ASTVผู้จัดการรายวัน- นายกฯห่วงไฟใต้มอบ " โกวิท-ยุทธศักดิ์ " ลงพื้นที่ตามสถานการณ์ เผยเหตุป่วนเมืองยะลา 24 จุดตาย 4 ศพโจร 2 ชาวบ้าน 2ศพ ด้าน จนท.กองพิสูจน์ยะลาตรวจสอบภาพวงจรปิดพบคนร้ายไม่น้อยกว่า 50 คนร่วมลงมือปฏิบัติการณ์เป็นทีม ผู้นำศาสนาเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยุติความรุนแรง แนะรัฐชี้แจงประชาชนแก้ปมที่ทำให้ฝังใจ เชื่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีส่วนมาจากการสับเปลี่ยนเลขาธิการ ศอ.บต. ขณะที่ กอ.รมน.สงขลาจัดกำลังคุมเข้มย่านการค้าสำคัญกลางเมืองหาดใหญ่ หลังตกเป็นเป้าป่วนช่วง 10 วันอันตราย
วานนี้ (26) ที่ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ดอนเมือง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดเหตุระเบิดที่ จ.ยะลากรณีครบรอบ 7 ปีกรือแซะเมื่อวันที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านมาว่า ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา
รมว.กลาโหม ลงพื้นที่ แต่ยอมรับว่าห่วงกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งต้องระมัดระวัง เพราะอาจจะเกิดเหตุการณ์แทรกซ้อนขึ้นมาได้ในช่วงที่เรากำลังแก้ไขปัญหาอุทกภัย แต่ได้บูรณาการ การทำงานร่วมกับกองทัพในการตัดสินใจให้รวดเร็วขึ้น ซึ่งจะค่อย ๆ ทำความเข้าใจและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นและจนถึงขณะนี้ พล.ต.อ.โกวิท ยังไม่ได้รายงานความคืบหน้าเข้ามาขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ได้ทำงานก่อน
ส่วนที่สำนักงานตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานจังหวัดชายแดนภาคใต้ สำนักงานกองพิสูจน์หลักฐานที่ 10 จ.ยะลา เจ้าหน้าที่ได้นำภาพวงปิดจากกล้อง CCTV ในเขตเทศบาลนครยะลา มาตรวจสอบพบว่าคนร้ายมีการเตรียมตัว และอำพรางรูปพรรณมาเป็นอย่างดี ขับรถจักรยานยนต์ที่ใช้เป็นจักรยานยนต์บอมบ์คันละ 1 คน โดยนัดหมายเพื่อนให้มารับตัวไป หลังนำรถมาจอดที่เป้าหมาย โดยบรรจุระเบิดชนิดแสวงเครื่องน้ำหนักประมาณ 5 กิโลกรัมไว้ในจักรยานยนต์ ในขณะที่แนวร่วมส่วนหนึ่งนำระเบิดชนิดแสวงเครื่องแบบตั้งเวลาระเบิด ไปวางไว้ในหลายจุดในเขตเทศบาลนครยะลา
ทั้งนี้ สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรวมระเบิดทั้งสิ้น 24 จุด เจ้าหน้าที่สามารถเก็บกู้ได้ 4 ลูก คนร้ายเสียชีวิต 2 ศพชาวบ้าน 2 ศพ บาดเจ็บกว่า 50 คนและมีรายงานว่าคนร้ายยิงเอ็ม 79 ใส่ป้อมขุนไวอีก 2 ลูก แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ
**ภาค4เข้มแจ้งปชช.อยู่ในเหะสถาน
ด้าน พล.ต.อัคร ทิพโรจน์ รอง ผอ.รมน.ภาค 4 และโฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวว่า มีประเด็นที่น่าสนใจคือในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา นโยบายสานใจสู่สันติของ พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 ที่เปิดโอกาสนำคนกลับบ้านได้บังเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม ทำให้ทางราชการมีข้อมูลบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการก่อเหตุรุนแรง นำไปสู่การจับกุมแกนนำระดับสูงและระดับปฏิบัติการได้หลายคน ทำให้ล่วงรู้แผนการโจมตีของผู้ก่อความไม่สงบ และสามารถตอบโต้และจับกุมผู้ที่ก่อเหตุได้อย่างทันท่วงทีหลายครั้ง ผู้ก่อความไม่สงบที่ยังหลบหนีอยู่จึงรวมกลุ่มกันออกมาก่อเหตุเพื่อตอบโต้เจ้าหน้าที่
ด้านเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงแจ้งว่า ในพื้นที่อำเภอรอบนอก พบใบปลิวถูกทิ้งไว้จำนวนมากเมื่อตรวจสอบพบว่าในใบปลิวแผ่นที่ 1 พิมพ์ข้อความว่า “เผามัสยิดกรือแซะ หะยีสุหลง ตากใบ อีหม่ามยะผา ไอร์ปาแย บ้านกาโสด ฆ่าเยาวชนด้วยอาวุธหนัก 4X100 ฆ่าผู้นำชุมชน วางระเบิดกุโบร์ดต๊ะอาเย๊าะ และอีกมากมาย” ส่วนแผ่นที่ 2 มีภาพทหารถือปืนเหยียบหัวกะโหลก เขียนว่า “ตากใบ 25/10/2004อุสตาซ ครูสอนศาสนา นักเรียน นักศึกษา ประชาชน”
**ผู้นำศาสนาเชื่อเหตุเปลี่ยนเลขาฯศอ.บต.
ทางด้านนายนิมุ มะกาเจ อดีตรองประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดยะลา และผู้ทรงคุณวุฒิจังหวัดยะลา กล่าวว่า หน่วยงานราชการต้องชี้แจงทำความเข้าใจให้ประชาชนทราบในกรณีที่เกิดขึ้น แม้ว่าจะมีเสียงตามสายของ ศอ.บต.ชี้แจงไปแล้วก็ตาม การก่อเหตุในครั้งนี้จากที่ได้พบเห็นใบปลิวของผู้ไม่หวังดีโปรยทิ้งในหลายจุดนั้น
“ ถ้ายังมีเหตุการณ์เช่นนี้การต่อรองทุกด้านจะยุ่งยากมากยิ่งขึ้น ทั้งการต่อรองการชดใช้ต่อชีวิต ทรัพย์สิน ต่อรองการลงโทษผู้กระทำความผิด ต่อรองการใช้กฎหมายในพื้นที่ นอกจากผู้บาดเจ็บล้มตายแล้ว ยังมีครอบครัวก็คือ พ่อ แม่ ลูก เมีย ที่คงมีชีวิตรับพฤติกรรมการกระทำเช่นวันนี้ที่เสียมากกว่าได้”
นายนิมุ กล่าวอีกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถี่มากขึ้นในขณะนี้ ตนเชื่อว่าส่วนหนึ่งมาจากการสับเปลี่ยนนโยบาย หรือตำแหน่งเลขาธิการ ศอ.บต.เนื่องจากเมื่อมีผู้ที่มาทำหน้าที่รู้สาเหตุแห่งปัญหา รู้พื้นที่ เข้าใจและเข้าถึงประชาชนได้มาก เมื่อมีการเปลี่ยนแปลง ย่อมทำให้เกิดความรู้สึกที่ไม่ดีเกิดขึ้น เพราะการแก้ปัญหาหาที่เกิดขึ้นต้องมีการเรียนรู้ และใช้เวลาในการทำงาน
**หาดใหญ่เข้มย่านการค้าเสี่ยงบึ้ม**
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มาตรการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ย่านเศรษฐกิจการค้าเป็นไปอย่างรัดกุม หลังสถานการณ์ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังคงเกิดเหตุรุนแรงอย่างต่อเนื่องและมีการแจ้งเตือนให้เฝ้าระวัง อ.หาดใหญ่ เป็นกรณีพิเศษ เพราะตกเป็นหนึ่งในเป้าหมายของการก่อเหตุในช่วงระหว่างวันที่ 25 ต.ค.-5 พ.ย.โดยจะมีการยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยสูงสุดในระหว่างวันที่ 29 ต.ค.-1 พ.ย.
วานนี้ (26) ที่ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ดอนเมือง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดเหตุระเบิดที่ จ.ยะลากรณีครบรอบ 7 ปีกรือแซะเมื่อวันที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านมาว่า ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา
รมว.กลาโหม ลงพื้นที่ แต่ยอมรับว่าห่วงกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งต้องระมัดระวัง เพราะอาจจะเกิดเหตุการณ์แทรกซ้อนขึ้นมาได้ในช่วงที่เรากำลังแก้ไขปัญหาอุทกภัย แต่ได้บูรณาการ การทำงานร่วมกับกองทัพในการตัดสินใจให้รวดเร็วขึ้น ซึ่งจะค่อย ๆ ทำความเข้าใจและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นและจนถึงขณะนี้ พล.ต.อ.โกวิท ยังไม่ได้รายงานความคืบหน้าเข้ามาขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ได้ทำงานก่อน
ส่วนที่สำนักงานตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานจังหวัดชายแดนภาคใต้ สำนักงานกองพิสูจน์หลักฐานที่ 10 จ.ยะลา เจ้าหน้าที่ได้นำภาพวงปิดจากกล้อง CCTV ในเขตเทศบาลนครยะลา มาตรวจสอบพบว่าคนร้ายมีการเตรียมตัว และอำพรางรูปพรรณมาเป็นอย่างดี ขับรถจักรยานยนต์ที่ใช้เป็นจักรยานยนต์บอมบ์คันละ 1 คน โดยนัดหมายเพื่อนให้มารับตัวไป หลังนำรถมาจอดที่เป้าหมาย โดยบรรจุระเบิดชนิดแสวงเครื่องน้ำหนักประมาณ 5 กิโลกรัมไว้ในจักรยานยนต์ ในขณะที่แนวร่วมส่วนหนึ่งนำระเบิดชนิดแสวงเครื่องแบบตั้งเวลาระเบิด ไปวางไว้ในหลายจุดในเขตเทศบาลนครยะลา
ทั้งนี้ สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรวมระเบิดทั้งสิ้น 24 จุด เจ้าหน้าที่สามารถเก็บกู้ได้ 4 ลูก คนร้ายเสียชีวิต 2 ศพชาวบ้าน 2 ศพ บาดเจ็บกว่า 50 คนและมีรายงานว่าคนร้ายยิงเอ็ม 79 ใส่ป้อมขุนไวอีก 2 ลูก แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ
**ภาค4เข้มแจ้งปชช.อยู่ในเหะสถาน
ด้าน พล.ต.อัคร ทิพโรจน์ รอง ผอ.รมน.ภาค 4 และโฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวว่า มีประเด็นที่น่าสนใจคือในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา นโยบายสานใจสู่สันติของ พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 ที่เปิดโอกาสนำคนกลับบ้านได้บังเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม ทำให้ทางราชการมีข้อมูลบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการก่อเหตุรุนแรง นำไปสู่การจับกุมแกนนำระดับสูงและระดับปฏิบัติการได้หลายคน ทำให้ล่วงรู้แผนการโจมตีของผู้ก่อความไม่สงบ และสามารถตอบโต้และจับกุมผู้ที่ก่อเหตุได้อย่างทันท่วงทีหลายครั้ง ผู้ก่อความไม่สงบที่ยังหลบหนีอยู่จึงรวมกลุ่มกันออกมาก่อเหตุเพื่อตอบโต้เจ้าหน้าที่
ด้านเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงแจ้งว่า ในพื้นที่อำเภอรอบนอก พบใบปลิวถูกทิ้งไว้จำนวนมากเมื่อตรวจสอบพบว่าในใบปลิวแผ่นที่ 1 พิมพ์ข้อความว่า “เผามัสยิดกรือแซะ หะยีสุหลง ตากใบ อีหม่ามยะผา ไอร์ปาแย บ้านกาโสด ฆ่าเยาวชนด้วยอาวุธหนัก 4X100 ฆ่าผู้นำชุมชน วางระเบิดกุโบร์ดต๊ะอาเย๊าะ และอีกมากมาย” ส่วนแผ่นที่ 2 มีภาพทหารถือปืนเหยียบหัวกะโหลก เขียนว่า “ตากใบ 25/10/2004อุสตาซ ครูสอนศาสนา นักเรียน นักศึกษา ประชาชน”
**ผู้นำศาสนาเชื่อเหตุเปลี่ยนเลขาฯศอ.บต.
ทางด้านนายนิมุ มะกาเจ อดีตรองประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดยะลา และผู้ทรงคุณวุฒิจังหวัดยะลา กล่าวว่า หน่วยงานราชการต้องชี้แจงทำความเข้าใจให้ประชาชนทราบในกรณีที่เกิดขึ้น แม้ว่าจะมีเสียงตามสายของ ศอ.บต.ชี้แจงไปแล้วก็ตาม การก่อเหตุในครั้งนี้จากที่ได้พบเห็นใบปลิวของผู้ไม่หวังดีโปรยทิ้งในหลายจุดนั้น
“ ถ้ายังมีเหตุการณ์เช่นนี้การต่อรองทุกด้านจะยุ่งยากมากยิ่งขึ้น ทั้งการต่อรองการชดใช้ต่อชีวิต ทรัพย์สิน ต่อรองการลงโทษผู้กระทำความผิด ต่อรองการใช้กฎหมายในพื้นที่ นอกจากผู้บาดเจ็บล้มตายแล้ว ยังมีครอบครัวก็คือ พ่อ แม่ ลูก เมีย ที่คงมีชีวิตรับพฤติกรรมการกระทำเช่นวันนี้ที่เสียมากกว่าได้”
นายนิมุ กล่าวอีกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถี่มากขึ้นในขณะนี้ ตนเชื่อว่าส่วนหนึ่งมาจากการสับเปลี่ยนนโยบาย หรือตำแหน่งเลขาธิการ ศอ.บต.เนื่องจากเมื่อมีผู้ที่มาทำหน้าที่รู้สาเหตุแห่งปัญหา รู้พื้นที่ เข้าใจและเข้าถึงประชาชนได้มาก เมื่อมีการเปลี่ยนแปลง ย่อมทำให้เกิดความรู้สึกที่ไม่ดีเกิดขึ้น เพราะการแก้ปัญหาหาที่เกิดขึ้นต้องมีการเรียนรู้ และใช้เวลาในการทำงาน
**หาดใหญ่เข้มย่านการค้าเสี่ยงบึ้ม**
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มาตรการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ย่านเศรษฐกิจการค้าเป็นไปอย่างรัดกุม หลังสถานการณ์ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังคงเกิดเหตุรุนแรงอย่างต่อเนื่องและมีการแจ้งเตือนให้เฝ้าระวัง อ.หาดใหญ่ เป็นกรณีพิเศษ เพราะตกเป็นหนึ่งในเป้าหมายของการก่อเหตุในช่วงระหว่างวันที่ 25 ต.ค.-5 พ.ย.โดยจะมีการยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยสูงสุดในระหว่างวันที่ 29 ต.ค.-1 พ.ย.