**สายน้ำเชี่ยวกรากน่าหวาดเสียวใจที่กำลังจู่โจมไทยทั้งชาติในเวลานี้ คงทำให้หลายคนหนาวเหน็บกันเป็นแถว หรือบางคนอาจถึงขั้นด้านชากันไปแล้ว เพราะเห็นความอ่อนด้อยในการบริหารประเทศจากนายกฯหญิงคนแรกของประเทศไทยบ่อย จนขี้เกียจจะวิจารณ์ให้เปลืองน้ำลาย
แต่จะไม่พูดถึงเลยก็คงไม่ได้ เพราะวิกฤติน้ำคราวนี้อาจช่วยล้างตาคนไทยให้สว่างไสว เห็นธาตุแท้ของคนในคณะรัฐมนตรี ที่ไม่มีความพร้อม สุ่มเสี่ยงกำลังนำชาติสู่ความเสียหาย
ในวันที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้นำฝ่ายค้านบุกดอนเมือง ศูนย์บัญชาการของรัฐบาลแก้ปัญหาน้ำท่วม น.ส.ยิ่งลักษณ์ทำใจดี เปิดประตูต้อนรับเต็มที่ พาเยี่ยมชมศูนย์ปฏิบัติการที่ดอนเมือง กระจิบกระจอกข่าวได้ยินเสียงสนทนาแล้วสะท้อนมาว่า
อภิสิทธิ์ เสนอความเห็นว่า ควรจะขยายพื้นที่อพยพประชาชนนะครับ อาจจะใช้คลังสินค้าเพิ่มก็ได้ นายกฯปู ตอบว่า อ๋อ ค่ะ เรามีพื้นที่สุวรรณภูมิรองรับแล้วค่ะ
อภิสิทธิ์ ถามถึงพื้นที่รองรับคนอพยพ นายกฯโคลนนิ่ง อาจจะฟังไม่ชัดจับใจความไม่ได้ เลยตอบถึงพื้นที่รองรับรถยนต์หนีน้ำ
**กระจิบกระจอกข่าวเลยมึนตามไปด้วย
ในระหว่างการหารือกว่าครึ่งชั่วโมง นายกฯปู พยายามจะสรุปสถานการณ์น้ำด้วยตัวเอง แต่ทำได้ไม่ถึงสามนาที ก็โยนเรื่องว่า "ให้อธิบดีกรมชลอธิบายดีกว่าค่ะ" จากนั้นอธิบดีกรมชลประทานชี้แผนที่ อธิบายการระบายน้ำ แต่ก็ดันหาแม่น้ำท่าจีน ในแผนที่ไม่เจอ
ส่วนผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย หรือ ศปภ. อย่าง พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม จะโชว์ภูมิอธิบายวิกฤติมีนบุรี กลับไปชี้แผนที่ผิดจุดจากมีนบุรี ชี้ไปที่ฉะเชิงเทรา ซะงั้น
ตลอดการสนทนา ไม่ว่า อภิสิทธิ์ จะพูดแนะนำ หรือถามอะไร เสียงตอบจากนายกฯปู ที่ได้ยินกันทั้งห้องประชุม จะตกร่องอยู่ที่คำเดียวว่า " ต้องช่วยๆ กันนะคะ"
ก็จะเอาอะไรนักหนากับ ผู้หญิงที่ไต่เต้าจากบารมีพี่ชายจนได้เป็นนายกรัฐมนตรี ในเวลาเพียง 49 วัน นักข่าวก็อย่าถามเรื่องน้ำให้คันหูมากนัก เพราะเธอก็บอกชัดเจนแล้วว่า "อย่าถามมากได้ไหมคะ เพราะดิฉันก็เพื่งมาเรียนรู้เรื่องน้ำเดือนเดียวเองค่ะ"
เพราะเป็นมือใหม่แถมไม่มีทั้งพรสวรรค์และพรแสวง "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" จึงต้องติวเข้มวิชา "บริหารประเทศไทย"
** ขอเตือนด้วยความหวังดีว่า ถ้ายังมะงุมมะงาหรา เน้นออกสื่อสร้างภาพมากกว่าแก้วิกฤติชาติอย่างที่เป็นอยู่ คนเสื้อแดงเขาอาจได้บทสรุปว่า "ปีนี้เป็นปีกาลู" แล้วจะหาว่าไม่เตือน
แต่จะไม่พูดถึงเลยก็คงไม่ได้ เพราะวิกฤติน้ำคราวนี้อาจช่วยล้างตาคนไทยให้สว่างไสว เห็นธาตุแท้ของคนในคณะรัฐมนตรี ที่ไม่มีความพร้อม สุ่มเสี่ยงกำลังนำชาติสู่ความเสียหาย
ในวันที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้นำฝ่ายค้านบุกดอนเมือง ศูนย์บัญชาการของรัฐบาลแก้ปัญหาน้ำท่วม น.ส.ยิ่งลักษณ์ทำใจดี เปิดประตูต้อนรับเต็มที่ พาเยี่ยมชมศูนย์ปฏิบัติการที่ดอนเมือง กระจิบกระจอกข่าวได้ยินเสียงสนทนาแล้วสะท้อนมาว่า
อภิสิทธิ์ เสนอความเห็นว่า ควรจะขยายพื้นที่อพยพประชาชนนะครับ อาจจะใช้คลังสินค้าเพิ่มก็ได้ นายกฯปู ตอบว่า อ๋อ ค่ะ เรามีพื้นที่สุวรรณภูมิรองรับแล้วค่ะ
อภิสิทธิ์ ถามถึงพื้นที่รองรับคนอพยพ นายกฯโคลนนิ่ง อาจจะฟังไม่ชัดจับใจความไม่ได้ เลยตอบถึงพื้นที่รองรับรถยนต์หนีน้ำ
**กระจิบกระจอกข่าวเลยมึนตามไปด้วย
ในระหว่างการหารือกว่าครึ่งชั่วโมง นายกฯปู พยายามจะสรุปสถานการณ์น้ำด้วยตัวเอง แต่ทำได้ไม่ถึงสามนาที ก็โยนเรื่องว่า "ให้อธิบดีกรมชลอธิบายดีกว่าค่ะ" จากนั้นอธิบดีกรมชลประทานชี้แผนที่ อธิบายการระบายน้ำ แต่ก็ดันหาแม่น้ำท่าจีน ในแผนที่ไม่เจอ
ส่วนผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย หรือ ศปภ. อย่าง พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม จะโชว์ภูมิอธิบายวิกฤติมีนบุรี กลับไปชี้แผนที่ผิดจุดจากมีนบุรี ชี้ไปที่ฉะเชิงเทรา ซะงั้น
ตลอดการสนทนา ไม่ว่า อภิสิทธิ์ จะพูดแนะนำ หรือถามอะไร เสียงตอบจากนายกฯปู ที่ได้ยินกันทั้งห้องประชุม จะตกร่องอยู่ที่คำเดียวว่า " ต้องช่วยๆ กันนะคะ"
ก็จะเอาอะไรนักหนากับ ผู้หญิงที่ไต่เต้าจากบารมีพี่ชายจนได้เป็นนายกรัฐมนตรี ในเวลาเพียง 49 วัน นักข่าวก็อย่าถามเรื่องน้ำให้คันหูมากนัก เพราะเธอก็บอกชัดเจนแล้วว่า "อย่าถามมากได้ไหมคะ เพราะดิฉันก็เพื่งมาเรียนรู้เรื่องน้ำเดือนเดียวเองค่ะ"
เพราะเป็นมือใหม่แถมไม่มีทั้งพรสวรรค์และพรแสวง "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" จึงต้องติวเข้มวิชา "บริหารประเทศไทย"
** ขอเตือนด้วยความหวังดีว่า ถ้ายังมะงุมมะงาหรา เน้นออกสื่อสร้างภาพมากกว่าแก้วิกฤติชาติอย่างที่เป็นอยู่ คนเสื้อแดงเขาอาจได้บทสรุปว่า "ปีนี้เป็นปีกาลู" แล้วจะหาว่าไม่เตือน