xs
xsm
sm
md
lg

รัฐบาลหน้าไม่อาย ลอยแพประชาชน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

**หลังจากที่ “ถูลู่ถูกัง” อยู่ในที่ตั้งไม่หวั่นไหวกับกระแสน้ำที่จ่อคอหอยอยู่ได้ไม่กี่วัน ในที่สุดรัฐบาลก็จำต้องหนี “หัวซุกหัวซุน” ย้ายศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ออกจากท่าอากาศยานดอนเมือง มาปักหลักที่ใหม่ อาคารเอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ กระทรวงพลังงาน ริมถนนวิภาวดีฯ
เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะหากประเมินสถานการณ์แบบปุถุชนทั่วไป ก็น่าจะรู้ดีว่า ยุทธภูมิซึ่งเป็นที่ “ดอน” ของสนามดอนเมือง คงไม่รอดพ้นจากเงื้อมือ “มวลน้ำก้อนมหึมา” ที่กำลังจะเข้ามาเยือน ซึ่งก่อนหน้านี้มีการโยนประเด็นเรื่องการย้ายที่ทำการ ศปภ.นั้นพูดกันมาเป็นสัปดาห์แล้ว สื่อมวลชนก็คอยจ้องสอบถามผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด ทั้ง “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี “ประชา พรหมนอก” ผอ.ศปภ. หรือแม้แต่ทีมงานโฆษกศปภ. ก็ตาม ต่างปฏิเสธเสียงแข็งว่า ยังไม่มีความจำเป็นที่ต้องย้าย
ที่สุดก็เป็นเพียงความพยายามโฆษณาชวนเชื่อ ปิดบังกลบเกลื่อนความล้มเหลวของตัวเองเท่านั้น และกลัวที่จะ “เสียหน้า” อย่างที่ถูกวิจารณ์มาก่อนหน้านี้ เพราะเมื่อสถานการณ์จวนตัว “กองทัพน้ำ” บุกล้อมสนามบินดอนเมือง และทะลักล้นเข้ามาในพื้นที่ ส่งผลถึงระบบไฟฟ้าดับ น้ำประปาไม่ไหล “ผอ.ประชา” ก็ต้องสั่งการให้ย้ายฐานทัพ ศปภ. เป็นการด่วน
ไม่เพียงแต่ “เสียฟอร์ม” ที่ไม่สามารถรักษากองบัญชาการใหญ่เอาไว้ได้เท่านั้น รัฐบาลโดย ศปภ.ยังปล่อยปละละเลย “ผู้อพยพ” หลายร้อยคนที่ยังอยู่ในศูนย์พักพิง อาคาร 2 สนามบินดอนเมือง ออกมาอย่างไม่ใยดี
แม้ว่าเขาเหล่านั้นจะแสดงเจตจำนงค์จะขอปักหลักอยู่ที่เดิม และไม่สมัครใจที่จะย้ายไปศูนย์ที่ต่างจังหวัดเช่นผู้อพยพคนอื่น แต่อย่างน้อยในฐานะรัฐบาลก็ควรที่จะดูแลในสวัสดิภาพของประชาชน โดยเฉพาะที่ในสภาวะที่ถูกน้ำล้อมรอบสูงไม่ต่ำกว่าครึ่งเมตร ถูกตัดน้ำ-ไฟทั้งหมด ข้าวของเสบียงก็ร่อยหรอลงทุกที แถมยังมีคนแก่คนเจ็บ และเด็กอีกเป็นจำนวนมาก
**ถือเป็นการเอาตัวรอดและ “ลอยแพ” ประชาชนตาดำๆ ที่หวังมา “พึ่งใบบุญ” อยู่ในศูนย์พักพิงข้างๆ ศปภ.อย่างน่าไม่อาย
นอกจากนี้กระแสน้ำที่เชี่ยวกราก ยังได้ช่วยประจานความอ่อนด้อยของรัฐบาลอีกด้วย กับสภาพข้าวของที่ได้รับบริจาคจากประชาชน และต่างประเทศ ทั้งใหญ่น้อยต่างถูกทิ้งภายในอาคาร และจมน้ำเป็นจำนวนมาก ทั้งเสื้อผ้า น้ำดื่ม และเครื่องอุปโภคบริโภคอื่นอีกเพียบ
ไม่นานนักสังคมโซเชียลเน็ตเวิร์กทั้งหลาย “ทวิตเตอร์-เฟซบุ๊ก-ยูทู้บ” ก็แพร่กระจายขยายข่าวเป็นที่ขายขี้หน้าไปทั่วโลก ที่ปรากฏภาพน้ำดื่มบรรจุขวด กองถุงยังชีพ เรือพลาสติก และเรือติดเครื่องยนต์ ที่สำคัญกับสุขาลอยน้ำ ที่ได้รับการบริจาคจากประเทศญี่ปุ่น แปะสติกเกอร์ JAPAN อีกนับร้อยห้อง
และยังมีรายงานข่าวอีกด้วยว่า นอกจากสิ่งของที่ได้รับการบริจาคจากภาคส่วนต่างๆแล้ว ศปภ.ยังได้นำเงินบริจาคส่วนหนึ่งไปจัดซื้อถุงยังชีพอีกต่างหาก ในราคาถุงละ 500 บาทอีกเป็นจำนวนมาก แต่สุดท้ายไม่ถึงมือผู้ประสบภัย
**กลายเป็น “ซาก” ประจานรัฐบาล และเป็น “สุสาน” ของธารน้ำใจของผู้ให้ ที่ไปไม่ถึงผู้รับ
ภัยพิบัติครั้งประวัติศาสตร์ยังไม่ผ่านพ้นไป แต่ความเลวร้ายเข้าขั้น “อัปยศ” ของรัฐบาลนี้กลับผุดขึ้นมาไม่หยุดหย่อน ราวกับ “น้ำเน่า” ที่โผล่ขึ้นมาตามท่อ นอกจากความอ่อนด้อยในการแก้ไขปัญหา บริหารจัดการระบบการทำงาน หรือแม้แต่ของบริจาค ยังมีพวก “เหลือบไร” ที่เป็นกลุ่มคนที่อยู่เบื้องหลังรัฐบาลในการฉวยโอกาสเบียดบังสิ่งของที่ประชาชนบริจาคช่วยผู้ประสบอุทกภัยผ่าน ศปภ.ไปใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง แปะป้ายเอาหน้าให้กับตัวเอง รวมกับชื่อของ “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” นักโทษหนีคดีที่อยู่แดนไกลอีกต่างหาก
ตอกย้ำความง่อยเปลี้ยเสียขาไม่มี “ปัญญา” ในการบริหารประเทศ แถมยังปล่อยให้เกิดพฤติกรรม “อัปยศ” ให้เกิดขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อนแล้ว
**ผ่านวิกฤตติครั้งนี้ไป นอกจากจะไม่ได้ใจประชาชนแล้ว ก็ยังเหมือนขุดหลุมฝังตัวเองอีกต่างหาก
กำลังโหลดความคิดเห็น