารถอยู่รอดได้ ปาล์มน้ำมันจะต้องมีราคาไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 4 บาท และการที่ช่วงขณะนี้มีผลผลิตออกมามากเกินกว่าความต้องการ เป็นผลมาจากนโยบายของทางรัฐบาลในการส่งเสริมพลังงานทดแทน หรือไบโอดีเซล เมื่อไม่มีความแน่นอน จึงทำให้ราคาปาล์มน้ำมันลดต่ำลง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สมาคมและเกษตรกรในพื้นที่ภาคใต้ยังคงไม่มีการเคลื่อนไหวประท้วง และจะเป็นวิธีการสุดท้ายที่นำมาใช้ เพราะต้องการนำเสนอปัญหาสู่รัฐบาล เพื่อให้รีบเร่งแก้ไขมากกว่า” นายกสมาคมชาวสวนปาล์มจังหวัดตรัง กล่าว
นายแพทย์สุกิจ อัถโถปกรณ์ ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะคณะกรรมการประสานงาน (วิป) พรรคร่วมฝ่ายค้าน เปิดเผยว่า จะนำปัญหาราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำไปตั้งกระทู้สด เพื่อสอบถามต่อรัฐมนตรีพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในสภาผู้แทนราษฎร เนื่องจากเริ่มมีเกษตรกรในพื้นที่ภาคใต้ร้องเรียนเข้ามามากแล้ว ไม่เช่นนั้นราคาก็จะยิ่งตกต่ำลงไปมากกว่านี้จนอยู่ไม่ได้ หลังจากที่เคยตั้งกระทู้สดเพื่อสอบถามผู้เกี่ยวข้องมาแล้วครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ เป็นผลมาจากความไม่ชัดเจนด้านนโยบายพลังงาน ทำให้ความต้องการไบโอดีเซลที่เคยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องกลับต้องมาสะดุดลงและส่งผลกระทบต่อเกษตรกรเป็นจำนวนมาก
“ปัญหาสำคัญเกิดมาจากนโยบายของรัฐบาลหลายเรื่องที่ไม่เข้าท่า โดยมุ่งเน้นไปทำในสิ่งที่ต้องการคะแนนความนิยมเพียงอย่างเดียว ขณะที่ผู้ที่กำกับดูแลด้านพลังงาน หรือด้านการเกษตร ก็ไม่เข้าใจต่อกลไกหรือระบบของปาล์มน้ำมัน และน้ำมันปาล์ม ทั้งที่การยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกรที่ดีที่สุด คือการสนับสนุนให้มีการผลิตและใช้ไบโอดีเซลในปริมาณที่สูงขึ้น ซึ่งจะทำให้ราคาปาล์มน้ำมันอยู่ในระดับที่ไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 6 บาท เหมือนกับแนวทางที่พรรคประชาธิปัตย์ได้ทำเอาไว้ในสมัยรัฐบาลที่แล้ว อีกทั้งขณะนี้ก็ควรจะพัฒนาจาก B2 ไปเป็น B3 และ B4 ได้แล้ว แต่รัฐบาลชุดปัจจุบันก็ยังไม่ยอมทำ” นายแพทย์สุกิจ อัถโถปกรณ์ กล่าว
นายมานิต วงษ์สุรีรัตน์ นายกสมาคมชาวสวนปาล์มจังหวัดตรัง และผู้จัดการ บริษัท ตรังน้ำมันปาล์ม จำกัด เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ปาล์มน้ำมัน ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญของภาคใต้ มีราคาตกต่ำลงมาจนเหลือแค่กิโลกรัมละ 3-4 บาทนั้น ได้ส่งผลกระทบแก่เกษตรอย่างยิ่ง ดังนั้น ตนจึงได้ประสานไปยังสมาคมปาล์มน้ำมันในจังหวัดอื่นๆ ของภาคใต้ เช่น ชุมพร สุราษฎร์ธานี กระบี่ เพื่อรวบรวมข้อมูลและสาเหตุที่ทำให้ราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำ เสนอให้รัฐบาลพิจารณาดำเนินการแก้ไขโดยเร็ว เพราะเกรงว่าหากปล่อยไว้ อาจจะทำให้ราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำลงไปมากกว่านี้ และทำให้เกิดผลกระทบต่อเกษตรกรในวงกว้างมากขึ้น
“ทั้งนี้ เนื่องจากในปัจจุบันต้นทุนในการผลิตปาล์มน้ำมันสูงขึ้นมาก ไม่ว่าจะเป็นปุ๋ย ยาปราบศัตรูพืช หรืออื่นๆ ฉะนั้น การที่จะให้เกษตรกรสามารถอยู่รอดได้ ปาล์มน้ำมันจะต้องมีราคาไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 4 บาท และการที่ช่วงขณะนี้มีผลผลิตออกมามากเกินกว่าความต้องการ เป็นผลมาจากนโยบายของทางรัฐบาลในการส่งเสริมพลังงานทดแทน หรือไบโอดีเซล เมื่อไม่มีความแน่นอน จึงทำให้ราคาปาล์มน้ำมันลดต่ำลง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สมาคมและเกษตรกรในพื้นที่ภาคใต้ยังคงไม่มีการเคลื่อนไหวประท้วง และจะเป็นวิธีการสุดท้ายที่นำมาใช้ เพราะต้องการนำเสนอปัญหาสู่รัฐบาล เพื่อให้รีบเร่งแก้ไขมากกว่า” นายกสมาคมชาวสวนปาล์มจังหวัดตรัง กล่าว
นายแพทย์สุกิจ อัถโถปกรณ์ ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะคณะกรรมการประสานงาน (วิป) พรรคร่วมฝ่ายค้าน เปิดเผยว่า จะนำปัญหาราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำไปตั้งกระทู้สด เพื่อสอบถามต่อรัฐมนตรีพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในสภาผู้แทนราษฎร เนื่องจากเริ่มมีเกษตรกรในพื้นที่ภาคใต้ร้องเรียนเข้ามามากแล้ว ไม่เช่นนั้นราคาก็จะยิ่งตกต่ำลงไปมากกว่านี้จนอยู่ไม่ได้ หลังจากที่เคยตั้งกระทู้สดเพื่อสอบถามผู้เกี่ยวข้องมาแล้วครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ เป็นผลมาจากความไม่ชัดเจนด้านนโยบายพลังงาน ทำให้ความต้องการไบโอดีเซลที่เคยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องกลับต้องมาสะดุดลงและส่งผลกระทบต่อเกษตรกรเป็นจำนวนมาก
“ปัญหาสำคัญเกิดมาจากนโยบายของรัฐบาลหลายเรื่องที่ไม่เข้าท่า โดยมุ่งเน้นไปทำในสิ่งที่ต้องการคะแนนความนิยมเพียงอย่างเดียว ขณะที่ผู้ที่กำกับดูแลด้านพลังงาน หรือด้านการเกษตร ก็ไม่เข้าใจต่อกลไกหรือระบบของปาล์มน้ำมัน และน้ำมันปาล์ม ทั้งที่การยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกรที่ดีที่สุด คือการสนับสนุนให้มีการผลิตและใช้ไบโอดีเซลในปริมาณที่สูงขึ้น ซึ่งจะทำให้ราคาปาล์มน้ำมันอยู่ในระดับที่ไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 6 บาท เหมือนกับแนวทางที่พรรคประชาธิปัตย์ได้ทำเอาไว้ในสมัยรัฐบาลที่แล้ว อีกทั้งขณะนี้ก็ควรจะพัฒนาจาก B2 ไปเป็น B3 และ B4 ได้แล้ว แต่รัฐบาลชุดปัจจุบันก็ยังไม่ยอมทำ” นายแพทย์สุกิจ อัถโถปกรณ์ กล่าว
