พิษณุโลก - อิทธิพลบางระกำโมเดลใหญ่คับพื้นที่ ชาวบ้านบุกศาลากลางร้องศูนย์ดำรงธรรมเอาผิด“กำนันชุมแสงสงคราม”ข่มขู่ลูกบ้านไล่ออกจากหมู่บ้าน โวยใส่หอกกระจายข่าว แถมอ้างชื่อ ส.ส.-ผู้ว่าฯ ขณะที่"ดาบตำรวจชุมแสงฯ"ช่วยชาวบ้านเปิดโปงส่วยบางระกำโมเดลถูกคำสั่งช่วยราชการด่วน แถมมี SMS ขู่ซ้ำ
วานนี้ (10 ต.ค.) ที่ศูนย์ดำรงธรรม ศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก นางละเอียด รักภูมิ ชาวบ้านฝากคลองหมู่ 11 ต.บางระกำ อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก พร้อมชาวบ้านประมาณ 15 คนได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกให้เอาผิดกำนันตำบลชุมแสงคราม อ.บางระกำ โดยระบุว่า ใช้อำนาจในทางที่ผิด โดยมีนายอธิปไตร ไกรราช นิติกรจังหวัดพิษณุโลก ศูนย์ดำรงธรรมรับเรื่องราว พร้อมส่งเรื่องไปยังนายอำเภอและผู้ว่าราชการจังหวัดฯตามลำดับ
โดยหนังสือร้องเรียนระบุว่า "เนื่องด้วยนายมนัส ทับแผลง กำนันตำบลชุมแสงสงคราม ได้ใช้หอกระจายข่าวในทางที่ผิด คือ ด่าลูกบ้าน พูดเรื่องที่ไม่สมความพูด รวมทั้งนำชื่อของนายอำเภอบางระกำ ผู้ว่าราชการจังหวัดฯ และ ส.ส.มากล่าวอ้างการข่มขู่ประชาชน สร้างความรำคราญ และทำให้ชาวบ้านเกิดความเครียด รวมถึงส่อทุจริตเกี่ยวกับการกู้เงินของหมู่บ้าน (กข.คจ.) และการรับรองบ้านเลขที่ แต่ไม่มีบ้านตั้งอยู่จริงเพื่อเอื้อประโยชน์ในการรับสิทธิ์ต่าง ๆ รวมถึงการรับรองบ้านที่น้ำไม่ท่วม ให้ได้รับเงิน แต่ชาวบ้านที่น้ำท่วมจริง กลับไม่ได้รับความช่วยเหลือ
ชาวบ้านจึงรวมตัวกันมาของความเป็นธรรมขอให้กำนันมนัส ทับแผลง ประกาศแต่ข่าวทางราชการ ไม่ใช่เปิดหอกระจายข่าวเพื่อด่าชาวบ้าน ตอนนี้น้ำท่วมสูงอีกครั้ง วอนท่านช่วยชาวบ้านให้พ้นจากการอยู่ใต้การใช้อำนาจทางมิชอบ”
นางละเอียด รักภูมิ บอกอีกว่า กำนันกู้เงิน กข.คจ.ไปคนเดียว 46,000 บาท แต่พวกชาวบ้านกู้มากไม่ได้ ได้แค่คนละ 10,000 บาทเท่านั้น ถือว่าเอาเปรียบ นอกจากนี้ตนยังทราบอีกว่าเจ้าหน้าที่รัฐได้ใช้คำสั่งโยกย้ายดาบตำรวจคนหนึ่ง ซึ่งเป็นหัวหน้า อส.ตร.ชุมแสงสงคราม อ.บางระกำ ที่ช่วยลูกบ้านจำนวนมาก และอยู่กลุ่มของตนที่ปูดข่าวหัวคิวเงินชดเชยน้ำท่วม รวมไปถึงเปิดโปงความไม่ชอบมาพากลต่าง ๆ ในหมู่บ้าน แต่วันนี้ดาบตำรวจคนดังกล่าวกลับต้องถูกย้ายออกนอกพื้นที่
“ฉันบอกได้คำเดียวว่า เสียดาย ก่อนที่ดาบตำรวจท่านนี้จะถูกย้ายก็มีข้อความส่งทางโทรศัพท์ขู่เขาเป็นระยะ กระทั่งทราบว่า อิทธิพลมืดมีจริง”
ทั้งนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่าได้มีคำสั่ง ตร.ภูธร.จว.พล.เลขที่ 968/2554 ลงวันที่ 10 ตุลาคม 2554 ให้ ดาบตำรวจ โฆษวิส ปัญญะติ ช่วยราชการจังหวัดตำรวจภูธรจังหวัดพิษณุโลกจริงตามที่ชาวบ้านบางระกำอ้างถึง
วานนี้ (10 ต.ค.) ที่ศูนย์ดำรงธรรม ศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก นางละเอียด รักภูมิ ชาวบ้านฝากคลองหมู่ 11 ต.บางระกำ อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก พร้อมชาวบ้านประมาณ 15 คนได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกให้เอาผิดกำนันตำบลชุมแสงคราม อ.บางระกำ โดยระบุว่า ใช้อำนาจในทางที่ผิด โดยมีนายอธิปไตร ไกรราช นิติกรจังหวัดพิษณุโลก ศูนย์ดำรงธรรมรับเรื่องราว พร้อมส่งเรื่องไปยังนายอำเภอและผู้ว่าราชการจังหวัดฯตามลำดับ
โดยหนังสือร้องเรียนระบุว่า "เนื่องด้วยนายมนัส ทับแผลง กำนันตำบลชุมแสงสงคราม ได้ใช้หอกระจายข่าวในทางที่ผิด คือ ด่าลูกบ้าน พูดเรื่องที่ไม่สมความพูด รวมทั้งนำชื่อของนายอำเภอบางระกำ ผู้ว่าราชการจังหวัดฯ และ ส.ส.มากล่าวอ้างการข่มขู่ประชาชน สร้างความรำคราญ และทำให้ชาวบ้านเกิดความเครียด รวมถึงส่อทุจริตเกี่ยวกับการกู้เงินของหมู่บ้าน (กข.คจ.) และการรับรองบ้านเลขที่ แต่ไม่มีบ้านตั้งอยู่จริงเพื่อเอื้อประโยชน์ในการรับสิทธิ์ต่าง ๆ รวมถึงการรับรองบ้านที่น้ำไม่ท่วม ให้ได้รับเงิน แต่ชาวบ้านที่น้ำท่วมจริง กลับไม่ได้รับความช่วยเหลือ
ชาวบ้านจึงรวมตัวกันมาของความเป็นธรรมขอให้กำนันมนัส ทับแผลง ประกาศแต่ข่าวทางราชการ ไม่ใช่เปิดหอกระจายข่าวเพื่อด่าชาวบ้าน ตอนนี้น้ำท่วมสูงอีกครั้ง วอนท่านช่วยชาวบ้านให้พ้นจากการอยู่ใต้การใช้อำนาจทางมิชอบ”
นางละเอียด รักภูมิ บอกอีกว่า กำนันกู้เงิน กข.คจ.ไปคนเดียว 46,000 บาท แต่พวกชาวบ้านกู้มากไม่ได้ ได้แค่คนละ 10,000 บาทเท่านั้น ถือว่าเอาเปรียบ นอกจากนี้ตนยังทราบอีกว่าเจ้าหน้าที่รัฐได้ใช้คำสั่งโยกย้ายดาบตำรวจคนหนึ่ง ซึ่งเป็นหัวหน้า อส.ตร.ชุมแสงสงคราม อ.บางระกำ ที่ช่วยลูกบ้านจำนวนมาก และอยู่กลุ่มของตนที่ปูดข่าวหัวคิวเงินชดเชยน้ำท่วม รวมไปถึงเปิดโปงความไม่ชอบมาพากลต่าง ๆ ในหมู่บ้าน แต่วันนี้ดาบตำรวจคนดังกล่าวกลับต้องถูกย้ายออกนอกพื้นที่
“ฉันบอกได้คำเดียวว่า เสียดาย ก่อนที่ดาบตำรวจท่านนี้จะถูกย้ายก็มีข้อความส่งทางโทรศัพท์ขู่เขาเป็นระยะ กระทั่งทราบว่า อิทธิพลมืดมีจริง”
ทั้งนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่าได้มีคำสั่ง ตร.ภูธร.จว.พล.เลขที่ 968/2554 ลงวันที่ 10 ตุลาคม 2554 ให้ ดาบตำรวจ โฆษวิส ปัญญะติ ช่วยราชการจังหวัดตำรวจภูธรจังหวัดพิษณุโลกจริงตามที่ชาวบ้านบางระกำอ้างถึง
