ASTVผู้จัดการรายวัน – บอร์ด อสมท มีมติปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ เป็น 6 สายงาน จาก 4 สายงาน เพื่อรองรับกสทช. พร้อมให้รักษาการ กก.ผอ.ญ.เร่งสรรหาตำแหน่งผู้ช่วยที่จำเป็นเพื่อการทำงานไม่สะดุด ชี้หลัง 13พ.ย.พร้อมลุยสรรหากก.ผอ.ญ. ไม่เกิน 6 เดือนมีหัวเรือคนใหม่แน่นอน เผยก.คลัง ส่งหนังสือสั่งเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น แจงพร้อมดำเนินการตามกฎหมาย
เพียงขอคำยืนยันในบางเรื่องก่อน
นายสุรพล นิติไกรพจน์ ประธาน คณะกรรมการ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า วานนี้ (20ต.ค.) ทางคณะกรรมการ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ได้มีการจัดประชุมขึ้น โดยมีวาระสำคัญ คือ การปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ให้กับ อสมท ทั้งนี้ทางที่ประชุมบอร์ดอสมท มีมติเห็นชอบในการปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ให้กับอสมท ในรูปแบบของ 6 สายงาน คือ สายงานโทรทัศน์ สายงานข่าวและวิทยุ
สายงานวิศวกรรมโครงข่าย สายงานบัญชีและการเงิน สายงานบริหาร และสายงานฝ่ายขาย จากเดิมที่มีอยู่ 4 สายงาน คือ สายงานบริหาร สายงานโทรทัศน์ สายงานวิศวะกรรม และสายงานบัญชีและการเงิน
**ปรังองค์กรรับ กสทช
สำหรับโครงสร้างองค์กรใหม่นี้ ส่วนหนึ่งได้มีการปรับตำแหน่งให้มีความเหมาะสมและตรงกับข้อเรียกร้องจากทางพนักงาน หลังจากที่วันที่ 19 ต.ค.ที่ผ่านมา ได้มีการนัดประชุมชี้แจงกับทางพนักงานให้รับทราบและหาข้อยุติร่วมกัน ซึ่งโครงสร้างองค์กรใหม่นี้ เป็นการรองรับการเกิด กสทช.โดยเฉพาะ สามารถยืดหยุ่นสำหรับการดำเนินธุรกิจในอนาคตต่อไปได้
ตัวอย่างเช่น ในเรื่องของการขอสัมปทานคลื่นความถี่ จะทำได้เพียง 1 บริษัทต่อ1คลื่นความถี่นั้น เดิมอสมท มองว่า เรามีคลื่นวิทยุภูมิภาคอยู่ 43 คลื่น จะแยกออกมาเป็น 1 บริษัท แต่ดูแล้วควรจะทำเป็น1จังหวัดเป็น 1 บริษัท และเป็นบริษัทที่มีการร่วมทุนกับคนในท้องถิ่น ส่วนคลื่นวิทยุเอฟเอ็ม ก็ปรับสู่รูปแบบบริษัทเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม ได้มอบหมายให้ทางนายสุระ เกนทะนะศิล รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทำหน้าที่รักษาการในตำแหน่ง กก.ผอ.ญ เร่งสรรหาตำแหน่งผู้บริหารระดับรองผู้ช่วยในสายงานสำคัญๆที่ว่างลง เช่น ด้านโทรทัศน์ และบริหารทั่วไป เพื่อให้การทำงานภายในองค์กรสามารถดำเนินไปได้อย่างราบรื่น ไม่สะดุด เนื่องจากปัจจุบัน อสมท มีผู้บริหารระดับสูงอยู่เพียง 2 คน เท่านั้น คือ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ และซีเอฟโอ
**เร่งหาหัวเรือคนใหม่
ขณะที่กระบวนการการสรรหากรรมการผู้อำนวยการใหญ่คนใหม่นั้น จะสามารถดำเนินการได้หลังวันที่ 13 พ.ย. ที่จะถึงนี้ พร้อมใช้เวลาสรรหาไม่เกิน 6 เดือน หรือคาดว่า อสมท จะมีกรรมการผู้อำนวยการใหญ่คนใหม่ได้ราวเดือยเม.ย.-มิ.ย.ปีหน้า
นายสุรพล กล่าวด้วยว่า ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่าอดีตกก.ผอ.ญ. จะมีการยื่นฟ้องร้องต่อศาลปกครองนั้น ในฐานะนักกฎหมาย มองว่า ไม่มีเหตุผลใดที่จะยื่นฟ้องร้องต่อศาลปกครองได้เลย เพราะทางบอร์ดอสมท ใช้สิทธิ์และดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมายในการบอกเลิกสัญญาจ้างบริหาร นายธนวัฒน์ วันสม ในตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ เว้นเพียงแต่ เช่น ยกเอาการหมิ่นประมาทอันนี้ทำได้
***คลังสั่งบอร์ดอสมทประชุมวิสามัญ
อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 19 ต.ค.ที่ผ่านมา ทางกระทรวงการคลัง ลงนามโดย นายมนัส แจ่มเวหา รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านทรัพย์สิน ได้มีหนังสือถึงประธานกรรมการ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เรื่อง ขอให้เรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เนื่องจากทางกระทรวงการคลังได้รับหนังสือร้องเรียนจากผู้ถือหุ้นรายย่อยของบริษัท อสมท จำกัด
(มหาชน) และสำเนาหนังสือของผู้ถือหุ้นรายย่อยหลายรายที่ได้ส่งไปยัง อสมท ขอให้คณะกรรมการ อสมท จัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น
จากที่มีข้อมูลปรากฏในสื่อต่างๆ เกี่ยวกับการบริหารกิจการของคณะกรรมการ อสมท ที่ไม่โปร่งใสและไม่เป็นธรรม ซึ่งเป็นการกระทำที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายอันส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของ อสมท อีกทั้งกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้ถือหุ้นตลอดจนผู้ลงทุนทั่วไป และยังมีข้อร้องเรียนการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการ อสมท อีกหลายประการ ซึ่งรวมถึงประเด็นการปรับโครงสร้างองค์กร การโยกย้ายพนักงาน การต่อสัญญาให้กับบริษัท บางกอก เอ็นเทอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) รวมถึงกรณีที่คณะกรรมการ อสมท ได้มีมติเลิกสัญญาจ้างบริหาร นายธนวัฒน์ วันสม ในตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ โดย บมจ.อสมท จะต้องจ่ายเงินค่าตอบแทนให้แก่นายธนวัฒน์ แม้ว่านายธนวัฒน์อาจเข้าข่ายเป็นผู้ผิดสัญญา
ประกอบกับกระทรวงการคลังยังได้รับหนังสือจากสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแล บมจ. อสมท ขอให้กระทรวงการคลังในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบมจ. อสมท มีหนังสือขอให้คณะกรรมการบมจ. อสมท จัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นบมจ. อสมท เพื่อพิจารณาการเปลี่ยนแปลงกรรมการบมจ. อสมท
**จี้บอร์ด เคลียร์ปัญหา
ดังนั้นทางกระทรวงการคลังในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบมจ. อสมท พิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและขจัดข้อสงสัยต่างๆและเพื่อคุ้มครองผลประโยชน์ของบมจ. อสมท และผู้ถือหุ้นทุกราย คณะกรรมการ อสมท จึงควรจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินงานและการบริหารจัดการของคณะกรรมการและฝ่ายบริหารของบริษัท ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา
กระทรวงการคลังในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่ อสมท จึงใช้สิทธิตามมาตร 100 แห่งพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัดฯ ขอให้คณะกรรมการบมจ.อสมท เรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นบริษัทโดยเร็วภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด เพื่อพิจารณาเรื่องดังต่อไปนี้ 1.พิจารณารับทราบผลการดำเนิน งานและการบริหารกิจการของคณะกรรมการบมจ. อสมท ตั้งแต่เดือนม.ค.54จนถึงปัจจุบัน
รวมทั้งรับทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับข้อร้องเรียนและเรื่องต่างๆที่ปรากฏในสื่อ อาทิ กรณีมีข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการบมจ. อสมท ว่าไม่เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบข้อบังคับของบริษัทและหลักธรรมาภิบาลที่ดี รวมทั้งกรณีที่คณะกรรมการบมจ. อสมท
ได้มีมติไม่ฟ้องร้องดำเนินคดีรักษาการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ กรณีการต่อสัญญาและรับค่าตอบแทนจากบริษัท บางกอกเอนเทอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) การจัดทำโครงสร้างองค์กรใหม่และการแต่งตั้งโยกย้ายและเลื่อนตำแหน่งผู้บริหารระดับสูง และการมีมติบอกเลิกสัญญาจ้างบริหารนายธนวัฒน์ วันสม
ในตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่โดยจ่ายเงินค่าตอบแทนการเลิกสัญญาจ้างบริหารให้แก้นายธนวัฒน์
2.พิจารณาถอดถอนกรรมการบมจ. อสมท ทุกรายโดยพิจารณาลงมติเป็นรายบุคคล 3.พิจารณาแต่งตั้งกรรมการใหม่แทนกรรมการที่ถูกถอดถอนจากตำแหน่ง 4.พิจารณาอนุมัติการแก้ไขชื่อกรรมการผู้มีอำนาจลงนามผูกพันบริษัท และ5.พิจารณาเรื่องอื่นๆที่ผู้ถือหุ้นจะเสนอเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมผู้ถือหุ้นตามเงื่อนไขของกฎหมาย
จากหนังสือดังกล่าว นายสุพลกล่าวว่า ได้รับทราบแล้วตั้งแต่วันที่ 19 ต.ค.ที่ผ่านมาแต่ยังมีบางข้อที่ทางบอร์ด อสมท ต้องการให้ทางกระทรวงการคลังยืนยันก่อน หลังจากนั้นก็จะปฏิบัติตามกกหมาย โดยจะมีการประชุมบอร์ด ในการมีมติเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในประเด็นใดต่อไปได้บ้าง
เพียงขอคำยืนยันในบางเรื่องก่อน
นายสุรพล นิติไกรพจน์ ประธาน คณะกรรมการ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า วานนี้ (20ต.ค.) ทางคณะกรรมการ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ได้มีการจัดประชุมขึ้น โดยมีวาระสำคัญ คือ การปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ให้กับ อสมท ทั้งนี้ทางที่ประชุมบอร์ดอสมท มีมติเห็นชอบในการปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ให้กับอสมท ในรูปแบบของ 6 สายงาน คือ สายงานโทรทัศน์ สายงานข่าวและวิทยุ
สายงานวิศวกรรมโครงข่าย สายงานบัญชีและการเงิน สายงานบริหาร และสายงานฝ่ายขาย จากเดิมที่มีอยู่ 4 สายงาน คือ สายงานบริหาร สายงานโทรทัศน์ สายงานวิศวะกรรม และสายงานบัญชีและการเงิน
**ปรังองค์กรรับ กสทช
สำหรับโครงสร้างองค์กรใหม่นี้ ส่วนหนึ่งได้มีการปรับตำแหน่งให้มีความเหมาะสมและตรงกับข้อเรียกร้องจากทางพนักงาน หลังจากที่วันที่ 19 ต.ค.ที่ผ่านมา ได้มีการนัดประชุมชี้แจงกับทางพนักงานให้รับทราบและหาข้อยุติร่วมกัน ซึ่งโครงสร้างองค์กรใหม่นี้ เป็นการรองรับการเกิด กสทช.โดยเฉพาะ สามารถยืดหยุ่นสำหรับการดำเนินธุรกิจในอนาคตต่อไปได้
ตัวอย่างเช่น ในเรื่องของการขอสัมปทานคลื่นความถี่ จะทำได้เพียง 1 บริษัทต่อ1คลื่นความถี่นั้น เดิมอสมท มองว่า เรามีคลื่นวิทยุภูมิภาคอยู่ 43 คลื่น จะแยกออกมาเป็น 1 บริษัท แต่ดูแล้วควรจะทำเป็น1จังหวัดเป็น 1 บริษัท และเป็นบริษัทที่มีการร่วมทุนกับคนในท้องถิ่น ส่วนคลื่นวิทยุเอฟเอ็ม ก็ปรับสู่รูปแบบบริษัทเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม ได้มอบหมายให้ทางนายสุระ เกนทะนะศิล รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทำหน้าที่รักษาการในตำแหน่ง กก.ผอ.ญ เร่งสรรหาตำแหน่งผู้บริหารระดับรองผู้ช่วยในสายงานสำคัญๆที่ว่างลง เช่น ด้านโทรทัศน์ และบริหารทั่วไป เพื่อให้การทำงานภายในองค์กรสามารถดำเนินไปได้อย่างราบรื่น ไม่สะดุด เนื่องจากปัจจุบัน อสมท มีผู้บริหารระดับสูงอยู่เพียง 2 คน เท่านั้น คือ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ และซีเอฟโอ
**เร่งหาหัวเรือคนใหม่
ขณะที่กระบวนการการสรรหากรรมการผู้อำนวยการใหญ่คนใหม่นั้น จะสามารถดำเนินการได้หลังวันที่ 13 พ.ย. ที่จะถึงนี้ พร้อมใช้เวลาสรรหาไม่เกิน 6 เดือน หรือคาดว่า อสมท จะมีกรรมการผู้อำนวยการใหญ่คนใหม่ได้ราวเดือยเม.ย.-มิ.ย.ปีหน้า
นายสุรพล กล่าวด้วยว่า ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่าอดีตกก.ผอ.ญ. จะมีการยื่นฟ้องร้องต่อศาลปกครองนั้น ในฐานะนักกฎหมาย มองว่า ไม่มีเหตุผลใดที่จะยื่นฟ้องร้องต่อศาลปกครองได้เลย เพราะทางบอร์ดอสมท ใช้สิทธิ์และดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมายในการบอกเลิกสัญญาจ้างบริหาร นายธนวัฒน์ วันสม ในตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ เว้นเพียงแต่ เช่น ยกเอาการหมิ่นประมาทอันนี้ทำได้
***คลังสั่งบอร์ดอสมทประชุมวิสามัญ
อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 19 ต.ค.ที่ผ่านมา ทางกระทรวงการคลัง ลงนามโดย นายมนัส แจ่มเวหา รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านทรัพย์สิน ได้มีหนังสือถึงประธานกรรมการ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เรื่อง ขอให้เรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เนื่องจากทางกระทรวงการคลังได้รับหนังสือร้องเรียนจากผู้ถือหุ้นรายย่อยของบริษัท อสมท จำกัด
(มหาชน) และสำเนาหนังสือของผู้ถือหุ้นรายย่อยหลายรายที่ได้ส่งไปยัง อสมท ขอให้คณะกรรมการ อสมท จัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น
จากที่มีข้อมูลปรากฏในสื่อต่างๆ เกี่ยวกับการบริหารกิจการของคณะกรรมการ อสมท ที่ไม่โปร่งใสและไม่เป็นธรรม ซึ่งเป็นการกระทำที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายอันส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของ อสมท อีกทั้งกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้ถือหุ้นตลอดจนผู้ลงทุนทั่วไป และยังมีข้อร้องเรียนการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการ อสมท อีกหลายประการ ซึ่งรวมถึงประเด็นการปรับโครงสร้างองค์กร การโยกย้ายพนักงาน การต่อสัญญาให้กับบริษัท บางกอก เอ็นเทอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) รวมถึงกรณีที่คณะกรรมการ อสมท ได้มีมติเลิกสัญญาจ้างบริหาร นายธนวัฒน์ วันสม ในตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ โดย บมจ.อสมท จะต้องจ่ายเงินค่าตอบแทนให้แก่นายธนวัฒน์ แม้ว่านายธนวัฒน์อาจเข้าข่ายเป็นผู้ผิดสัญญา
ประกอบกับกระทรวงการคลังยังได้รับหนังสือจากสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแล บมจ. อสมท ขอให้กระทรวงการคลังในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบมจ. อสมท มีหนังสือขอให้คณะกรรมการบมจ. อสมท จัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นบมจ. อสมท เพื่อพิจารณาการเปลี่ยนแปลงกรรมการบมจ. อสมท
**จี้บอร์ด เคลียร์ปัญหา
ดังนั้นทางกระทรวงการคลังในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบมจ. อสมท พิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและขจัดข้อสงสัยต่างๆและเพื่อคุ้มครองผลประโยชน์ของบมจ. อสมท และผู้ถือหุ้นทุกราย คณะกรรมการ อสมท จึงควรจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินงานและการบริหารจัดการของคณะกรรมการและฝ่ายบริหารของบริษัท ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา
กระทรวงการคลังในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่ อสมท จึงใช้สิทธิตามมาตร 100 แห่งพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัดฯ ขอให้คณะกรรมการบมจ.อสมท เรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นบริษัทโดยเร็วภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด เพื่อพิจารณาเรื่องดังต่อไปนี้ 1.พิจารณารับทราบผลการดำเนิน งานและการบริหารกิจการของคณะกรรมการบมจ. อสมท ตั้งแต่เดือนม.ค.54จนถึงปัจจุบัน
รวมทั้งรับทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับข้อร้องเรียนและเรื่องต่างๆที่ปรากฏในสื่อ อาทิ กรณีมีข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการบมจ. อสมท ว่าไม่เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบข้อบังคับของบริษัทและหลักธรรมาภิบาลที่ดี รวมทั้งกรณีที่คณะกรรมการบมจ. อสมท
ได้มีมติไม่ฟ้องร้องดำเนินคดีรักษาการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ กรณีการต่อสัญญาและรับค่าตอบแทนจากบริษัท บางกอกเอนเทอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) การจัดทำโครงสร้างองค์กรใหม่และการแต่งตั้งโยกย้ายและเลื่อนตำแหน่งผู้บริหารระดับสูง และการมีมติบอกเลิกสัญญาจ้างบริหารนายธนวัฒน์ วันสม
ในตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่โดยจ่ายเงินค่าตอบแทนการเลิกสัญญาจ้างบริหารให้แก้นายธนวัฒน์
2.พิจารณาถอดถอนกรรมการบมจ. อสมท ทุกรายโดยพิจารณาลงมติเป็นรายบุคคล 3.พิจารณาแต่งตั้งกรรมการใหม่แทนกรรมการที่ถูกถอดถอนจากตำแหน่ง 4.พิจารณาอนุมัติการแก้ไขชื่อกรรมการผู้มีอำนาจลงนามผูกพันบริษัท และ5.พิจารณาเรื่องอื่นๆที่ผู้ถือหุ้นจะเสนอเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมผู้ถือหุ้นตามเงื่อนไขของกฎหมาย
จากหนังสือดังกล่าว นายสุพลกล่าวว่า ได้รับทราบแล้วตั้งแต่วันที่ 19 ต.ค.ที่ผ่านมาแต่ยังมีบางข้อที่ทางบอร์ด อสมท ต้องการให้ทางกระทรวงการคลังยืนยันก่อน หลังจากนั้นก็จะปฏิบัติตามกกหมาย โดยจะมีการประชุมบอร์ด ในการมีมติเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในประเด็นใดต่อไปได้บ้าง