00 เรียกได้ว่าเวลานี้สำหรับคนกรุงเทพฯที่มีบ้านอยู่ริมแม่น้ำ ริมคลองทั้งหลายคงอยู่ในภาวะระทึกใจว่าตัวเองจะรอดพ้นจากการถูกน้ำไหลทะลักเข้าท่วมบ้านได้หรือไม่ เพราะเมื่อดูปริมาณน้ำจากทางเหนือลงมามันดูแล้วเกินกำลัง และมากกว่าทุกปี อีกทั้งเมื่อชุมชน บ้านเมืองมีความเจริญขึ้นจึงมีการขยายตัวรุกเข้าไปในหนองน้ำ คูคลองขวางทางน้ำมันก็ยิ่งทำให้การระบายให้ไหลลงทะเลทำได้ยากและช้าลง ทำให้ความเสียหายเพิ่มขึ้นอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
00 ในฐานะที่กรุงเทพฯอยู่ปลายน้ำต้องรองรับปริมาณน้ำจำนวนมหาศาลจากทุกจังหวัดที่อยู่เหนือขึ้นไป ในเมื่อนครสวรรค์ กำแพงเพชร ชัยนาท อยุธยาเรื่อยมาจนถึงปทุมธานี นนทบุรี เร่งระบายน้ำออกมาเต็มพิกัดมันก็ต้อง “รวมศูนย์” ลงมาเป็นจุดเดียว ลองหลับตานึกดูซิว่า “มันจะรอดหรือไม่” ซึ่งนาทีนี้ไม่มีใคร “การันตี”ได้สักคน บรรยากาศกลับกลายเป็นตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง ก่อนหน้านี้มั่นใจชิงกันบอกว่า “เอาอยู่” ไม่ต้องห่วง แล้วเป็นไงต้องโกลาหลกันทั้งชาวบ้าน ทั้งรัฐบาล ทุด !!
00 การจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย(ศปภ.)ของรัฐบาล มี พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรมเป็นผู้อำนวยการศูนย์ มาดูแลแก้ปัญหาบริหารจัดการทั่วประเทศ ก็ดูแล้วทะมัดทะแมงดี แต่นาทีนี้ถือว่ามัน “สาย” ไปแล้ว ทำได้แต่เพียงการช่วยเหลือ “อพยพ” ผู้คนเท่านั้น ไม่สามารถป้องกันน้ำที่ไหลทะลักเข้ามาได้แล้ว แต่กลายเป็นว่าคนที่ลงมาร่วมประชุมคลุกวงในตลอดรายการคือ นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แต่ถ้าสังเกตให้ดีกลับไม่ยอมเป็นประธานศูนย์ด้วยตัวเอง มันก็ทำให้หลายคนวิเคราะห์กันว่าเป็นการป้องกันความเสียหายภายหลัง หากเกิด “ความล้มเหลว” บริหารจัดการล้มเหลว
00 ขณะเดียวกันก็ต้องบอกว่าการแก้ปัญหาน้ำท่วมเที่ยวนี้มีเรื่อง “การเมือง” เข้ามาเกี่ยวข้อง “ขัดขา” กันเต็มๆ โดยเฉพาะกรณีกรุงเทพฯ ปรากฏว่าไม่ค่อยมีการประสานทำความเข้าใจกับ ผู้ว่าฯกทม.ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตรจากค่าย ปชป.เหมือนกับว่าปล่อยให้ทำงานไปก่อน ถ้าพลาดค่อยตามมาขย่มให้จมน้ำทีหลัง และที่สำคัญก็คือดูเหมือนว่ามีการเตรียมแผนโบ้ยให้ฝ่ายตรงข้าม “รับเคราะห์” จากฝ่ายเพื่อไทยไว้ล่วงหน้าแล้ว อ้างในเรื่อง “เกียร์ว่าง” อย่างไรก็ตามหากผลงานออกมา “ห่วย” ซ้ำซากรับรองว่าเจอถล่มยับทั้งคู่นั่นแหละ ไม่ว่าจะเป็น นายกฯปูและ ผู้ว่าฯสุขุมพันธุ์ อ่วมแน่ ดังนั้นไม่ต้องมาหาเรื่องใช้ “วิชามาร”กล่าวโทษฝ่ายตรงข้ามให้เสียเวลา ทางที่ดีหันมาร่วมมือช่วยเหลือกันจะดีกว่า
00 จะไปตำหนิชาวบ้านว่า “ตื่นตูม” แห่กันไปซื้อสินค้ามากักตุนก็ไม่ถูกนัก เพราะเมื่อพิจารณาจากผลงานตั้งแต่ต้นจนถึงวันนี้เป็นใครก็ไม่มีทางเชื่อถือได้อยู่แล้ว แม้จะรู้ว่าปัญหามันหนักหนาสาหัส น้ำมีปริมาณมหาศาลไหลทะลักลงมารวมเป็นจุดเดียว แต่ปัญหาน้ำหลากมันเกิดขึ้นนานนับเดือน มีแนวโน้มให้เห็นตั้งสองเดือนด้วยซ้ำไป แต่การเตรียมการรับมือ “บรรเทา” ปัญหากลับล่าช้าเมินเฉย มาเร่งอพยพเอาในเมื่อ “มันสาย” ไปเสียแล้ว อยากจะบอกว่าน้ำท่วมไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ทำไมตัว “ผู้นำรัฐบาล” ถึงไม่สั่งการให้รอบด้าน ทำไมไม่แสดง “ภาวะผู้นำ”ออกมา ไม่ใช่สั่งการแบบ “รูทีน” กระจอกๆแบบนี้
00 ไอ้นี่ก็อีกคน พอเห็นท่าไม่ดี ไม่อาจตีกินหาคะแนนเสียงได้ก็ “หายหัว” ไม่มาดูดำดูดีพี่น้องที่เคย “หลอก” มาตากแดดตากฝน เสี่ยงกระสุน เสี่ยงคุกตะรางบ้างเลย ใช่กำลังพูดถึง “เทวดาแม้ว”ทักษิณ ชินวัตรนั่นแหละ ทำไมไม่โฟนอิน “ขายไอเดีย” ออกมาบ้างละ ทีเรื่องติดลบเข้าตัวแล้วทำเป็นเงียบเป็นเป่าสากเชียว !!
00 ในฐานะที่กรุงเทพฯอยู่ปลายน้ำต้องรองรับปริมาณน้ำจำนวนมหาศาลจากทุกจังหวัดที่อยู่เหนือขึ้นไป ในเมื่อนครสวรรค์ กำแพงเพชร ชัยนาท อยุธยาเรื่อยมาจนถึงปทุมธานี นนทบุรี เร่งระบายน้ำออกมาเต็มพิกัดมันก็ต้อง “รวมศูนย์” ลงมาเป็นจุดเดียว ลองหลับตานึกดูซิว่า “มันจะรอดหรือไม่” ซึ่งนาทีนี้ไม่มีใคร “การันตี”ได้สักคน บรรยากาศกลับกลายเป็นตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง ก่อนหน้านี้มั่นใจชิงกันบอกว่า “เอาอยู่” ไม่ต้องห่วง แล้วเป็นไงต้องโกลาหลกันทั้งชาวบ้าน ทั้งรัฐบาล ทุด !!
00 การจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย(ศปภ.)ของรัฐบาล มี พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรมเป็นผู้อำนวยการศูนย์ มาดูแลแก้ปัญหาบริหารจัดการทั่วประเทศ ก็ดูแล้วทะมัดทะแมงดี แต่นาทีนี้ถือว่ามัน “สาย” ไปแล้ว ทำได้แต่เพียงการช่วยเหลือ “อพยพ” ผู้คนเท่านั้น ไม่สามารถป้องกันน้ำที่ไหลทะลักเข้ามาได้แล้ว แต่กลายเป็นว่าคนที่ลงมาร่วมประชุมคลุกวงในตลอดรายการคือ นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แต่ถ้าสังเกตให้ดีกลับไม่ยอมเป็นประธานศูนย์ด้วยตัวเอง มันก็ทำให้หลายคนวิเคราะห์กันว่าเป็นการป้องกันความเสียหายภายหลัง หากเกิด “ความล้มเหลว” บริหารจัดการล้มเหลว
00 ขณะเดียวกันก็ต้องบอกว่าการแก้ปัญหาน้ำท่วมเที่ยวนี้มีเรื่อง “การเมือง” เข้ามาเกี่ยวข้อง “ขัดขา” กันเต็มๆ โดยเฉพาะกรณีกรุงเทพฯ ปรากฏว่าไม่ค่อยมีการประสานทำความเข้าใจกับ ผู้ว่าฯกทม.ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตรจากค่าย ปชป.เหมือนกับว่าปล่อยให้ทำงานไปก่อน ถ้าพลาดค่อยตามมาขย่มให้จมน้ำทีหลัง และที่สำคัญก็คือดูเหมือนว่ามีการเตรียมแผนโบ้ยให้ฝ่ายตรงข้าม “รับเคราะห์” จากฝ่ายเพื่อไทยไว้ล่วงหน้าแล้ว อ้างในเรื่อง “เกียร์ว่าง” อย่างไรก็ตามหากผลงานออกมา “ห่วย” ซ้ำซากรับรองว่าเจอถล่มยับทั้งคู่นั่นแหละ ไม่ว่าจะเป็น นายกฯปูและ ผู้ว่าฯสุขุมพันธุ์ อ่วมแน่ ดังนั้นไม่ต้องมาหาเรื่องใช้ “วิชามาร”กล่าวโทษฝ่ายตรงข้ามให้เสียเวลา ทางที่ดีหันมาร่วมมือช่วยเหลือกันจะดีกว่า
00 จะไปตำหนิชาวบ้านว่า “ตื่นตูม” แห่กันไปซื้อสินค้ามากักตุนก็ไม่ถูกนัก เพราะเมื่อพิจารณาจากผลงานตั้งแต่ต้นจนถึงวันนี้เป็นใครก็ไม่มีทางเชื่อถือได้อยู่แล้ว แม้จะรู้ว่าปัญหามันหนักหนาสาหัส น้ำมีปริมาณมหาศาลไหลทะลักลงมารวมเป็นจุดเดียว แต่ปัญหาน้ำหลากมันเกิดขึ้นนานนับเดือน มีแนวโน้มให้เห็นตั้งสองเดือนด้วยซ้ำไป แต่การเตรียมการรับมือ “บรรเทา” ปัญหากลับล่าช้าเมินเฉย มาเร่งอพยพเอาในเมื่อ “มันสาย” ไปเสียแล้ว อยากจะบอกว่าน้ำท่วมไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ทำไมตัว “ผู้นำรัฐบาล” ถึงไม่สั่งการให้รอบด้าน ทำไมไม่แสดง “ภาวะผู้นำ”ออกมา ไม่ใช่สั่งการแบบ “รูทีน” กระจอกๆแบบนี้
00 ไอ้นี่ก็อีกคน พอเห็นท่าไม่ดี ไม่อาจตีกินหาคะแนนเสียงได้ก็ “หายหัว” ไม่มาดูดำดูดีพี่น้องที่เคย “หลอก” มาตากแดดตากฝน เสี่ยงกระสุน เสี่ยงคุกตะรางบ้างเลย ใช่กำลังพูดถึง “เทวดาแม้ว”ทักษิณ ชินวัตรนั่นแหละ ทำไมไม่โฟนอิน “ขายไอเดีย” ออกมาบ้างละ ทีเรื่องติดลบเข้าตัวแล้วทำเป็นเงียบเป็นเป่าสากเชียว !!