xs
xsm
sm
md
lg

ผู้ว่าฯสั่งเชือดผญบ. รีดหัวคิวบางระกำ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - พิษบางระกำโมเดล ผู้ว่าฯพิษณุโลกสั่งเชือด ผญบ.พร้อมพวกรีดหัวคิวชาวนา แต่ยังไม่ทันข้ามวันคนชุมแสงสงครามร้องซ้ำ กำนันคนดัง ข่มขู่ ประจานออกเสียงตามสาย ทำชาวบ้านเครียด! ร้องให้ปลดออก แถมชาวบ้านพรหมพิราม ร้องต่อโดนสารวัตรกำนันรีดหัวคิวน้ำท่วมบ้านละพันอ้างไปช่วยวัด-โรงเรียน

หลังสื่อมวลชนออกมาตีแผ่ข่าวชาวบ้าน ต.ชุมแสงสงคราม อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก ถูกเรียกเก็บหัวคิวเงินชดเชยน้ำท่วมนาข้าว รายละ 4,400-30,000 บาท หลังรัฐบาลจ่ายให้ไร่ละ 2,222 บาทโดยผู้นำชุมชนได้หักหัวคิวรายละ 2 ไร่ จนมีการตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งระดับอำเภอ และจังหวัด กระทั่งมีเจ้าหน้า ปปท.ลงพื้นที่สอบสวนผู้เสียหายและผู้นำหมู่บ้านนั้น
ต่อมาวานนี้(7 ต.ค.) นายปรีชา เรืองจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก พร้อมด้วยคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงว่า กรณีเรียกเก็บหัวคิวที่บางระกำนั้น ได้ตั้งกรรมการขึ้นมาตรวจสอบกระทั่งพบว่ามีมูลความจริง มีพยานรู้เห็น นายธงชัย ทุ่งโพธิ์แดง นายอำเภอบางระกำ จึงมีคำสั่งที่ 360/2554 ระบุว่า ตามคณะกรรมการได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง ได้เสนอความเห็นว่า นายชวลิต ยังเจริญ ผู้ใหญ่บ้าน, นายณรงค์ เพชรพูล และนายอ๊อด เงินเขียว ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ม.10 ต.ชุมแสงสงคราม อ.บางระกำ มีพฤติกรรมเรียกรับเงินชดเชยช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยจากราษฎรรายละ 2 ไร่คิดเป็นเงิน 4,000-4,400 บาท

จังหวัดพิษณุโลกจึงมีคำสั่งที่ 2644/2554 ลงวันที่ 7 ตุลาคม 2554 แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงนายชวลิต นายณรงค์ฤทธิ์ และนายอ๊อด โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 61 ทวิ วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ.ลักษณะการปกครองท้องที่พุทธศักราช 2457 และที่แก้ไขเพิ่มเติม จึงให้นายชวลิต ยังเจริญ ผู้ใหญ่บ้าน,นายณรงค์ฤทธิ์ เพชรพูล และนายอ๊อด เงินเขียว ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ม.10 ต.ชุมแสงสงคราม อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก พักหน้าที่เพื่อรอฟังผลการสอบสวนพิจารณาทางวินัย

นายวัฒนะ กันนะพันธุ์ ปลัดจังหวัดฯซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบครั้งนี้ กล่าวว่า การที่ผู้ถูกร้อง ปฏิเสธ เป็นเรื่องปกติ แต่ในการสอบสวนมาชัดเจนว่ามีการเรียกรับเงินจริง

ด้านนายปรีชา กล่าวต่อว่า จังหวัดพิษณุโลกเปิดรับข้อมูลการทุจริต การรีดหัวคิวชาวนา ใครมีเบาะแส ใครมีข้อมูล สามารถแจ้งมาที่ตนได้โดยตรง และหลังจากนี้ ในการรับเงินช่วยเหลือบ้านถูกน้ำท่วม และเงินช่วยเหลือนาข้าวเสียหาย ผู้รับเงินจะต้องเซ็นรับด้วยว่าได้รับเงิน และนำไปให้ใครหรือไม่ เพื่อเป็นหลักฐาน และป้องกันการเก็บค่าหัวคิว

"กรณีผู้ใหญ่บ้าน และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านทั้ง 3 รายนั้นหลังพักหน้าที่ และมีการสอบสวนวินัยร้ายแรงแล้ว จะต้องดำเนินคดีทางอาญาด้วย ในฐานะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ แต่ไปปฏิบัติหน้าที่ไม่ถูกต้องจะเป็นบรรทัดฐานสำหรับผู้ที่คิดหรือจะกระทำการที่ไม่ถูกต้องต่อไป"

วันเดียวกัน ที่สำนักงานพรรคประชาธิปัตย์ เขต 1 พิษณุโลกกลุ่มชาวบ้าน ต.ชุมแสงสงคราม อ.บางระกำ จำนวน 20 คนได้เดินทางมาร้องเรียน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.เขต 1 พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ว่า กำนันคนดังตำบลชุมแสงสงคราม ท้องที่หมู่ 11 ได้ออกเสียงตามสายด่าลูกบ้าน หลังไปปูดข่าวหัวคิวน้ำท่วมเมื่อ 2-3 วันก่อน โดยชาวบ้านสามารถอัดเสียงกำนันคนดังกล่าวที่ด่าลูกบ้านออกเสียงตายสายในเช้าวันที่ 7 ต.ค.เป็นเวลา 19 นาทีลงแผ่นซีดีนำมามอบให้ นพ.วรงค์ ด้วย

ข้อความในแผ่นซีดีระบุตอนหนึ่งลักษณะข่มขู่ชาวบ้านว่า “คนที่ไปสภา ก็อย่าไปขายของให้มัน โง่เป็นควาย เห็นหน้าเห็นตา ที่ออกทีวี อย่าไปให้ความช่วยเหลือมัน ให้ด่าไปเลย มันทำลายคนส่วนใหญ่ของพวกเรา พวกที่ไปหากผมสืบได้ ผมจะไล่ออกจากหมู่บ้าน ถ้าราชการคนไหนวุ่นวายกับเรื่องนี้ ผมก็จะบอกให้ ส.ส.นิยม ช่างพินิจ สั่งย้ายออกนอกพื้นที่ ถ้ามีคนที่อัดคลิปเสียง ช่างมัน ผมไม่กลัว”

ตัวแทนชาวบ้านที่มาร้องเรียน บอกว่า เท่าที่ทราบนอกจากทางกำนันคนนี้จะไม่พอใจลูกบ้านที่ออกมาเปิดเผยเรื่องหัวคิวน้ำท่วมแล้ว ยังไม่พอใจกลุ่มลูกบ้านที่เดินทางไปรัฐสภา กรุงเทพฯ เพื่อเรียกร้องขอเงิน ค่าส่วนต่างจำนวน 1,437 บาทต่อไร่ สำหรับผู้ที่ไม่ได้จำนำข้าวเปลือก เพราะคิดว่าทำให้เขาเสียหน้า จึงออกอากาศด่าลูกบ้านตัวเอง “เครียดที่ถูกกำนันด่า จึงเรียกร้องให้ปลดออกจากตำแหน่ง”

ด้าน นพ.วรงค์ เปิดเผยว่า วันนี้ตนก็รับฟังเสียงของชาวบ้านที่เดือดร้อนและได้รับความเครียดซ้ำทั้งเรื่องน้ำท่วมและยังมีกำนันออกเสียงตามสายอีก โดยเรื่องหัวคิวเงินชดเชยน้ำท่วม มีข้อเท็จจริงปรากฏแน่นอน ตนได้นำไปอภิปรายในสภาฯด้วย นอกจากนี้ ตนก็นำเรืองเงินส่วนต่างจำนวน 1,437 บาทต่อไร่ แก่ผู้ที่ไม่สามารถเข้าโครงการรับจำนำข้าวอีก ซึ่งกรณีนี้กระทบคนอื่นที่เกี่ยวข้องแน่นอน

ล่าสุดตนยังได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านที่ไม่ขอบอกชื่อจริงดีกว่า คือ เขามาร้องเรียนว่า มีพื้นที่หมู่ 4 ต.ตลุกกระเทียม อ.พรหมพิรามว่า มีสารวัตรกำนันมาเรียกเก็บเงินค่าหัวคิว น้ำท่วมบ้าน ซึ่งรัฐบาลจ่ายให้หลังละ 5,000 บาท แต่สารวัตรกำนันมาเก็บเงินจำนวน 1,000 บาทอ้างว่าจะนำไปพัฒนาวัดและโรงเรียน ซึ่งตอนแรกผู้เสียหายไม่ยินดีจ่ายให้แต่คนที่มาเก็บ ก็อ้างว่าเคยไปสัญญาล่วงหน้าไว้ก่อนแล้วและคนในครอบครัวผู้เสียหายคนดังกล่าว ทนไม่ไหวก็ต้องจ่ายไปเพราะไม่อยากมีปัญหาภายหลัง แม้รู้ดีว่า เงินที่ให้เขาไป 1,000 บาทนั้นไม่ได้เข้าวัดหรือโรงเรียนตามที่อ้าง เพราะเงินทำบุญใหญ่วันที่ 13 ต.ค.นั้นได้ช่วยจ่ายไปแล้ว

ผู้เสียหายรายนี้ยังบอกอีกว่า สารวัตรกำนันคนนี้ได้ไปเก็บกับชาวบ้านในลักษณะเดียวกันถึง 56 หลังคาเรือน คิดเป็นเงิน 56,000 บาท และยังต้องเก็บเงินอีก 50 หลังคาเรือน รวมเป็นเงินกว่าแสนบาทก็ไม่รู้ไปเงินก้อนนี้จะถูกแบ่งให้ใครบ้าง.
กำลังโหลดความคิดเห็น