วานนี้ (19 ต.ค.) นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)มีมติรับโอนนายภาณุ อุทัยรัตน์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งเลขาธิการ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) มาดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ และแต่งตั้ง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ ศอ.บต.แทน
นายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลาและในฐานะรองหัวหน้าภาคใต้พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีคณะรัฐมนตรีมีมติให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รองปลัดกระทรวงยุติธรรมมาดำรงตำแหน่งเลขาฯศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนใต้(ศอ.บต.)แทนที่นายภาณุ อุทัยรัตน์ เลขาฯศอ.บต. ว่า ตนมีความกังวลตั้งแต่แรกที่มีกระแสข่าวว่าจะมีการเปลี่ยนเลขาฯศอ.บต. เพราะ 1.การที่รัฐบาลมีแนวคิดตั้งองค์กรใหม่ขึ้นมาก็คือ ศูนย์บูรณาการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้(ศบก.จชต.) จะทำให้การทำงานมีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น การขออนุมัติโครงการและการพัฒนาต่างๆก็จะเกิดความล่าช้า2.การตั้ง พ.ต.อ.ทวี มาทำหน้าที่เลขาฯศอ.บต.นั้น พ.ต.อ.ทวี เก่งหรือไม่เก่งในเรื่องการแก้ปัญหาสามจังหวัดชายแดนใต้ นั้นตนไม่ทราบ แต่ทราบเพียงว่า พ.ต.อ.ทวี ไม่เคยมีประสบการณ์ในการเข้าไปดูแลหรือแก้ปัญหาในเหตุการณ์ความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนใต้ 3.รัฐบาลนี้ไม่รับปัญหาความไม่สงบ3จังหวัดชายแดนใต้มาเป็นปัญหาของประเทศชาติและไม่มีความจริงใจในการแก้ปัญหา แต่กับผลักภาระให้เป็นเพียงแค่ปัญหาของคนในพื้นที่3จังหวัดชายแดนใต้ เพราะเห็นได้จากที่ผ่านมาน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ รวมไปถึงรองนายกฯที่ดูและด้านความมั่นคงก็ไม่ได้ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ เพราะฉะนั้นการแต่งตั้งโยกย้ายในครั้งนี้ตนรู้สึกเป็นห่วงเป็นอย่างมาก ซึ่งหลังจากนี้ตนก็ไม่คาดหวังอะไร ทุกอย่างขึ้นอยู่กับชะตากรรมของบ้านเมืองต่อไป
นอกจากนี้นายถาวร ยังรู้สึกเป็นห่วงที่ในขณะนี้รัฐบาลมีการแต่งตั้งตำรวจมาดูแลงานด้านต่างๆโดยนายถาวรกล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลทำงานเหมือนกับเป็นรัฐตำรวจ ตนไม่ได้ว่าตำรวจนั้นไม่มีความสามารถแต่ตำรวจจะถนัดในด้านการสืบสวน สอบสวน เห็นได้จากปัญหาน้ำท่วมก็ตั้งตำรวจมาดูแล และปัญหาภาคใต้ก็ตั้งตำรวจมาดูและอีก และตนเชื่อว่าหลังจากนี้ตำรวจจะเข้ามามีอิทธิพลในการบริหารประเทศอีกแน่นอน
เมื่อเวลา 09.00 น.ที่โรงแรมรอยัลริเวอร์ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง เดินทางมาเป็นประธานเปิดงานโครงการประชุมเชิงปฏิบัติการแก้ไขปัญหาความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้แบบบูรณาการตามนโยบายของรัฐบาล โดยมีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบกให้การต้อนรับ โดยพล.ต.อ.โกวิท กล่าวว่า ความเป็นเอกภาพในกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.ภาค 4) ยังไม่ชัดเจน เพราะมีอิสระเป็นของตัวเอง โครงสร้างกอ.รมน.เป็นเรื่องของทั้งพลเรือน ทหาร ตำรวจ ไม่ใช่ทหารอย่างเดียว การประชุมวันนี้เป็นการประชุมเชิงบูรณาการในการแก้ไขปัญหาภาคใต้ เพื่อให้การปฏิบัติงานชัดเจน และจะได้เพิ่มความปลอดภัยให้กับประชาชนในพื้นที่
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ปัญหาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีมานาน การแก้ไขปัญหาทุกคนจะต้องเข้าใจร่วมกันว่า การต่อสู้เชิงความคิดไม่ใช่เป็นการต่อสู้ด้วยการเอากำลังมารบกันตามปกติ มีกลุ่มต่างๆไม่ว่าจะเป็นกลุ่มธุรกิจผิดกฎหมายทำให้สถานการณ์ภาคใต้แย่ลงในสายตาของเราและต่างชาติ สิ่งที่เป็นห่วง คือ ความเข้าใจของพวกเราที่ทุกหน่วยงานที่ทางรัฐบาลสั่งการไป ไม่ได้หมายความว่า เราจะเข้าไปก้าวก่ายกระทรวง ทบวง กรม ของท่าน สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปคือการขับเคลื่อนในระดับรัฐบาล โดยมีกระทรวงทั้งหมด 19 กระทรวง 11 หน่วยงาน ซึ่งในการทำงานมี 3 ส่วนเพื่อแก้ปัญหา คือ 1.กระทรวง ทบวง กรม ซึ่งมีงบประมาณประจำปีทุกปี 2.กอ.รมน. และ3. ศูนย์อำนวยการบริหารจัดการจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) โดยทั้ง 3 ส่วนจะขับเคลื่อนโดยมีรองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เป็นการทำงานระดับบนเพื่อเสริมช่องว่างงบประมาณต่างๆที่มีอยู่
“ผมไม่ได้เอางบประมาณของพวกท่านมาถือ งบประมาณยังอยู่กับท่านเหมือนเดิม เพียงแต่ว่างบประมาณทั้งหมดจะต้องนำมาเปิดดูว่าจะทำอะไรก่อนหลัง ขอทำความเข้าใจว่า งบประมาณของกอ.รมน.ไม่ได้มีเหลือเฟืออย่างที่เข้าใจ งบประมาณ 60-70% เป็นงบของกำลังพล เรื่องของความมั่นคงต้องให้ทหารดูแลเป็นหลัก เพราะในต่างประเทศเวลาเกิดความไม่มั่นคงหรือเกิดสงครามทหารจะเป็นหลักในการดูแล โดยครั้งนี้ได้ให้แม่ทัพภาคที่ 4 ดูแล หากในพื้นที่เข้มแข็งทหารก็พร้อมจะถอนออกมา หากบอกว่าอยากให้ถอนทหารออกไปแล้วเหตุการณ์สงบ ใครจะรับรองตรงนี้ มีพวกที่มุ่งหวังให้เกิดความรุนแรง เรื่องนี้มันมีกระบวนการ ทหารพยายามทำทุกอย่างให้สถานการณ์ดีขึ้น แต่เจ้าหน้าที่ทหารตำรวจ 3 หมื่นคน อาจจะมีทั้งดีหรือไม่ดี หากพบว่าใครไม่ดีก็ปรับ ย้ายออกไป อย่าบอกว่าใครเก่งกว่าใคร ผมไม่ได้เก่งกว่าท่าน ท่านก็ไม่ได้เก่งกว่าผม เราต้องเอาหัวมาชนกันเพื่อแก้ไขปัญหา”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การขับเคลื่อนครั้งนี้ไม่ใช่เอาทหารมานำการเมืองและไม่ไปยุ่งกับงบประมาณของ ท่าน ทุกคนทำงานคาดหวังให้ภาคใต้สงบจะได้นำงบมาทำอะไรให้ประเทศไทยเช่น การสร้างเขื่อนในแม่น้ำเจ้าพระยายังดูดีกว่า ใครเป็นรัฐบาลต้องแก้ปัญหา ทหารอยู่ภายใต้กลไกของรัฐไม่มีปัญหา การแก้ไขปัญหาทุกฝายต้องช่วยกันแก้ไขปัญหา ขอร้องว่า อย่ามาโทษกันว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นใครผิด ทุกฝ่ายตั้งใจทำงาน มุสลิมเป็นคนไทยเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่มีบางส่วนมาทำร้าย แต่เราไม่สามารถทำร้ายประชาชนได้ วันนี้ต้องคุยให้จบว่า จะให้เจ้าหน้าที่ทำอะไร ตนเป็นผบ.ทบ.มา 1 ปี เราต้องปรับยุทธศาสตร์มาตลอด ประเทศไทยไม่ได้สร้างแค่วันเดียว ประเทศอื่นก็รบมาตลอดกว่าจะสร้างประเทศได้ แต่ที่สุดเราจะรบกันอีกนานหรือไม่ อเมริกาเลิกรบกันมา 200 กว่า ปี แล้วพัฒนาไปถึงไหน ประเทศไทยเราจะรบกันไม่ได้อีกแล้ว แต่ความรุนแรงที่เกิดขึ้นบางอย่างเราใช้ความรุนแรงไม่ได้ และประเทศไทยเราก็บังคับใช้กฎหมายไม่ค่อยได้
นายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลาและในฐานะรองหัวหน้าภาคใต้พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีคณะรัฐมนตรีมีมติให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รองปลัดกระทรวงยุติธรรมมาดำรงตำแหน่งเลขาฯศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนใต้(ศอ.บต.)แทนที่นายภาณุ อุทัยรัตน์ เลขาฯศอ.บต. ว่า ตนมีความกังวลตั้งแต่แรกที่มีกระแสข่าวว่าจะมีการเปลี่ยนเลขาฯศอ.บต. เพราะ 1.การที่รัฐบาลมีแนวคิดตั้งองค์กรใหม่ขึ้นมาก็คือ ศูนย์บูรณาการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้(ศบก.จชต.) จะทำให้การทำงานมีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น การขออนุมัติโครงการและการพัฒนาต่างๆก็จะเกิดความล่าช้า2.การตั้ง พ.ต.อ.ทวี มาทำหน้าที่เลขาฯศอ.บต.นั้น พ.ต.อ.ทวี เก่งหรือไม่เก่งในเรื่องการแก้ปัญหาสามจังหวัดชายแดนใต้ นั้นตนไม่ทราบ แต่ทราบเพียงว่า พ.ต.อ.ทวี ไม่เคยมีประสบการณ์ในการเข้าไปดูแลหรือแก้ปัญหาในเหตุการณ์ความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนใต้ 3.รัฐบาลนี้ไม่รับปัญหาความไม่สงบ3จังหวัดชายแดนใต้มาเป็นปัญหาของประเทศชาติและไม่มีความจริงใจในการแก้ปัญหา แต่กับผลักภาระให้เป็นเพียงแค่ปัญหาของคนในพื้นที่3จังหวัดชายแดนใต้ เพราะเห็นได้จากที่ผ่านมาน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ รวมไปถึงรองนายกฯที่ดูและด้านความมั่นคงก็ไม่ได้ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ เพราะฉะนั้นการแต่งตั้งโยกย้ายในครั้งนี้ตนรู้สึกเป็นห่วงเป็นอย่างมาก ซึ่งหลังจากนี้ตนก็ไม่คาดหวังอะไร ทุกอย่างขึ้นอยู่กับชะตากรรมของบ้านเมืองต่อไป
นอกจากนี้นายถาวร ยังรู้สึกเป็นห่วงที่ในขณะนี้รัฐบาลมีการแต่งตั้งตำรวจมาดูแลงานด้านต่างๆโดยนายถาวรกล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลทำงานเหมือนกับเป็นรัฐตำรวจ ตนไม่ได้ว่าตำรวจนั้นไม่มีความสามารถแต่ตำรวจจะถนัดในด้านการสืบสวน สอบสวน เห็นได้จากปัญหาน้ำท่วมก็ตั้งตำรวจมาดูแล และปัญหาภาคใต้ก็ตั้งตำรวจมาดูและอีก และตนเชื่อว่าหลังจากนี้ตำรวจจะเข้ามามีอิทธิพลในการบริหารประเทศอีกแน่นอน
เมื่อเวลา 09.00 น.ที่โรงแรมรอยัลริเวอร์ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง เดินทางมาเป็นประธานเปิดงานโครงการประชุมเชิงปฏิบัติการแก้ไขปัญหาความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้แบบบูรณาการตามนโยบายของรัฐบาล โดยมีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบกให้การต้อนรับ โดยพล.ต.อ.โกวิท กล่าวว่า ความเป็นเอกภาพในกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.ภาค 4) ยังไม่ชัดเจน เพราะมีอิสระเป็นของตัวเอง โครงสร้างกอ.รมน.เป็นเรื่องของทั้งพลเรือน ทหาร ตำรวจ ไม่ใช่ทหารอย่างเดียว การประชุมวันนี้เป็นการประชุมเชิงบูรณาการในการแก้ไขปัญหาภาคใต้ เพื่อให้การปฏิบัติงานชัดเจน และจะได้เพิ่มความปลอดภัยให้กับประชาชนในพื้นที่
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ปัญหาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีมานาน การแก้ไขปัญหาทุกคนจะต้องเข้าใจร่วมกันว่า การต่อสู้เชิงความคิดไม่ใช่เป็นการต่อสู้ด้วยการเอากำลังมารบกันตามปกติ มีกลุ่มต่างๆไม่ว่าจะเป็นกลุ่มธุรกิจผิดกฎหมายทำให้สถานการณ์ภาคใต้แย่ลงในสายตาของเราและต่างชาติ สิ่งที่เป็นห่วง คือ ความเข้าใจของพวกเราที่ทุกหน่วยงานที่ทางรัฐบาลสั่งการไป ไม่ได้หมายความว่า เราจะเข้าไปก้าวก่ายกระทรวง ทบวง กรม ของท่าน สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปคือการขับเคลื่อนในระดับรัฐบาล โดยมีกระทรวงทั้งหมด 19 กระทรวง 11 หน่วยงาน ซึ่งในการทำงานมี 3 ส่วนเพื่อแก้ปัญหา คือ 1.กระทรวง ทบวง กรม ซึ่งมีงบประมาณประจำปีทุกปี 2.กอ.รมน. และ3. ศูนย์อำนวยการบริหารจัดการจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) โดยทั้ง 3 ส่วนจะขับเคลื่อนโดยมีรองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เป็นการทำงานระดับบนเพื่อเสริมช่องว่างงบประมาณต่างๆที่มีอยู่
“ผมไม่ได้เอางบประมาณของพวกท่านมาถือ งบประมาณยังอยู่กับท่านเหมือนเดิม เพียงแต่ว่างบประมาณทั้งหมดจะต้องนำมาเปิดดูว่าจะทำอะไรก่อนหลัง ขอทำความเข้าใจว่า งบประมาณของกอ.รมน.ไม่ได้มีเหลือเฟืออย่างที่เข้าใจ งบประมาณ 60-70% เป็นงบของกำลังพล เรื่องของความมั่นคงต้องให้ทหารดูแลเป็นหลัก เพราะในต่างประเทศเวลาเกิดความไม่มั่นคงหรือเกิดสงครามทหารจะเป็นหลักในการดูแล โดยครั้งนี้ได้ให้แม่ทัพภาคที่ 4 ดูแล หากในพื้นที่เข้มแข็งทหารก็พร้อมจะถอนออกมา หากบอกว่าอยากให้ถอนทหารออกไปแล้วเหตุการณ์สงบ ใครจะรับรองตรงนี้ มีพวกที่มุ่งหวังให้เกิดความรุนแรง เรื่องนี้มันมีกระบวนการ ทหารพยายามทำทุกอย่างให้สถานการณ์ดีขึ้น แต่เจ้าหน้าที่ทหารตำรวจ 3 หมื่นคน อาจจะมีทั้งดีหรือไม่ดี หากพบว่าใครไม่ดีก็ปรับ ย้ายออกไป อย่าบอกว่าใครเก่งกว่าใคร ผมไม่ได้เก่งกว่าท่าน ท่านก็ไม่ได้เก่งกว่าผม เราต้องเอาหัวมาชนกันเพื่อแก้ไขปัญหา”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การขับเคลื่อนครั้งนี้ไม่ใช่เอาทหารมานำการเมืองและไม่ไปยุ่งกับงบประมาณของ ท่าน ทุกคนทำงานคาดหวังให้ภาคใต้สงบจะได้นำงบมาทำอะไรให้ประเทศไทยเช่น การสร้างเขื่อนในแม่น้ำเจ้าพระยายังดูดีกว่า ใครเป็นรัฐบาลต้องแก้ปัญหา ทหารอยู่ภายใต้กลไกของรัฐไม่มีปัญหา การแก้ไขปัญหาทุกฝายต้องช่วยกันแก้ไขปัญหา ขอร้องว่า อย่ามาโทษกันว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นใครผิด ทุกฝ่ายตั้งใจทำงาน มุสลิมเป็นคนไทยเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่มีบางส่วนมาทำร้าย แต่เราไม่สามารถทำร้ายประชาชนได้ วันนี้ต้องคุยให้จบว่า จะให้เจ้าหน้าที่ทำอะไร ตนเป็นผบ.ทบ.มา 1 ปี เราต้องปรับยุทธศาสตร์มาตลอด ประเทศไทยไม่ได้สร้างแค่วันเดียว ประเทศอื่นก็รบมาตลอดกว่าจะสร้างประเทศได้ แต่ที่สุดเราจะรบกันอีกนานหรือไม่ อเมริกาเลิกรบกันมา 200 กว่า ปี แล้วพัฒนาไปถึงไหน ประเทศไทยเราจะรบกันไม่ได้อีกแล้ว แต่ความรุนแรงที่เกิดขึ้นบางอย่างเราใช้ความรุนแรงไม่ได้ และประเทศไทยเราก็บังคับใช้กฎหมายไม่ค่อยได้
