พิษณุโลก-"บางระกำโมเดล"ฉาวไม่หยุด ชาวนาบางระกำ เมืองสองแควแฉถูกรัฐรีดหัวคิวค่าชดเชยน้ำท่วมพื้นที่การเกษตรรายละ 2 ไร่ หรือต้องจ่ายสดๆ ให้กับผู้นำท้องถิ่น 4,400-30,000 บาท อ้างนำเงินไปให้กับเกษตรตำบล เกษตรอำเภอ และจังหวัด เผยถูกผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านโทรศัพท์เช็คเป็นรายตัวให้นำเงินมาไปจ่ายทุกคน ขณะที่ชาวบ้านบางรายไม่กล้าปริปาก หวั่นอิทธิพลในพื้นที่ ด้านผู้ใหญ่บ้านยอมรับ "หักจริง" โดยใครปลูกข้าว 10 ไร่หัก 3 ไร่อ้างเพื่อช่วยเหลือรัฐบาล
วานนี้ (27 ก.ย.) ที่ศูนย์บางระกำโมเดล หรือที่ว่าการอำเภอบางระกำ จ.พิษณุโลก นายวิรัตน์ แดงซิว อายุ 50 ปีชาวบ้านหมู่ที่ 5 ต.บางระกำ อ.บางระกำ พร้อมชาวบ้านหมู่ 6 ต.บางระกำ หมู่ 15 ต.บางระกำ หมู่ 5 และหมู่ 10 ต.ชุมแสงสงคราม อ.บางระกำ ประมาณ 10 คน ได้เดินทางเข้าพบนายธงชัย ทุ่งโพธิ์ทอง นายอำเภอบางระกำ เพื่อยืนหนังสือร้องขอความเป็นธรรมในกรณีที่ผู้นำท้องถิ่นเรียกเก็บเงินค่าชดเชยน้ำท่วมพื้นที่การเกษตรของชาวบ้านรายละ 4,000-30,000 บาท เพื่อผ่านเรื่องไปถึงนายปรีชา เรืองจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก แต่เนื่องจากนายอำเภอติดภาระกิจ จึงมอบหมายให้นายวิรัตน์ หมกทอง ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคงเป็นผู้รับหนังสือแทน
นายวิรัตน์กล่าวว่า ตนพร้อมชาวบ้านกำลังได้ความเดือดร้อนจากน้ำท่วม ซ้ำร้ายยังถูกผู้นำชุมชนมาเรียกเก็บเงินหัวคิวค่าชดเชยน้ำท่วมอีก จึงอยากให้หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องไปตรวจสอบพฤติกรรมของนายสมศักดิ์ ถิ่นวงศ์แย ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 ต.บางระกำ นายแจ้ง ชูวงศ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 15 ต.บางระกำ และนายชวลิต ยังเจริญ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 10 ต.ชุมแสงสงคราม ซึ่งมีพฤติกรรมเรียกรับผลประโยชน์จากชาวบ้านที่เดือดร้อนกรณีที่ชาวบ้านเป็นเกษตรถูกน้ำท่วมนาข้าวเสียหายโดยรัฐบาลจะจ่ายเงินชดเชยให้ไร่ละ 2,222 บาท โดยทั้ง 3 คนมีพฤติกรรมเรียกเก็บเงินจากชาวบ้านรายละ 4,000-30,000 บาทโดยอ้างว่าจะนำเงินดังกล่าวไปให้กับเกษตรตำบล และเกษตรอำเภอ
วันเดียวกันชาวบ้านใน ต.บางระกำ ต.ชุมแสงสงคราม อ.บางระกำ อีกกลุ่มประมาณ 5 คนได้เดินทางมาที่ศูนย์ดำรงธรรมศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก เพื่อขอความเป็นธรรมในกรณีเดียวกันนำโดยนายเชาว์ พันเปี่ยม ชาวนาวัย 43 ปีบ้านเลขที่ 10/9 หมู่ 5 ต.ชุมแสงสงคราม อ.บางระกำ
โดยนายเชาว์กล่าวว่า ตนและชาวบ้านอีกหลายคนได้จ่ายเงินให้กับผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านคนหนึ่งหลังจากที่ได้รับแจ้งจากผู้ช่วยว่าเงินค่าน้ำท่วมไรละ 2,220 บาทได้โอนเข้าบัญชี ธ.ก.ส.แล้ว หลังจากนั้นตนจึงไปเบิกเงินสดมา 47,000 บาทและได้จ่ายเงินให้กับผู้ช่วยไป 4,400 บาทหรือ 2 ไร่ เพราะผู้ช่วยโทรศัพท์เช็คเป็นรายตัวให้นำเงินมาจ่ายโดยอ้างว่าต้องนำไปจ่ายให้กับทางจังหวัด ทำให้ตนต้องจ่ายไป ทั้งๆ ที่ผ่านมาพวกตนก็ถูกผู้ใหญ่บ้านหักค่าหัวคิวค่าแจ้งที่นาน้ำท่วมไปแล้ว เพราะตนปลูกข้าวไว้ 46 ไร่ ถูกหักเหลือ 22 ไร่ ยืนยันว่าไร่นาของตนถูกน้ำท่วมทั้งหมด แต่บังเอิญไม่ใช่พวกของผู้ใหญ่จึงถูกตัดไปเหลือครึ่งเดียว เงินชดเชยที่ได้รับก็แค่ 22 ไร่ วันนี้ทนไม่ได้เพราะยังมีเพื่อนบ้านอีกหลายคนที่ยังไม่ได้จ่ายเงินได้มาร้องขอความเป็นธรรม
เช่นเดียวกับนายเชษฐ ชาวนาหมู่ 10 ต.ชุมแสงสงคราม อ.บางระกำ บอกว่า ตนปลูกข้าวไว้ 43 ไร่ ถูกน้ำท่วมทั้งหมด แต่พอไปแจ้งผู้ใหญ่บ้านหลับถูกหักเหลือ 25 ไร่ ทำให้ได้รับเงินน้อยกว่าความเป็นจริง แต่ตนยังไม่ได้จ่ายเงินสดที่ผู้ใหญ่บ้านเรียกเก็บคนละ 2 ไร่ หรือ 4,400 บาทถ้วน แม้กระทั่งได้ต่อรองลดเหลือเงิน 4,000 บาทเขาก็ไม่ให้เขาอ้างว่าจ่ายเป็นค่าดำเนินการที่คนปลูกข้าว เมื่อทุกคนได้รับเงินชดเชยจาก ธ.ก.ส.แล้ว ทันทีที่เงินโอนเข้าบัญชีในแต่ละคน จะมีคนโทรศัพท์ไปทวง
นางสุมาลี กลิ่นจันทน์ ชาวนาชุมแสงสงคราม อ.บางระกำ กล่าวว่า ชาวบ้านทั้ง ต.ชุมแสงสงคราม ต.บางระกำ ต.คุยม่วง อ.บางระกำ ถูกหักค่าหัวคิดรายละ 2 ไร่ทุกคนเพียงแต่ไม่มีใครกล้าแสดงตัว เพราะทุกคนกลัวกันหมดไม่ให้ข้อมูลความเป็นจริง หากลองไปถามผู้ใหญ่บ้านจริงๆ เขาก็ไม่ตอบ แต่เขารับเงินจากลูกบ้าน เพราะทุกครั้งทุกสมัย ผู้ใหญ่บ้านก็เก็บค่าหัวคิวคนละ 1 ไร่เป็นประจำ แต่มาครั้งนี้ เหมือนถูกซ้ำเติม เพราะน้ำทวมหนักกว่าทุกปี ก็ยังดีหน่อยถ้าใครปลูกข้าวไม่ถึง 10 ไร่ ก็ไม่ต้องจ่ายค่าหัวคิว มาร้องวันนี้ก็เพื่อให้ศูนย์ดำรงธรรมตรวจสอบว่า เงินที่จ่ายไปรายละ 4,400 บาทเข้าจังหวัดส่วนไหน
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงในพื้นที่ หมู่ 5 ต.ชุมแสงสงคราม อ.บางระกำ หลังได้รับแจ้งจากพลเมืองดีชาวบางระกำถึงพฤติกรรมของผู้น้ำท้องถิ่นดังกล่าว พบว่าชาวนาหลายคนไม่กล้าให้ข้อมูลเชิงลึก เพราะหวั่นเกรงอิทธิพลในพื้นที่ เพียงแต่ยืนยันว่า ถูกหักหัวคิวจริง ส่วนรายละเอียดนั้นให้ไปสอบกับผู้นำชุมชนเอาเอง
นางลัดดา เขียวแจ่ม พร้อมสามี บ้านเลขที่ 48/1 หมู่ 5 ต.ชุมแสงสงคราม อ.บางระกำ เผยว่า เพิ่งได้รับเงินชดเชยค่านาข้าวเสียหายไร่ละ 2,220 บาท ซึ่งตนปลูกข้าว 20 ไร่ แต่ต้องแจ้งกับทางเกษตรอำเภอบางระกำไว้เพียง 18 ไร่ โดนหักไว้ 2 ไร่ ชาวบ้านทุกคนโดนหักเหมือนกันหมด ยิ่งถ้าใครปลูกพื้นที่มากๆ ก็จะถูกหักมากกว่า 2 ไร่ ตนเพิ่งเช็คยอดเงินจาก ธ.ก.ส.เมื่อวันที่ 21 ก.ย.พบว่ามีเงินโอนเข้ามาในบัญชี 39,900 บาท ส่วนการจ่ายเงินสดกับผู้นำชุมชนนั้น ตนไม่ขอตอบดีกว่า
นายโกเมน ยังเจริญ ชาวบ้านหมู่ 5 ต.ชุมแสงสงคราม อ.บางระกำ เปิดเผยว่า ตนถูกหักเกินกว่า 2 ไร่เพราะตนปลูกข้าว 37 ไร่ แต่ถูกหักจนเหลือ 28 ไร่ ทางผู้ใหญ่บ้านและเกษตรตำบลบอกว่า เกษตรอำเภอหักในอัตราส่วน 10 ไร่หัก 3 ไร่ เหลือแจ้งกับเกษตรตำบล 7 ไร่ ทำให้ตนเหลือที่ดินแจ้งปลูกข้าวน้ำท่วมเพียง 28 ไร่เท่านั้น ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาก็ทราบว่ามีเงินโอนเข้าบัญชี ธ.ก.ส.เรียบร้อยแล้ว ส่วนที่ถูกหักค่าหัวคิวเป็นเงินสดหลังจากรับเงินธ.ก.ส.แล้วนั้นให้ไปถามผู้ใหญ่บ้านจะดีกว่า
ด้านนายชูชีพ วงศ์กันหา ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 ต.ชุมแสงสงคราม อ.บางระกำ กล่าวว่า กรณีการแจ้งพื้นที่ค่าชดเชยน้ำท่วมข้าวนั้นยอมรับว่ามีการหักออกจากพื้นที่ของลูกบ้านที่แจ้งไว้จริง เพราะเกษตรตำบล เกษตรอำเภอระบุว่าต้องแจ้งให้ต่ำ ลักษณะหักหัวไร่ปลายนาเพื่อช่วยรัฐบาลเท่านั้น ยืนยันว่าเงินจำนวนไร่ที่หักออกไปนั้นไม่ได้เอาไปไหน ตนก็ไม่ได้รับ เกษตรตำบลก็ไม่ได้รับ เพราะรัฐบาลเขาโอนเข้าบัญชีธนาคาร ธ.ก.ส.
วานนี้ (27 ก.ย.) ที่ศูนย์บางระกำโมเดล หรือที่ว่าการอำเภอบางระกำ จ.พิษณุโลก นายวิรัตน์ แดงซิว อายุ 50 ปีชาวบ้านหมู่ที่ 5 ต.บางระกำ อ.บางระกำ พร้อมชาวบ้านหมู่ 6 ต.บางระกำ หมู่ 15 ต.บางระกำ หมู่ 5 และหมู่ 10 ต.ชุมแสงสงคราม อ.บางระกำ ประมาณ 10 คน ได้เดินทางเข้าพบนายธงชัย ทุ่งโพธิ์ทอง นายอำเภอบางระกำ เพื่อยืนหนังสือร้องขอความเป็นธรรมในกรณีที่ผู้นำท้องถิ่นเรียกเก็บเงินค่าชดเชยน้ำท่วมพื้นที่การเกษตรของชาวบ้านรายละ 4,000-30,000 บาท เพื่อผ่านเรื่องไปถึงนายปรีชา เรืองจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก แต่เนื่องจากนายอำเภอติดภาระกิจ จึงมอบหมายให้นายวิรัตน์ หมกทอง ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคงเป็นผู้รับหนังสือแทน
นายวิรัตน์กล่าวว่า ตนพร้อมชาวบ้านกำลังได้ความเดือดร้อนจากน้ำท่วม ซ้ำร้ายยังถูกผู้นำชุมชนมาเรียกเก็บเงินหัวคิวค่าชดเชยน้ำท่วมอีก จึงอยากให้หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องไปตรวจสอบพฤติกรรมของนายสมศักดิ์ ถิ่นวงศ์แย ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 ต.บางระกำ นายแจ้ง ชูวงศ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 15 ต.บางระกำ และนายชวลิต ยังเจริญ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 10 ต.ชุมแสงสงคราม ซึ่งมีพฤติกรรมเรียกรับผลประโยชน์จากชาวบ้านที่เดือดร้อนกรณีที่ชาวบ้านเป็นเกษตรถูกน้ำท่วมนาข้าวเสียหายโดยรัฐบาลจะจ่ายเงินชดเชยให้ไร่ละ 2,222 บาท โดยทั้ง 3 คนมีพฤติกรรมเรียกเก็บเงินจากชาวบ้านรายละ 4,000-30,000 บาทโดยอ้างว่าจะนำเงินดังกล่าวไปให้กับเกษตรตำบล และเกษตรอำเภอ
วันเดียวกันชาวบ้านใน ต.บางระกำ ต.ชุมแสงสงคราม อ.บางระกำ อีกกลุ่มประมาณ 5 คนได้เดินทางมาที่ศูนย์ดำรงธรรมศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก เพื่อขอความเป็นธรรมในกรณีเดียวกันนำโดยนายเชาว์ พันเปี่ยม ชาวนาวัย 43 ปีบ้านเลขที่ 10/9 หมู่ 5 ต.ชุมแสงสงคราม อ.บางระกำ
โดยนายเชาว์กล่าวว่า ตนและชาวบ้านอีกหลายคนได้จ่ายเงินให้กับผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านคนหนึ่งหลังจากที่ได้รับแจ้งจากผู้ช่วยว่าเงินค่าน้ำท่วมไรละ 2,220 บาทได้โอนเข้าบัญชี ธ.ก.ส.แล้ว หลังจากนั้นตนจึงไปเบิกเงินสดมา 47,000 บาทและได้จ่ายเงินให้กับผู้ช่วยไป 4,400 บาทหรือ 2 ไร่ เพราะผู้ช่วยโทรศัพท์เช็คเป็นรายตัวให้นำเงินมาจ่ายโดยอ้างว่าต้องนำไปจ่ายให้กับทางจังหวัด ทำให้ตนต้องจ่ายไป ทั้งๆ ที่ผ่านมาพวกตนก็ถูกผู้ใหญ่บ้านหักค่าหัวคิวค่าแจ้งที่นาน้ำท่วมไปแล้ว เพราะตนปลูกข้าวไว้ 46 ไร่ ถูกหักเหลือ 22 ไร่ ยืนยันว่าไร่นาของตนถูกน้ำท่วมทั้งหมด แต่บังเอิญไม่ใช่พวกของผู้ใหญ่จึงถูกตัดไปเหลือครึ่งเดียว เงินชดเชยที่ได้รับก็แค่ 22 ไร่ วันนี้ทนไม่ได้เพราะยังมีเพื่อนบ้านอีกหลายคนที่ยังไม่ได้จ่ายเงินได้มาร้องขอความเป็นธรรม
เช่นเดียวกับนายเชษฐ ชาวนาหมู่ 10 ต.ชุมแสงสงคราม อ.บางระกำ บอกว่า ตนปลูกข้าวไว้ 43 ไร่ ถูกน้ำท่วมทั้งหมด แต่พอไปแจ้งผู้ใหญ่บ้านหลับถูกหักเหลือ 25 ไร่ ทำให้ได้รับเงินน้อยกว่าความเป็นจริง แต่ตนยังไม่ได้จ่ายเงินสดที่ผู้ใหญ่บ้านเรียกเก็บคนละ 2 ไร่ หรือ 4,400 บาทถ้วน แม้กระทั่งได้ต่อรองลดเหลือเงิน 4,000 บาทเขาก็ไม่ให้เขาอ้างว่าจ่ายเป็นค่าดำเนินการที่คนปลูกข้าว เมื่อทุกคนได้รับเงินชดเชยจาก ธ.ก.ส.แล้ว ทันทีที่เงินโอนเข้าบัญชีในแต่ละคน จะมีคนโทรศัพท์ไปทวง
นางสุมาลี กลิ่นจันทน์ ชาวนาชุมแสงสงคราม อ.บางระกำ กล่าวว่า ชาวบ้านทั้ง ต.ชุมแสงสงคราม ต.บางระกำ ต.คุยม่วง อ.บางระกำ ถูกหักค่าหัวคิดรายละ 2 ไร่ทุกคนเพียงแต่ไม่มีใครกล้าแสดงตัว เพราะทุกคนกลัวกันหมดไม่ให้ข้อมูลความเป็นจริง หากลองไปถามผู้ใหญ่บ้านจริงๆ เขาก็ไม่ตอบ แต่เขารับเงินจากลูกบ้าน เพราะทุกครั้งทุกสมัย ผู้ใหญ่บ้านก็เก็บค่าหัวคิวคนละ 1 ไร่เป็นประจำ แต่มาครั้งนี้ เหมือนถูกซ้ำเติม เพราะน้ำทวมหนักกว่าทุกปี ก็ยังดีหน่อยถ้าใครปลูกข้าวไม่ถึง 10 ไร่ ก็ไม่ต้องจ่ายค่าหัวคิว มาร้องวันนี้ก็เพื่อให้ศูนย์ดำรงธรรมตรวจสอบว่า เงินที่จ่ายไปรายละ 4,400 บาทเข้าจังหวัดส่วนไหน
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงในพื้นที่ หมู่ 5 ต.ชุมแสงสงคราม อ.บางระกำ หลังได้รับแจ้งจากพลเมืองดีชาวบางระกำถึงพฤติกรรมของผู้น้ำท้องถิ่นดังกล่าว พบว่าชาวนาหลายคนไม่กล้าให้ข้อมูลเชิงลึก เพราะหวั่นเกรงอิทธิพลในพื้นที่ เพียงแต่ยืนยันว่า ถูกหักหัวคิวจริง ส่วนรายละเอียดนั้นให้ไปสอบกับผู้นำชุมชนเอาเอง
นางลัดดา เขียวแจ่ม พร้อมสามี บ้านเลขที่ 48/1 หมู่ 5 ต.ชุมแสงสงคราม อ.บางระกำ เผยว่า เพิ่งได้รับเงินชดเชยค่านาข้าวเสียหายไร่ละ 2,220 บาท ซึ่งตนปลูกข้าว 20 ไร่ แต่ต้องแจ้งกับทางเกษตรอำเภอบางระกำไว้เพียง 18 ไร่ โดนหักไว้ 2 ไร่ ชาวบ้านทุกคนโดนหักเหมือนกันหมด ยิ่งถ้าใครปลูกพื้นที่มากๆ ก็จะถูกหักมากกว่า 2 ไร่ ตนเพิ่งเช็คยอดเงินจาก ธ.ก.ส.เมื่อวันที่ 21 ก.ย.พบว่ามีเงินโอนเข้ามาในบัญชี 39,900 บาท ส่วนการจ่ายเงินสดกับผู้นำชุมชนนั้น ตนไม่ขอตอบดีกว่า
นายโกเมน ยังเจริญ ชาวบ้านหมู่ 5 ต.ชุมแสงสงคราม อ.บางระกำ เปิดเผยว่า ตนถูกหักเกินกว่า 2 ไร่เพราะตนปลูกข้าว 37 ไร่ แต่ถูกหักจนเหลือ 28 ไร่ ทางผู้ใหญ่บ้านและเกษตรตำบลบอกว่า เกษตรอำเภอหักในอัตราส่วน 10 ไร่หัก 3 ไร่ เหลือแจ้งกับเกษตรตำบล 7 ไร่ ทำให้ตนเหลือที่ดินแจ้งปลูกข้าวน้ำท่วมเพียง 28 ไร่เท่านั้น ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาก็ทราบว่ามีเงินโอนเข้าบัญชี ธ.ก.ส.เรียบร้อยแล้ว ส่วนที่ถูกหักค่าหัวคิวเป็นเงินสดหลังจากรับเงินธ.ก.ส.แล้วนั้นให้ไปถามผู้ใหญ่บ้านจะดีกว่า
ด้านนายชูชีพ วงศ์กันหา ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 ต.ชุมแสงสงคราม อ.บางระกำ กล่าวว่า กรณีการแจ้งพื้นที่ค่าชดเชยน้ำท่วมข้าวนั้นยอมรับว่ามีการหักออกจากพื้นที่ของลูกบ้านที่แจ้งไว้จริง เพราะเกษตรตำบล เกษตรอำเภอระบุว่าต้องแจ้งให้ต่ำ ลักษณะหักหัวไร่ปลายนาเพื่อช่วยรัฐบาลเท่านั้น ยืนยันว่าเงินจำนวนไร่ที่หักออกไปนั้นไม่ได้เอาไปไหน ตนก็ไม่ได้รับ เกษตรตำบลก็ไม่ได้รับ เพราะรัฐบาลเขาโอนเข้าบัญชีธนาคาร ธ.ก.ส.