**ท่ามกลางสถานการณ์น้ำท่วมวิกฤติหนัก น้ำจ่อคอหอยท่วมบ้านเรือนในเมืองหลวง ไม่เว้นแม้กระทั่งบ้านส.ส. รัฐมนตรีผู้ทรงเกียรติ แต่ยังปรากฏข่าวความเคลื่อนไหวทางการเมืองประปราย
โดยเฉพาะการออกมาดักคอ จิกกัดทหารของแกนนำคนเสื้อแดงอย่างต่อเนื่อง นำโดย “จตุพร พรหมพันธุ์” ตุ๊ดตู่ ขาป่วน ออกมาพูดเรื่องแหลมๆ คมๆ ชนิดไม่กลัวโดนด่า ยามหน้าสิ่วหน้าขวานยังพูดได้เป็นวรรคเป็นเวร
กรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการฉุกเฉิน “จตุพร” ออกมาโดดงับเหยื่อ ตั้งข้อสังเกตว่ามันเป็นการเชื้อเชิญเปิดช่องให้ทหารปฏิวัติรัฐประหาร นำกำลังออกมากุมยุทธศาสตร์ต่างๆ แล้วถือโอกาสยึดอำนาจเสีย
ไม่รู้คิดได้อย่างไร สภาวะแบบนี้ทหารจะปฏิวัติไปทำไม ปฏิวัติเพื่อให้ตัวเองเข้ามาแก้ไขปัญหาน้ำท่วมอย่างนั้นหรือ บ้านเมืองกำลังเผชิญกับภัยธรรมชาติ ไม่ใช่ภัยจากน้ำมือมนุษย์เสียเมื่อไหร่ จะยึดอำนาจจากใคร ยึดอำนาจจากมวลน้ำก้อนใหญ่อย่างนั้นหรือ ? “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ผบ.ทบ. ออกมาตวาดเสียงดัง "น้ำจ่อจะถึงคอคงไม่คิดโง่ๆ ปฏิวัติตอนนี้"
**นั่นก็เป็นมุกการเมือง อาจเป็นยุทธศาสตร์ของคนเสื้อแดง ที่ต้องการรักษาพื้นที่ รักษากำลังมวลชนไว้ ไม่ให้หลงลืมไป แล้วพร้อมสำหรับเกมต่อสู้ครั้งต่อไปหลังน้ำลด เพียงแต่ภาพที่สะท้อนออกมาไม่น่าโสภาเอาเสียเลย
สถานการณ์น้ำท่วมวันนี้ นับวันยิ่งแย่ นับวันยิ่งวิกฤติหนัก รัฐบาลที่นำโดย "ยิ่งลักษณ์" เริ่มยอมรับสภาพ ต้องคายความจริงออกมาเรื่อยๆ หลังจากปากแข็งมาตลอดว่า มหาอุทกภัยครั้งนี้อยู่ในวิสัยที่รัฐบาลรับมือได้
แต่กลับเกิดเหตุการณ์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ที่สวนทางกับลมปากของรัฐบาล นิคมอุตสาหกรรมทุกแห่งที่น้ำผ่านไปพังเรียบวุธ คันกั้นน้ำ ประตูระบายน้ำต่างๆ แตก เสียหาย ประชาชนอกสั่นขวัญแขวนไปตามๆ กัน
ชาวบ้านยังคงว้าเหว่กับการทำงานของภาครัฐอย่างต่อเนื่อง หลังเห็นความสะเปะสะปะไร้ทิศทาง ขาดการประสานงานที่ดี ทั้งใน ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยเอง หรือ ศปภ. เอง รวมไปถึงการประสานงานระหว่าง ศปภ. กับ กทม. ที่มี "มรว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร" ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร จากฟากพรรคประชาธิปัตย์บัญชาการอยู่
โดยเฉพาะ กับ "สุขุมพันธุ์" ยิ่งนานวันยิ่งขัดแย้ง เกาเหลาชามโตขึ้นเรื่อยๆ มานั่งประชุมกันอย่าง แต่ออกไปพูดกันคนละอย่าง การทำงานของกทม. เริ่มตีตัวออกห่างเป็นเอกเทศ รัฐบาลสั่งแล้วก็ไม่ค่อยจะโอนอ่อนทำตาม
ล่าสุดรัฐบาลได้งัด พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย มาตรา 31 มาใช้เป็นไม้ตายกุมอำนาจการแก้ไขปัญหาอุทกภัยทั้งหมดอย่างเบ็ดเสร็จ รวมศูนย์อำนาจเข้ามาไว้ในมือตัวเอง หลังจากสั่งการหน่วยงานต่างๆ แล้วเกิดอาการแข็งข้อ โดยมีบทลงโทษทั้งทางอาญา วินัย เป็นดาบอาญาสิทธิ์
การสั่งการของ ศปภ.ไปยัง กทม. การทำงานร่วมกันกับกทม. นับเป็นปัญหามาตลอด จนสื่อเอาไปเขียนกันเละตุ้มเป๊ะ ประชาชนก็เห็นภาพกันชัดๆ อยู่ ล่าสุดโพลต่างๆ ก็ระบุชัดเจนว่าเบื่อหน่ายการเล่นเกมการเมือง บนหน้าสิ่วหน้าขวาน รัฐบาลกับกทม. ทะเลาะกัน
รัฐบาลนำอำนาจสั่งการทั้งหมดมาไว้ในมือ เพราะประเมินผลได้ผลเสียแล้ว คนที่ต้องเป็นผู้ได้รับคำตัดสินจากประชาชนเป็นบทสรุปสุดท้ายหนีไม่พ้นรัฐบาลเอง ดังนั้นจึงขอเป็นผู้ทำเองรับผิดชอบเองดีกว่าจะโยนไปให้ฝ่ายอื่นทำ แล้วตัวเองต้องมาพลอยรับกรรมไปด้วยหากผลลัพธ์ออกมาไม่ดี
**วันนี้ ศปภ.ได้ทำการยึดอำนาจจากกทม. อย่างเบ็ดเสร็จ ตั้งทีมงานศปภ. ส่วนหน้า มอบหมาย "พระนาย สุวรรณรัฐ" ปลัดกระทรวงหมาดไทย เข้าไปนั่งที่ศาลาว่าการกทม. ครอบการทำงานของ "สุขุมพันธุ์" ไว้ทั้งหมด
“คุณชายไวน์เลิฟเวอร์” จากพรรคประชาธิปัตย์ กลายเป็นเพียงลูกมือ คอยปฏิบัติตามคำสั่งรัฐบาลเท่านั้น
ขณะเดียวกันรัฐบาลยังดึงเอา "ปราโมทย์ ไม้กลัด" อดีตอธิบดีกรมชลประทาน ที่กทม.ตั้งเป็นที่ปรึกษามาหมาดๆ มาร่วมวงคุยบนโต๊ะที่ ศปภ.ด้วย เรียกว่าทั้งดึง ทั้งดูด มาหมด
อย่างไรก็ดี น่าสังเกตถึงการแต่งตั้งคณะทำงานบริหารจัดการระบายน้ำในพื้นที่เกิดสาธารณภัยร้ายแรง ที่มีนายวีระ วงศ์แสงนาค อดีตรองอธิบดีกรมชลประทาน เป็นประธาน มีนายกิจจา ผลภาษี อดีตอธิบดีกรมชลประทาน เป็นที่ปรึกษา รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญเรื่องน้ำ เรื่องชลประทานอีกบานเบอะ ท่ามกลางข้อสงสัยว่า แล้วที่มีอยู่คืออะไร ทำงานใช้ไม่ได้ หรือว่า ทำไม่ได้ดั่งใจ
"ธีระ วงศ์สมุทร" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร และสหกรณ์ "ชลิต ดำรงศักดิ์" อธิบดีกรมชลประทาน ทำงานได้ไม่เข้าเป้าหรืออย่างไร จึงตั้งอีกทีมซ้อนทับขึ้นมา หรือมันอาจเป็นเกมขบเหลี่ยมการเมืองอีกอันหนึ่ง เนื่องเพราะคนเหล่านี้มีเงาตะคุ่มๆ ของ "บรรหาร ศิลปอาชา" อยู่เบื้องหลัง
ก่อนหน้านี้ ก็มีปัญหาถึงขึ้นทุ่มเถียงกันออกหน้าสื่อมาแล้ว ระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคชาติไทยพัฒนา ถึงขนาดที่ หลงจู๊ เติ้ง เมืองสุพรรณ ต้องออกมาชี้แจงจนคอแหบแห้ง ซ้ำยังต้องเดินสายไปชี้แจงกับสื่อมวลชนถึงสำนักพิมพ์ เพื่อปัดข้อครหาป้องกันน้ำเข้าพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี จึงเป็นที่น่าจับตาว่า บทบาทของคณะกรรมการเฉพาะกิจที่ตั้งขึ้นมานี้ จะเป็นอย่างไร จะรับหน้าเสื่อยึดอำนาจมาเหมือนกับที่ยึดจาก กทม.หรือเปล่า
แต่ถ้าเอาอำนาจทุกอย่างทั้งหมดมาไว้ในมือแล้ว นับจากนี้ไปยังทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ยังทำงานแบบตั้งรับ จำนนต่อปัญหาแบบที่เคยๆ มา รัฐบาลคงไม่สามารถโทษใครได้อีกแล้ว ต้องรับเอาไว้เองเต็มๆ ถือได้ว่าเป็นการเดิมพันครั้งสุดท้ายของรัฐบาลจริงๆ
"รัฐบาลยิ่งลักษณ์" ที่ชนะเลือกตั้งมาอย่างถล่มทลาย กำลังเผชิญวิกฤติศรัทธาจากมหาอุทกภัย วันนี้เป็นเรื่องที่ต้องทำใจ เท่าที่เห็นวันนี้ความนิยมของรัฐบาลคงมีแต่ทรง กับทรุด เท่านั้น
**ภาพของ "ยิ่งลักษณ์" นายกรัฐมนตรีหญิงคนน่ารัก ขวัญใจรากหญ้า ที่อดทนตรากตรำลุยงาน คงช่วยกอบกู้รัฐบาลได้แค่บางส่วนเท่านั้น ถ้าสุดท้ายการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมล้มเหลว ประเทศพินาศย่อยยับ เมืองหลวงยับเยิน ต้องฟื้นฟูกันยาวนานขนานใหญ่
**ก็นับเป็นความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ เป็นบทเรียนของ "นายกฯด้อยประสบการณ์"
โดยเฉพาะการออกมาดักคอ จิกกัดทหารของแกนนำคนเสื้อแดงอย่างต่อเนื่อง นำโดย “จตุพร พรหมพันธุ์” ตุ๊ดตู่ ขาป่วน ออกมาพูดเรื่องแหลมๆ คมๆ ชนิดไม่กลัวโดนด่า ยามหน้าสิ่วหน้าขวานยังพูดได้เป็นวรรคเป็นเวร
กรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการฉุกเฉิน “จตุพร” ออกมาโดดงับเหยื่อ ตั้งข้อสังเกตว่ามันเป็นการเชื้อเชิญเปิดช่องให้ทหารปฏิวัติรัฐประหาร นำกำลังออกมากุมยุทธศาสตร์ต่างๆ แล้วถือโอกาสยึดอำนาจเสีย
ไม่รู้คิดได้อย่างไร สภาวะแบบนี้ทหารจะปฏิวัติไปทำไม ปฏิวัติเพื่อให้ตัวเองเข้ามาแก้ไขปัญหาน้ำท่วมอย่างนั้นหรือ บ้านเมืองกำลังเผชิญกับภัยธรรมชาติ ไม่ใช่ภัยจากน้ำมือมนุษย์เสียเมื่อไหร่ จะยึดอำนาจจากใคร ยึดอำนาจจากมวลน้ำก้อนใหญ่อย่างนั้นหรือ ? “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ผบ.ทบ. ออกมาตวาดเสียงดัง "น้ำจ่อจะถึงคอคงไม่คิดโง่ๆ ปฏิวัติตอนนี้"
**นั่นก็เป็นมุกการเมือง อาจเป็นยุทธศาสตร์ของคนเสื้อแดง ที่ต้องการรักษาพื้นที่ รักษากำลังมวลชนไว้ ไม่ให้หลงลืมไป แล้วพร้อมสำหรับเกมต่อสู้ครั้งต่อไปหลังน้ำลด เพียงแต่ภาพที่สะท้อนออกมาไม่น่าโสภาเอาเสียเลย
สถานการณ์น้ำท่วมวันนี้ นับวันยิ่งแย่ นับวันยิ่งวิกฤติหนัก รัฐบาลที่นำโดย "ยิ่งลักษณ์" เริ่มยอมรับสภาพ ต้องคายความจริงออกมาเรื่อยๆ หลังจากปากแข็งมาตลอดว่า มหาอุทกภัยครั้งนี้อยู่ในวิสัยที่รัฐบาลรับมือได้
แต่กลับเกิดเหตุการณ์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ที่สวนทางกับลมปากของรัฐบาล นิคมอุตสาหกรรมทุกแห่งที่น้ำผ่านไปพังเรียบวุธ คันกั้นน้ำ ประตูระบายน้ำต่างๆ แตก เสียหาย ประชาชนอกสั่นขวัญแขวนไปตามๆ กัน
ชาวบ้านยังคงว้าเหว่กับการทำงานของภาครัฐอย่างต่อเนื่อง หลังเห็นความสะเปะสะปะไร้ทิศทาง ขาดการประสานงานที่ดี ทั้งใน ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยเอง หรือ ศปภ. เอง รวมไปถึงการประสานงานระหว่าง ศปภ. กับ กทม. ที่มี "มรว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร" ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร จากฟากพรรคประชาธิปัตย์บัญชาการอยู่
โดยเฉพาะ กับ "สุขุมพันธุ์" ยิ่งนานวันยิ่งขัดแย้ง เกาเหลาชามโตขึ้นเรื่อยๆ มานั่งประชุมกันอย่าง แต่ออกไปพูดกันคนละอย่าง การทำงานของกทม. เริ่มตีตัวออกห่างเป็นเอกเทศ รัฐบาลสั่งแล้วก็ไม่ค่อยจะโอนอ่อนทำตาม
ล่าสุดรัฐบาลได้งัด พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย มาตรา 31 มาใช้เป็นไม้ตายกุมอำนาจการแก้ไขปัญหาอุทกภัยทั้งหมดอย่างเบ็ดเสร็จ รวมศูนย์อำนาจเข้ามาไว้ในมือตัวเอง หลังจากสั่งการหน่วยงานต่างๆ แล้วเกิดอาการแข็งข้อ โดยมีบทลงโทษทั้งทางอาญา วินัย เป็นดาบอาญาสิทธิ์
การสั่งการของ ศปภ.ไปยัง กทม. การทำงานร่วมกันกับกทม. นับเป็นปัญหามาตลอด จนสื่อเอาไปเขียนกันเละตุ้มเป๊ะ ประชาชนก็เห็นภาพกันชัดๆ อยู่ ล่าสุดโพลต่างๆ ก็ระบุชัดเจนว่าเบื่อหน่ายการเล่นเกมการเมือง บนหน้าสิ่วหน้าขวาน รัฐบาลกับกทม. ทะเลาะกัน
รัฐบาลนำอำนาจสั่งการทั้งหมดมาไว้ในมือ เพราะประเมินผลได้ผลเสียแล้ว คนที่ต้องเป็นผู้ได้รับคำตัดสินจากประชาชนเป็นบทสรุปสุดท้ายหนีไม่พ้นรัฐบาลเอง ดังนั้นจึงขอเป็นผู้ทำเองรับผิดชอบเองดีกว่าจะโยนไปให้ฝ่ายอื่นทำ แล้วตัวเองต้องมาพลอยรับกรรมไปด้วยหากผลลัพธ์ออกมาไม่ดี
**วันนี้ ศปภ.ได้ทำการยึดอำนาจจากกทม. อย่างเบ็ดเสร็จ ตั้งทีมงานศปภ. ส่วนหน้า มอบหมาย "พระนาย สุวรรณรัฐ" ปลัดกระทรวงหมาดไทย เข้าไปนั่งที่ศาลาว่าการกทม. ครอบการทำงานของ "สุขุมพันธุ์" ไว้ทั้งหมด
“คุณชายไวน์เลิฟเวอร์” จากพรรคประชาธิปัตย์ กลายเป็นเพียงลูกมือ คอยปฏิบัติตามคำสั่งรัฐบาลเท่านั้น
ขณะเดียวกันรัฐบาลยังดึงเอา "ปราโมทย์ ไม้กลัด" อดีตอธิบดีกรมชลประทาน ที่กทม.ตั้งเป็นที่ปรึกษามาหมาดๆ มาร่วมวงคุยบนโต๊ะที่ ศปภ.ด้วย เรียกว่าทั้งดึง ทั้งดูด มาหมด
อย่างไรก็ดี น่าสังเกตถึงการแต่งตั้งคณะทำงานบริหารจัดการระบายน้ำในพื้นที่เกิดสาธารณภัยร้ายแรง ที่มีนายวีระ วงศ์แสงนาค อดีตรองอธิบดีกรมชลประทาน เป็นประธาน มีนายกิจจา ผลภาษี อดีตอธิบดีกรมชลประทาน เป็นที่ปรึกษา รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญเรื่องน้ำ เรื่องชลประทานอีกบานเบอะ ท่ามกลางข้อสงสัยว่า แล้วที่มีอยู่คืออะไร ทำงานใช้ไม่ได้ หรือว่า ทำไม่ได้ดั่งใจ
"ธีระ วงศ์สมุทร" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร และสหกรณ์ "ชลิต ดำรงศักดิ์" อธิบดีกรมชลประทาน ทำงานได้ไม่เข้าเป้าหรืออย่างไร จึงตั้งอีกทีมซ้อนทับขึ้นมา หรือมันอาจเป็นเกมขบเหลี่ยมการเมืองอีกอันหนึ่ง เนื่องเพราะคนเหล่านี้มีเงาตะคุ่มๆ ของ "บรรหาร ศิลปอาชา" อยู่เบื้องหลัง
ก่อนหน้านี้ ก็มีปัญหาถึงขึ้นทุ่มเถียงกันออกหน้าสื่อมาแล้ว ระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคชาติไทยพัฒนา ถึงขนาดที่ หลงจู๊ เติ้ง เมืองสุพรรณ ต้องออกมาชี้แจงจนคอแหบแห้ง ซ้ำยังต้องเดินสายไปชี้แจงกับสื่อมวลชนถึงสำนักพิมพ์ เพื่อปัดข้อครหาป้องกันน้ำเข้าพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี จึงเป็นที่น่าจับตาว่า บทบาทของคณะกรรมการเฉพาะกิจที่ตั้งขึ้นมานี้ จะเป็นอย่างไร จะรับหน้าเสื่อยึดอำนาจมาเหมือนกับที่ยึดจาก กทม.หรือเปล่า
แต่ถ้าเอาอำนาจทุกอย่างทั้งหมดมาไว้ในมือแล้ว นับจากนี้ไปยังทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ยังทำงานแบบตั้งรับ จำนนต่อปัญหาแบบที่เคยๆ มา รัฐบาลคงไม่สามารถโทษใครได้อีกแล้ว ต้องรับเอาไว้เองเต็มๆ ถือได้ว่าเป็นการเดิมพันครั้งสุดท้ายของรัฐบาลจริงๆ
"รัฐบาลยิ่งลักษณ์" ที่ชนะเลือกตั้งมาอย่างถล่มทลาย กำลังเผชิญวิกฤติศรัทธาจากมหาอุทกภัย วันนี้เป็นเรื่องที่ต้องทำใจ เท่าที่เห็นวันนี้ความนิยมของรัฐบาลคงมีแต่ทรง กับทรุด เท่านั้น
**ภาพของ "ยิ่งลักษณ์" นายกรัฐมนตรีหญิงคนน่ารัก ขวัญใจรากหญ้า ที่อดทนตรากตรำลุยงาน คงช่วยกอบกู้รัฐบาลได้แค่บางส่วนเท่านั้น ถ้าสุดท้ายการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมล้มเหลว ประเทศพินาศย่อยยับ เมืองหลวงยับเยิน ต้องฟื้นฟูกันยาวนานขนานใหญ่
**ก็นับเป็นความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ เป็นบทเรียนของ "นายกฯด้อยประสบการณ์"