ASTVผู้จัดการรายวัน/เอเอฟพี - "ฮิลลารี คลินตัน" ชี้ "กัดดาฟี" ดับ นำไปสู่ยุคใหม่ของลิเบีย ผู้นำออสซีชี้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพียงการเริ่มต้น เสนอช่วยเหลือกลุ่มผู้นำใหม่ ขณะที่จีนแนะเปลี่ยนผ่านการเมืองอย่างครอบคลุม
สถานีโทรทัศน์อัลจาซีร่ารายงานว่า สภาการถ่ายโอนอำนาจของลิเบีย หรือ เอ็นทีซี ซึ่งเป็นฝ่าย บริหารของกลุ่มกบฏลิเบียจะประกาศชัยชนะ หรือการปลดปล่อยประเทศจากการปกครอง ของพันเอกโมอัมมาร์ กัดดาฟี่ อย่างเป็นทางการในวันที่ 22 ต.ค. หลังจากที่กัดดาฟี่เสียชีวิตจากฝีมือของกลุ่มกบฏที่เมืองเซิร์ต
มะห์มัด จิบริล นายกรัฐมนตรีชั่วคราวเผยว่า ผู้นำของสภาถ่ายโอนอำนาจแห่งชาติ นายมุสตาฟา อับเดล จาลิล เตรียมประกาศว่า ประเทศได้ถูกปลดปล่อยแล้ว ปูทางไปสู่การขึ้นสู่อำนาจของรัฐบาลชั่วคราว ก่อนจะมีการเลือกตั้งต่อไป
ทั้งนี้ ชาวลิเบียเต้นรำแสดงความยินดีตามท้องถนน ผู้นำหลายประเทศก็เห็นพ้องว่า การเสียชีวิตของกัดดาฟีเป็นจุดจบของระบอบเผด็จการ และสงครามในลิเบีย
นางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ซึ่งอยู่ระหว่างการเยือนปากีสถาน กล่าวว่า การเสียชีวิตของ อดีตผู้นำเผด็จการลิเบีย เป็นการเริ่มยุคใหม่ของประชาชนชาวลิเบีย พร้อมเรียกร้องให้ลิเบียเริ่มสร้างประชาธิปไตยใหม่
ด้านนางจูเลีย กิลลาร์ด นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย เสนอความช่วยเหลือแก่กลุ่มผู้นำใหม่ของลิเบียในเรื่องของสันติภาพและความมั่นคงของลิเบีย โดยขอสนับสนุนอย่างเต็มที่ต่อถ้อยแถลงของนายบัน คี-มุน เลขาธิการสหประชาชาติ ที่ระบุว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในลิเบียเป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น
ขณะที่โฆษกหญิงกระทรวงต่างประเทศจีน นางเจียง อี๋ว์ เผยว่า “จีนหวังว่าลีเบียจะสามารถเริ่มต้นกระบวนการเปลี่ยนผ่านทางการเมืองได้อย่างครอบคลุมทั่วถึงให้เร็วที่สุด เพื่อช่วยปกป้องกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ และสร้างความเป็นเอกภาพ ตลอดจนความมั่นคงทางสังคม”
เอเอฟพีรายงานว่า กัดดาฟี เสียชีวิตเมื่อวันพฤหัส (20 ต.ค.) สิ้นสุดการปกครองลิเบียของเขา 42 ปี ซึ่งในเมืองตามท้องถนนหนทางในลิเบียก็มีเสียงปืนยิงเฉลิมฉลองการตายของเขาด้วย
เจียงชี้ว่า ลิเบียได้เปิดประตูสู่หน้าประวัติศาสตร์ใหม่ และจีนหวังว่า ลิเบียจะฟื้นสร้างเศรษฐกิจของตนเอง ประชาชนสามารถมีชีวิตอย่างสันติและเป็นสุข
ในบรรดาสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ 15 ชาติ มีจีน และรัสเซีย ที่แสดงความเห็นต่อต้านปฏิบัติการทางทหารในลีเบียอย่างเห็นได้ชัดก่อนหน้านี้ แต่หลังจากนั้นจีนก็ยอมรับฝ่ายกบฎของลิเบียในที่สุด เพราะมีผลประโยชน์ทางด้านน้ำมันในลิเบียมหาศาล.
สถานีโทรทัศน์อัลจาซีร่ารายงานว่า สภาการถ่ายโอนอำนาจของลิเบีย หรือ เอ็นทีซี ซึ่งเป็นฝ่าย บริหารของกลุ่มกบฏลิเบียจะประกาศชัยชนะ หรือการปลดปล่อยประเทศจากการปกครอง ของพันเอกโมอัมมาร์ กัดดาฟี่ อย่างเป็นทางการในวันที่ 22 ต.ค. หลังจากที่กัดดาฟี่เสียชีวิตจากฝีมือของกลุ่มกบฏที่เมืองเซิร์ต
มะห์มัด จิบริล นายกรัฐมนตรีชั่วคราวเผยว่า ผู้นำของสภาถ่ายโอนอำนาจแห่งชาติ นายมุสตาฟา อับเดล จาลิล เตรียมประกาศว่า ประเทศได้ถูกปลดปล่อยแล้ว ปูทางไปสู่การขึ้นสู่อำนาจของรัฐบาลชั่วคราว ก่อนจะมีการเลือกตั้งต่อไป
ทั้งนี้ ชาวลิเบียเต้นรำแสดงความยินดีตามท้องถนน ผู้นำหลายประเทศก็เห็นพ้องว่า การเสียชีวิตของกัดดาฟีเป็นจุดจบของระบอบเผด็จการ และสงครามในลิเบีย
นางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ซึ่งอยู่ระหว่างการเยือนปากีสถาน กล่าวว่า การเสียชีวิตของ อดีตผู้นำเผด็จการลิเบีย เป็นการเริ่มยุคใหม่ของประชาชนชาวลิเบีย พร้อมเรียกร้องให้ลิเบียเริ่มสร้างประชาธิปไตยใหม่
ด้านนางจูเลีย กิลลาร์ด นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย เสนอความช่วยเหลือแก่กลุ่มผู้นำใหม่ของลิเบียในเรื่องของสันติภาพและความมั่นคงของลิเบีย โดยขอสนับสนุนอย่างเต็มที่ต่อถ้อยแถลงของนายบัน คี-มุน เลขาธิการสหประชาชาติ ที่ระบุว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในลิเบียเป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น
ขณะที่โฆษกหญิงกระทรวงต่างประเทศจีน นางเจียง อี๋ว์ เผยว่า “จีนหวังว่าลีเบียจะสามารถเริ่มต้นกระบวนการเปลี่ยนผ่านทางการเมืองได้อย่างครอบคลุมทั่วถึงให้เร็วที่สุด เพื่อช่วยปกป้องกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ และสร้างความเป็นเอกภาพ ตลอดจนความมั่นคงทางสังคม”
เอเอฟพีรายงานว่า กัดดาฟี เสียชีวิตเมื่อวันพฤหัส (20 ต.ค.) สิ้นสุดการปกครองลิเบียของเขา 42 ปี ซึ่งในเมืองตามท้องถนนหนทางในลิเบียก็มีเสียงปืนยิงเฉลิมฉลองการตายของเขาด้วย
เจียงชี้ว่า ลิเบียได้เปิดประตูสู่หน้าประวัติศาสตร์ใหม่ และจีนหวังว่า ลิเบียจะฟื้นสร้างเศรษฐกิจของตนเอง ประชาชนสามารถมีชีวิตอย่างสันติและเป็นสุข
ในบรรดาสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ 15 ชาติ มีจีน และรัสเซีย ที่แสดงความเห็นต่อต้านปฏิบัติการทางทหารในลีเบียอย่างเห็นได้ชัดก่อนหน้านี้ แต่หลังจากนั้นจีนก็ยอมรับฝ่ายกบฎของลิเบียในที่สุด เพราะมีผลประโยชน์ทางด้านน้ำมันในลิเบียมหาศาล.
