นายสิทธิชัย ลีสวัสดิ์ตระกูล ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท มิลล์คอนสตีลอินดัสทรีส์ จำกัด (มหาชน) (MILL) เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 9/2554 เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2554 มีมติมติอนุมัติการเข้าลงทุนในหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บริษัท โอเชี่ยน โพรฟิท จำกัด(OP) 1,500 ล้านบาท โดย OP จะเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 10 ล้านบาท เป็น 1,510 ล้านบาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน 15 ล้านหุ้น ในราคาตามมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท ทั้งนี้ บริษัทแปซิฟิค เอเชีย (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท อินดัสเตรียลเบเทลิกุง (เอเซีย) จำกัด ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นส่วนที่เหลือทั้งหมดของ OP ในสัดส่วน 60% และ 10% ของทุนชำระแล้ว 10 ล้านบาท ตามลำดับ ได้แสดงความจำนงที่จะสละสิทธิการเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าว และ MILL จะเข้าทำการซื้อหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าวทั้งหมด ซึ่งภายหลังการเข้าลงทุนดังกล่าว MILL จะถือหุ้นเพิ่มเป็น 99.54 % ของทุนชำระแล้ว (จากเดิมที่ถือหุ้นใน OP 30% ) จะทำให้ OP มีสถานะเป็นบริษัทย่อยของบริษัท
พร้อมกันนี้ได้มีมติให้ OP เข้าซื้อทรัพย์สินของ บริษัท อุตสาหกรรมเหล็กกล้าไทย จำกัด (TSSI) โดยจะเข้าซื้อที่ดินทั้งหมดพร้อมสิ่งปลูกสร้างและเครื่องจักรทั้งหมด เพื่อใช้ในการผลิตเหล็กลวด (wire rod) รวมไปถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพของเครื่องจักร โดยเงินลงทุนนี้ คิดเป็นมูลค่าไม่เกิน 3,065 ล้านบาท
" เงินที่จะนำมาใช้ในการลงทุนครั้งนี้ มาจากการที่ MILL จะเสนอขายหุ้นกู้แปลงสภาพ ให้แก่บุคคลในวงจำกัดโดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนรองรับ 603 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 3 บาท รวม 1,809 ล้านบาท จากนั้น MILL จะนำเงินที่ได้ไปลงทุนในหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ OP และให้ OP นำเงินเพิ่มทุนที่ได้ 1,500 ล้านบาท บวกกับเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน 1,565 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 3,065 ล้านบาท ไปชำระค่าทรัพย์สินของ TSSI "นายสิทธิชัย กล่าว
สำหรับประโยชน์ที่จะได้รับคือเป็นการสร้างโอกาสในการขยายธุรกิจและเกื้อหนุนต่อการดำเนินงานของกลุ่มมิลล์คอน ซึ่งกลุ่มบริษัทสามารถนำผลิตภัณฑ์จากโครงการ Green mill Project คือเหล็กแท่งทรงยาวคุณภาพพิเศษเพื่อนำมาใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับการผลิตเหล็กลวดคุณภาพพิเศษ ซึ่งคาดจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการกำไร รวมทั้งสามารถตอบสนองความต้องการให้แก่ลูกค้าได้มากขึ้น พร้อมเพิ่มอัตราการผลิตเหล็กแท่งทรงยาวคุณภาพพิเศษของกลุ่มบริษัท และช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขันให้มากขึ้นโดยกลุ่มบริษัทจะเป็นผู้ผลิตเหล็กลวดคุณภาพพิเศษเพียงไม่กี่รายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่สามารถผลิตวัตถุดิบได้ด้วยตนเอง
นอกจากนี้ การเข้าลงทุนใน TSSI ถือเป็นทางเลือกในการลงทุนที่มีความเหมาะสมและมีต้นทุนที่ต่ำกว่าการลงทุนสร้างโรงงานใหม่สามารถรับรู้ผลการดำเนินงานได้รวดเร็ว ที่สำคัญจะส่งผลให้กลุ่มบริษัทมีความได้เปรียบด้านต้นทุนของเหล็กลวดคุณภาพพิเศษมากกว่าผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ซึ่งถือเป็นการทดแทนการนำเข้า โดยปริมาณการนำเข้าเหล็กลวดในปี 53 มีประมาณ 750,000 ตัน
โดย MILL คาดว่าจะสามารถผลิตและจำหน่ายสินค้าดังกล่าว เข้าสู่ตลาดได้ปีละ 500,000 ตัน ซึ่งจะผลักดันให้ผลประกอบการของ MILL ในปี 55 มีอัตราการเติบโตที่ก้าวกระโดด ส่วนกำลังการผลิตเหล็กของกลุ่มมิลล์คอนฯ จากปัจจุบันที่มีกำลังการผลิต 8.5 แสนตัน คาดว่าจะขยับขึ้นเป็น 1.35 ล้านตันในอนาคต และยังลดความเสี่ยงต่อผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทในภาพรวม
เพราะโดยปกติเหล็กลวดจะมีความผันผวนน้อยกว่าเหล็กเส้น ซึ่งถือเป็นสินค้าที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มและเป็นการขยายฐานการตลาดสู่อุตสาหกรรมต่อเนื่อง
ทั้งนี้ MILL กำหนดวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2554 ในวันที่ 11 พฤศจิกายน 54 และกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิในการเข้าร่วมประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2554 (Record Date) ในวันที่ 25 ตุลาคม 2554 และให้รวบรวมรายชื่อผู้ถือหุ้นตามมาตรา 225แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 (ตามที่ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติม)โดยวิธีปิดสมุดทะเบียนในวันที่ 26 ตุลาคม 54
พร้อมกันนี้ได้มีมติให้ OP เข้าซื้อทรัพย์สินของ บริษัท อุตสาหกรรมเหล็กกล้าไทย จำกัด (TSSI) โดยจะเข้าซื้อที่ดินทั้งหมดพร้อมสิ่งปลูกสร้างและเครื่องจักรทั้งหมด เพื่อใช้ในการผลิตเหล็กลวด (wire rod) รวมไปถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพของเครื่องจักร โดยเงินลงทุนนี้ คิดเป็นมูลค่าไม่เกิน 3,065 ล้านบาท
" เงินที่จะนำมาใช้ในการลงทุนครั้งนี้ มาจากการที่ MILL จะเสนอขายหุ้นกู้แปลงสภาพ ให้แก่บุคคลในวงจำกัดโดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนรองรับ 603 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 3 บาท รวม 1,809 ล้านบาท จากนั้น MILL จะนำเงินที่ได้ไปลงทุนในหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ OP และให้ OP นำเงินเพิ่มทุนที่ได้ 1,500 ล้านบาท บวกกับเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน 1,565 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 3,065 ล้านบาท ไปชำระค่าทรัพย์สินของ TSSI "นายสิทธิชัย กล่าว
สำหรับประโยชน์ที่จะได้รับคือเป็นการสร้างโอกาสในการขยายธุรกิจและเกื้อหนุนต่อการดำเนินงานของกลุ่มมิลล์คอน ซึ่งกลุ่มบริษัทสามารถนำผลิตภัณฑ์จากโครงการ Green mill Project คือเหล็กแท่งทรงยาวคุณภาพพิเศษเพื่อนำมาใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับการผลิตเหล็กลวดคุณภาพพิเศษ ซึ่งคาดจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการกำไร รวมทั้งสามารถตอบสนองความต้องการให้แก่ลูกค้าได้มากขึ้น พร้อมเพิ่มอัตราการผลิตเหล็กแท่งทรงยาวคุณภาพพิเศษของกลุ่มบริษัท และช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขันให้มากขึ้นโดยกลุ่มบริษัทจะเป็นผู้ผลิตเหล็กลวดคุณภาพพิเศษเพียงไม่กี่รายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่สามารถผลิตวัตถุดิบได้ด้วยตนเอง
นอกจากนี้ การเข้าลงทุนใน TSSI ถือเป็นทางเลือกในการลงทุนที่มีความเหมาะสมและมีต้นทุนที่ต่ำกว่าการลงทุนสร้างโรงงานใหม่สามารถรับรู้ผลการดำเนินงานได้รวดเร็ว ที่สำคัญจะส่งผลให้กลุ่มบริษัทมีความได้เปรียบด้านต้นทุนของเหล็กลวดคุณภาพพิเศษมากกว่าผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ซึ่งถือเป็นการทดแทนการนำเข้า โดยปริมาณการนำเข้าเหล็กลวดในปี 53 มีประมาณ 750,000 ตัน
โดย MILL คาดว่าจะสามารถผลิตและจำหน่ายสินค้าดังกล่าว เข้าสู่ตลาดได้ปีละ 500,000 ตัน ซึ่งจะผลักดันให้ผลประกอบการของ MILL ในปี 55 มีอัตราการเติบโตที่ก้าวกระโดด ส่วนกำลังการผลิตเหล็กของกลุ่มมิลล์คอนฯ จากปัจจุบันที่มีกำลังการผลิต 8.5 แสนตัน คาดว่าจะขยับขึ้นเป็น 1.35 ล้านตันในอนาคต และยังลดความเสี่ยงต่อผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทในภาพรวม
เพราะโดยปกติเหล็กลวดจะมีความผันผวนน้อยกว่าเหล็กเส้น ซึ่งถือเป็นสินค้าที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มและเป็นการขยายฐานการตลาดสู่อุตสาหกรรมต่อเนื่อง
ทั้งนี้ MILL กำหนดวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2554 ในวันที่ 11 พฤศจิกายน 54 และกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิในการเข้าร่วมประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2554 (Record Date) ในวันที่ 25 ตุลาคม 2554 และให้รวบรวมรายชื่อผู้ถือหุ้นตามมาตรา 225แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 (ตามที่ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติม)โดยวิธีปิดสมุดทะเบียนในวันที่ 26 ตุลาคม 54