ASTVผู้จัดการรายวัน - “ปูนซิเมนต์ไทย”แจงปัญหาน้ำท่วมทำให้บางโรงงานต้องหยุดชั่วคราวจากน้ำท่วมและขาดวัตถุดิบการผลิต ยันส่งผลกระทบน้อยมากแค่ 2-3%ของกำลังการผลิตรวม โดยยอมรับปริมาณขายซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างไตรมาส 4 ลดลงแน่นอน วางมาตรการเยียวยาผู้ประสบภัยจะเร่งกระจายสินค้าวัสดุก่อสร้างและซีเมนต์หลังน้ำลดให้รวดเร็วขึ้นการันตีมีปริมาณสินค้าเพียงพอไม่ต้องขยายกำลังการผลิตเพิ่ม
นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) (SCC) เปิดเผยผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมในปัจจุบันว่า ขณะนี้บริษัทได้รับผลกระทบน้อยมากจากสถานการณ์น้ำท่วมคิดเป็น 2-3% ของกำลังการผลิตทั้งหมดในเครือฯ โดยมีบริษัทย่อยในเครือฯบางส่วนที่ต้องหยุดการผลิตชั่วคราวเนื่องจากน้ำท่วมโรงงานจำนวน 2 แห่ง ได้แก่ โรงงานของบริษัทควอลิตี้คอนสตรัคชั่นโปรดัคส์ จำกัด (มหาชน) (Q-CON) ซึ่งผลิตคอนกรีตมวลเบา ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้หยุดผลิตตั้งแต่วันที่ 12 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยไปผลิตที่โรงงานในระยองแทน และโรงงานของบริษัทกลุ่มสยามบรรจุภัณฑ์ จำกัด ซึ่งผลิตกล่องกระดาษ ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมนวนคร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และโรงงานที่จังหวัดปทุมธานีได้หยุดผลิตตั้งแต่วันที่ 18 ตุลาคม 2554
ส่วนบริษัทย่อยในเครือฯที่ต้องหยุดผลิตเป็นการชั่วคราว เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการขาดวัตถุดิบสำหรับการผลิตแม้ว่าจะยังสามารถป้องกันน้ำท่วมโรงงานไว้ได้ ได้แก่ โรงงานของบริษัทกระเบื้องกระดาษไทย จำกัด ที่ท่าหลวง จังหวัดสระบุรี และบริษัทผลิตภัณฑ์กระเบื้อง (ลำปาง) จำกัด ที่จังหวัดลำปาง ซึ่งผลิตกระเบื้องไฟเบอร์ซิเมนต์ได้หยุดสายการผลิตบางสายตั้งแต่วันที่ 12 ตุลาคม 2554 โรงงานของบริษัทปูนซิเมนต์ไทย (ท่าหลวง) จำกัด จังหวัดสระบุรี ซึ่งผลิตปูนซีเมนต์ได้หยุดผลิตตั้งแต่วันที่12 ตุลาคม 2554
“บางโรงงานผลิตกระดาษและกล่องกระดาษมีสต็อกสินค้าเต็มที่แล้ว แต่เนื่องจากไม่สามารถส่งสินค้าไปจำหน่ายได้เพราะมีปัญหาด้านลอจิสติกส์ทำให้ต้องหยุดเดินเครื่องจักรเพราะไม่สามารถจัดหาที่เก็บสต็อกเพิ่มเติมได้”นายกานต์กล่าว
สำหรับโรงงานของบริษัทร่วมที่ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมนวนครซึ่งได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมโรงงานและต้องหยุดการผลิต ได้แก่ บริษัทสยามซานิทารีฟิตติ้งส์ จำกัด ซึ่งผลิตก๊อกน้ำและอุปกรณ์ประกอบสุขภัณฑ์ บริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งผลิตเครื่องจักรกลการเกษตรตั้งอยู่ที่นิคมฯนวนคร บริษัทผลิตภัณฑ์วิศวไทย
จำกัด ซึ่งผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ และบริษัท มูซาชิออโต้พาร์ท จำกัด โรงงานที่นวนคร ซึ่งผลิตชิ้นส่วนจักรยานยนต์
นายกานต์ กล่าวต่อไปว่า หลังจากน้ำลด บริษัทฯมีแผนเยียวยาช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากวิกฤตน้ำท่วม โดยจะเร่งกระจายส่งสินค้าวัสดุก่อสร้างและซีเมนต์เพื่อให้ถึงมือผู้บริโภคโดยเร็ว ยืนยันว่าจะไม่มีปัญหาการจัดส่งสินค้าอย่างแน่นอน หากพบว่าที่ใดมีปัญหาการจัดส่งสินค้า ก็จะมีการจัดหาพื้นที่เพื่อตั้งเป็นคลังสินค้าเพื่อกระจายสินค้าให้รวดเร็วขึ้น
พร้อมทั้งมีการจัดตั้งทีมวิศวกรเพื่อให้คำปรึกษากับผู้บริโภคในการซ่อมแซมบ้านเรือนได้ที่รับความเสียหายจากน้ำท่วมด้วย หลังจากได้ตั้งงบประมาณบริจาคช่วยเหลือผู้สบภัยน้ำท่วมคิดเป็นมูลค่า 200 ล้านบาท
ส่วนความต้องการใช้ซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างจะเพิ่มขึ้นหลังน้ำลดมากน้อยเพียงใดคงต้องรอประเมินสถานการณ์อีกครั้ง แต่รายได้จากการดำเนินงานของบริษัทฯในปีนี้เติบโตอย่างแน่นอน ส่วนตัวเลขความต้องบการใช้ซีเมนต์ในปีหน้าจะเติบโตมากน้อยแค่ไหนคงได้ข้อสรุปในปลายไตรมาส 4 นี้หรือต้นปีหน้า โดยมองว่าไม่จำเป็นต้องเพิ่มกำลังการผลิตซีเมนต์เนื่องจากซีเมนต์ในสต็อกมีมากเพียงพอ
ทั้งนี้ ความต้องการใช้ซีเมนต์ในไทยช่วงครึ่งปีแรกพบว่ามีปริมาณการใช้ซีเมนต์เติบโต 3% และไตรมาส 3/2554 ความต้องการใช้ซีเมนต์ยังดีอยู่ แต่ไตรมาส 4 นี้ความ ต้องการใช้ซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างลดลงอย่างแน่นอนจากปัญหาน้ำท่วม
“ขณะนี้สำนักงานใหญ่บางซื่อ และโรงงานอื่น ๆ ของเครือนั้น ยังไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ จากสถานการณ์น้ำท่วม อย่างไรก็ตามเพื่อเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจจะเกิดขึ้น บริษัทฯได้อนุญาตให้พนักงานที่สำนักงานใหญ่หยุดงานเป็นการชั่วคราวตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะประเมินสถานการณ์ในพื้นที่ได้ชัดเจนขึ้นและได้ย้ายหน่วยงานปฏิบัติงานสนับสนุนธุรกิจจากสำนักงานใหญ่ ไปยังสถานที่สำรองที่ปลอดภัยก่อนหน้านี้แล้ ว ทำให้การดำเนินธุรกิจยังคงเป็นไปตามปกติ ที่ผ่านมาบริษัทฯได้ทำประกันภัยความเสี่ยงภัยทุกประเภทสำหรับทรัพย์สินของบริษัทและบริษัทย่อยซึ่งคุ้มครองภัยจากสถานการณ์น้ำท่วมไว้ด้วยแล้ว “นายกานต์กล่าว
นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) (SCC) เปิดเผยผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมในปัจจุบันว่า ขณะนี้บริษัทได้รับผลกระทบน้อยมากจากสถานการณ์น้ำท่วมคิดเป็น 2-3% ของกำลังการผลิตทั้งหมดในเครือฯ โดยมีบริษัทย่อยในเครือฯบางส่วนที่ต้องหยุดการผลิตชั่วคราวเนื่องจากน้ำท่วมโรงงานจำนวน 2 แห่ง ได้แก่ โรงงานของบริษัทควอลิตี้คอนสตรัคชั่นโปรดัคส์ จำกัด (มหาชน) (Q-CON) ซึ่งผลิตคอนกรีตมวลเบา ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้หยุดผลิตตั้งแต่วันที่ 12 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยไปผลิตที่โรงงานในระยองแทน และโรงงานของบริษัทกลุ่มสยามบรรจุภัณฑ์ จำกัด ซึ่งผลิตกล่องกระดาษ ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมนวนคร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และโรงงานที่จังหวัดปทุมธานีได้หยุดผลิตตั้งแต่วันที่ 18 ตุลาคม 2554
ส่วนบริษัทย่อยในเครือฯที่ต้องหยุดผลิตเป็นการชั่วคราว เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการขาดวัตถุดิบสำหรับการผลิตแม้ว่าจะยังสามารถป้องกันน้ำท่วมโรงงานไว้ได้ ได้แก่ โรงงานของบริษัทกระเบื้องกระดาษไทย จำกัด ที่ท่าหลวง จังหวัดสระบุรี และบริษัทผลิตภัณฑ์กระเบื้อง (ลำปาง) จำกัด ที่จังหวัดลำปาง ซึ่งผลิตกระเบื้องไฟเบอร์ซิเมนต์ได้หยุดสายการผลิตบางสายตั้งแต่วันที่ 12 ตุลาคม 2554 โรงงานของบริษัทปูนซิเมนต์ไทย (ท่าหลวง) จำกัด จังหวัดสระบุรี ซึ่งผลิตปูนซีเมนต์ได้หยุดผลิตตั้งแต่วันที่12 ตุลาคม 2554
“บางโรงงานผลิตกระดาษและกล่องกระดาษมีสต็อกสินค้าเต็มที่แล้ว แต่เนื่องจากไม่สามารถส่งสินค้าไปจำหน่ายได้เพราะมีปัญหาด้านลอจิสติกส์ทำให้ต้องหยุดเดินเครื่องจักรเพราะไม่สามารถจัดหาที่เก็บสต็อกเพิ่มเติมได้”นายกานต์กล่าว
สำหรับโรงงานของบริษัทร่วมที่ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมนวนครซึ่งได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมโรงงานและต้องหยุดการผลิต ได้แก่ บริษัทสยามซานิทารีฟิตติ้งส์ จำกัด ซึ่งผลิตก๊อกน้ำและอุปกรณ์ประกอบสุขภัณฑ์ บริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งผลิตเครื่องจักรกลการเกษตรตั้งอยู่ที่นิคมฯนวนคร บริษัทผลิตภัณฑ์วิศวไทย
จำกัด ซึ่งผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ และบริษัท มูซาชิออโต้พาร์ท จำกัด โรงงานที่นวนคร ซึ่งผลิตชิ้นส่วนจักรยานยนต์
นายกานต์ กล่าวต่อไปว่า หลังจากน้ำลด บริษัทฯมีแผนเยียวยาช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากวิกฤตน้ำท่วม โดยจะเร่งกระจายส่งสินค้าวัสดุก่อสร้างและซีเมนต์เพื่อให้ถึงมือผู้บริโภคโดยเร็ว ยืนยันว่าจะไม่มีปัญหาการจัดส่งสินค้าอย่างแน่นอน หากพบว่าที่ใดมีปัญหาการจัดส่งสินค้า ก็จะมีการจัดหาพื้นที่เพื่อตั้งเป็นคลังสินค้าเพื่อกระจายสินค้าให้รวดเร็วขึ้น
พร้อมทั้งมีการจัดตั้งทีมวิศวกรเพื่อให้คำปรึกษากับผู้บริโภคในการซ่อมแซมบ้านเรือนได้ที่รับความเสียหายจากน้ำท่วมด้วย หลังจากได้ตั้งงบประมาณบริจาคช่วยเหลือผู้สบภัยน้ำท่วมคิดเป็นมูลค่า 200 ล้านบาท
ส่วนความต้องการใช้ซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างจะเพิ่มขึ้นหลังน้ำลดมากน้อยเพียงใดคงต้องรอประเมินสถานการณ์อีกครั้ง แต่รายได้จากการดำเนินงานของบริษัทฯในปีนี้เติบโตอย่างแน่นอน ส่วนตัวเลขความต้องบการใช้ซีเมนต์ในปีหน้าจะเติบโตมากน้อยแค่ไหนคงได้ข้อสรุปในปลายไตรมาส 4 นี้หรือต้นปีหน้า โดยมองว่าไม่จำเป็นต้องเพิ่มกำลังการผลิตซีเมนต์เนื่องจากซีเมนต์ในสต็อกมีมากเพียงพอ
ทั้งนี้ ความต้องการใช้ซีเมนต์ในไทยช่วงครึ่งปีแรกพบว่ามีปริมาณการใช้ซีเมนต์เติบโต 3% และไตรมาส 3/2554 ความต้องการใช้ซีเมนต์ยังดีอยู่ แต่ไตรมาส 4 นี้ความ ต้องการใช้ซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างลดลงอย่างแน่นอนจากปัญหาน้ำท่วม
“ขณะนี้สำนักงานใหญ่บางซื่อ และโรงงานอื่น ๆ ของเครือนั้น ยังไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ จากสถานการณ์น้ำท่วม อย่างไรก็ตามเพื่อเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจจะเกิดขึ้น บริษัทฯได้อนุญาตให้พนักงานที่สำนักงานใหญ่หยุดงานเป็นการชั่วคราวตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะประเมินสถานการณ์ในพื้นที่ได้ชัดเจนขึ้นและได้ย้ายหน่วยงานปฏิบัติงานสนับสนุนธุรกิจจากสำนักงานใหญ่ ไปยังสถานที่สำรองที่ปลอดภัยก่อนหน้านี้แล้ ว ทำให้การดำเนินธุรกิจยังคงเป็นไปตามปกติ ที่ผ่านมาบริษัทฯได้ทำประกันภัยความเสี่ยงภัยทุกประเภทสำหรับทรัพย์สินของบริษัทและบริษัทย่อยซึ่งคุ้มครองภัยจากสถานการณ์น้ำท่วมไว้ด้วยแล้ว “นายกานต์กล่าว