**ปฏิกริยารวดเร็วมีประสิทธิภาพอย่างยิ่งยวดของ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เด็กในคาถาของ "ตุ๊กตาทองสองหน้า" สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ดูจะทำให้สังคมไทยตื่นตาตื่นใจได้ไม่น้อย
เนื่องจากใช้เวลาเพียงสามวัน ก็รวบตัวมือแฮกทวิตเตอร์ นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้อย่างน่าอัศจรรย์ จนผู้คนเขากลัวว่า นักศึกษาที่ถูกจับจะพูดภาษาคนไม่ได้ นอกจากสื่อสารแบบแพะ !
แต่ รมว.ไอซีที อดีตนายทหารอากาศก็ยืนยันหนักแน่นว่า จับตัวจริง ไม่มีแพะ สิ่งที่น่าแกะรอยจากเรื่องนี้ คือนักศึกษาคนดังกล่าวเป็นมือแฮกเกอร์ระดับพระกาฬ ที่มีความเชี่ยวชาญด้านไอทีเทคโนโลยีชั้นสูงในการเจาะรหัส นายกฯปู จริงหรือไม่
ทำไมรมว.ไอซีที จึงรวบรัดตัดความแถลงข่าวเองเสียคนเดียว แย่งซีนตำรวจสอบสวนกลาง ในฐานะจ้าพนักงานที่มีอำนาจในการจับกุมตามกฎหมาย โดยไม่ปล่อยให้คนมีหน้าที่ได้อธิบายรายละเอียดของคดี และไม่ยอมให้นักศึกษาเปิดปากชี้แจงการกระทำของตัวเอง
ทำไมอนุดิษฐ์ จึงดูร้อนรนรวบรัดนัก ในการแถลงข่าวครั้งนี้ ทั้งๆที่หากคิดในมุมของลิ่วล้อในระบอบทักษิณแล้ว เรื่องนี้ต้องถือเป็นผลงานชิ้นโบว์แดง ที่นำบิลเบิกได้ ชนิดเรียกว่าได้ทั้งหน้า ได้ทั้งกล่อง
**คนวงในเขากระซิบให้ฟังว่า ที่ อนุดิษฐ์ ดูผิดฟอร์ม “ดีแต่โม้” เพราะความมั่นใจถดถอย ตั้งแต่เรียกชื่อโปรแกรมล้วงข้อมูลผิด จาก “สนิฟเฟอร์” เป็น “สลิป” แถมให้ข้อมูลมั่วต่อสาธารณะว่า มือแฮกใช้ไอโฟนปฏิบัติการล้วงคองูเห่า
ทั้งๆ ที่ ข้อมูลจากไอซีที ที่ทำให้สาวไปถึงตัวนักศึกษารายนี้ชี้ชัดว่า ไอพีที่ปรากฏนั้นเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์พีซี ในบ้านพักย่านเพชรบุรี 15 แถวประตูน้ำ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับไอโฟนเลยแม้แต่น้อย ขณะที่คนให้ข้อมูลมั่วต่อสาธารณะที่มีตำแหน่งเป็นถึงรัฐมนตรี กลับไม่แสดงความรับผิดชอบใดๆ ใช้วิธีการไม่พูดถึงซะงั้น
ถัดมาอีกวันหนึ่ง อนุดิษฐ์ ไปไกลถึงขั้นว่า มือเจาะรหัสข้อมูล เป็นผู้มีความเชี่ยวชาญเทคโนโลยีชั้นสูง ซึ่งเป็นคนละคนกับผู้โพสต์ข้อความ แต่เมื่อนำตัวนักศึกษามาแถลงข่าว กลับบอกหน้าตาเฉยว่า มีผู้กระทำความผิดเพียงรายเดียว
**การให้ข้อมูลมั่วตั้งแต่ต้น ทำให้น่าสงสัยว่า ข้อมูลส่วนต่อขยายที่ตามมาในภายหลัง มั่วโดยสุจริตด้วยหรือไม่
เริ่มตั้งแต่กรณีที่อ้างว่า นายเอกวิทย์ ทองดีวรกุล สำนึกผิดเข้ามอบตัวเองนั้น ตำรวจสอบสวนกลางเขายังงงไม่หาย เพราะไม่ได้มีส่วนรับรู้เรื่องนี้เลย จนกระทั่งถูกลากตัวให้ไปร่วมแถลงข่าวนั่นแหละ !
คำถาม คือ แล้วนายเอกวิทย์ แจ้งขอมอบตัวกับใครไม่ทราบ ในเมื่อเจ้าพนักงานสอบสวนซึ่งมีหน้าที่ตามกฎหมาย เขาไม่รู้เรื่องเลย ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะเรื่องนี้ รมว.ไอซีที อาศัยความเป็นทหารอากาศเก่า ใช้บริการทีมทัพฟ้าเฉพาะกิจไปรวบตัว เอกวิทย์ ถึงสงขลา จนเขาแตกตื่นกันทั้งจังหวัด
**จริงเท็จประการใด อนุดิษฐ์ ต้องชี้แจง
เพราะหากดำเนินการดังว่าจริง ก็เท่ากับ รมว.ไอซีที ใช้อำนาจหน้าที่เกินขอบเขต ทำผิดกฎหมาย เนื่องจากผู้มีหน้าที่เป็นพนักงานสอบสวนคือ ตำรวจ ไม่ใช่ฝ่ายบริหาร อีกทั้งกรณีนี้ไม่ใช่การกระทำผิดซึ่งหน้า และยังไม่ปรากฏว่ามีการแจ้งความดำเนินคดีจากผู้เสียหาย คือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพราะมีข้อมูลไม่ตรงกันคือ อนุดิษฐ์ อ้างว่า นายกฯยิ่งลักษณ์ มอบหมายให้มีการแจ้งความดำเนินคดีแล้ว แต่ พานทองแท้ ชินวัตร โพสต์ผ่านเฟซบุ๊คว่า น้าปูไม่ติดใจเอาผิด
เมื่อเรื่องนี้ยังไม่เป็นคดีความการจับกุมตัว จึงถือเป็นการทำที่เกินเลยไปกว่าที่กฎหมายให้อำนาจ อีกทั้งไม่มีการระบุชัดว่า มีการแจ้งนักศึกษารายนี้กระทำความผิดในข้อหาอะไร จะมีการยัดเยียดข้อหาที่เกินเลยจากความจริงหรือไม่
เพราะก่อนหน้านี้ มีการระบุโทษการล้วงข้อมูลผ่านโลกออนไลน์ มีโทษจำคุก 5 ปี นายเอกวิทย์ ยังเป็นนักศึกษา มีอนาคตอีกไกล แต่ชีวิตที่ควรรุ่งโรจน์ของเขาอาจดับวูบ จากการแสดงความเห็นทางการเมืองที่เสียดแทงใจรัฐบาล
ดังนั้นหากมีการลุแก่อำนาจดำเนินคดีตามอำเภอใจ โดยไม่มีการเปิดเผยข้อเท็จจริงต่อสาธารณะทั้งที่เป็นคดีที่สังคมให้ความสนใจ
จากการให้ปากคำของ นายเอกวิทย์ ที่ไม่มีการเปิดเผยนั้น ยืนยันว่า เขาไม่ได้ใช้เทคโนโลยี หรือความเชี่ยวชาญพิเศษใดๆ เพื่อเข้าไปโพสต์ในทวิตเตอร์ของนายกฯยิ่งลักษณ์ แม้แต่น้อย เพราะอีเมล์แอดเดรสของนายกรัฐมนตรี และรหัส ถูกนำไปโพสต์ในหลายเว็บไซด์ เขาเพียงแต่นำมาเข้าระบบ และโพสต์ข้อความลงไปเท่านั้น ไม่ใช่ผู้เจาะรหัสแต่อย่างใดทั้งสิ้น
อย่างนี้จะเรียกว่า นายเอกวิทย์ เป็นมือแฮกระดับพระกาฬ ที่ควรถูกดำเนินคดีอาญาอย่างเด็ดขาดหรือไม่ วิญญูชนย่อมมีคำตอบว่า ไม่ใช่ อีกทั้งหากนายเอกวิทย์ เป็นมืออาชีพมีเจตนากระทำผิดกฎหมาย คงไม่ทิ้งร่องรอยให้ถูกจับได้ ด้วยการใช้เครื่องพีซีที่บ้าน เพราะแค่ใช้คอมพิวเตอร์จากร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ ก็จับมือใครดมไม่ได้แล้ว
“ประเทศนี้เป็นธุรกิจ เราทำเพื่อพวกพ้อง ไม่ได้ทำเพื่อคนไทย เราทำเพื่อคนที่สนับสนุนเรา ไม่ใช่คนที่เห็นต่างจากเรา โอกาสของคนจนอยู่ที่ไหน เราหลอกใช้คนจน ให้ความหวังพวกเขา เพื่อคะแนนเสียง ที่จะให้กลุ่มก้อนของเราเข้ามาหาผลประโยชน์ ความยั่งยืนอยู่ที่ไหน การแก้ปัญหาน้ำท่วมไม่ใช่แค่การสร้างภาพเฉพาะหน้า แต่เป็นการรวมพลังของบุคคลที่มีความรู้ความเข้าใจมาแก้ไขอย่างยั่งยืน ถึงเวลารึยังที่ประเทศเราจะเปลี่ยนแปลงสู่สิ่งที่ดี ไม่ใช่แค่สร้างภาพเพื่อเอื้อประโยชน์ให้บริษัทของตน ญาติพี่น้อง กลุ่มผู้ได้รับผลประโยชน์
ประเทศนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการศึกษา ทำไมถึงเขียนนโยบายแจก tablet ไม่ใช่การแก้ที่ตัวหลักสูตร หรือ สนับสนุนคุณครูให้มีรายได้มากขึ้น หรือ ทำไมถึงคิดอภิมหาโครงการ อย่างถมทะเล สร้างตึกสูงที่สุดในโลก คือไม่มีความเข้าใจอะไรทั้งสิ้นเกี่ยวกับประเทศนี้ ประเทศไทยต้องการความเปลี่ยนแปลง ถึงเวลาที่ทุกคนในประเทศตื่นตัวได้แล้ว ความโง่เขลาจักต้องหมดสิ้นไป แม้กระทั่ง twitter ตนเองยังปกป้องไว้ไม่ได้ แล้วประเทศนี้จะปกป้องได้อย่างไร ? ฝากให้พี่น้องคิดดูนะครับ”
** นี่คือเนื้อหาที่มีการโพสต์ผ่านทวิตเตอร์นายกฯยิ่งลักษณ์ จะเห็นได้ว่า ไม่มีลักษณะคุกคาม ข่มขู่ หรือด่าทอจนเข่าข่ายหมิ่นประมาท แต่นายเอกวิทย์ วิจารณ์นโยบายรัฐบาลในฐานะประชาชนที่ต้องการสะท้อนเสียงของตัวเองให้ดังไปถึงคนเป็นผู้นำประเทศเท่านั้น
หรือว่ารัฐบาลชุดนี้ที่อ้างตลอดเวลาว่ามาจากประชาชน ไม่พร้อมที่จะรับฟังเสียงสวรรค์ของชาวบ้าน เลือกรับฟังเสียงจากนรก ทำลายหลักนิติรัฐของกลุ่มนิติแดง เพื่อนักโทษบางคนเท่านั้น
ที่สำคัญคือ จากการตรวจสอบข้อมูลของไอซีที พบว่า อีเมล์แอดเดรส ในจีเมล์ของนายกรัฐมนตรี ถูกแฮ๊กครั้งแรกเมื่อวันที่ 30 กันยายน ซึ่งเกิดก่อนที่นายเอกวิทย์ จะโพสต์ในทวิตเตอร์ จนดังสนั่นเมือง
แสดงว่ารหัสข้อมูลของนายกรัฐมนตรี มิได้เป็นความลับเสียแล้ว สอดรับกับที่นายเอกวิทย์ ระบุว่า ได้รหัสมาจากที่อื่น และตรงกับที่ อนุดิษฐ์ พูดก่อนหน้านี้ว่า คนแฮ๊กกับคนโพสต์ เป็นคนละคนกัน
แล้วทำไม อนุดิษฐ์ ปกปิดข้อมูลนี้ หรือ ต้องการตัดตอนจบเรื่องให้เร็ว กระทำการมักง่าย ยัดเยียดความผิดทั้งหมดให้ นายเอกวิทย์ รับไว้คนเดียว มีการข่มขู่ให้นายเอกวิทย์ ต้องยอมจำนนหรือไม่ หรือว่าท่านตรวจสอบรู้แล้วว่า คนแฮกข้อมูลเป็นใคร แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะบังเอิญว่าไปเจอเอาคนกันเองเข้า ก็เลยไม่กล้าให้สาธารณะเขารับรู้ถึงความแตกแยกภายในที่เกิดขึ้น
อนุดิษฐ์ และตำรวจ ต้องทำเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา เปิดเผยโปร่งใส และให้ความเป็นธรรมกับ นายเอกวิทย์ ด้วย
**สิ่งที่ อนุดิษฐ์ พึงต้องให้คำตอบกับสังคมอีกประเด็นหนึ่ง คือ กำลังใช้หน้าที่รัฐมนตรี รับใช้คนตระกูลชินวัตร มากกว่าการรับใช้ประเทศชาติ และประชาชน ใช่หรือไม่
เนื่องจากใช้เวลาเพียงสามวัน ก็รวบตัวมือแฮกทวิตเตอร์ นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้อย่างน่าอัศจรรย์ จนผู้คนเขากลัวว่า นักศึกษาที่ถูกจับจะพูดภาษาคนไม่ได้ นอกจากสื่อสารแบบแพะ !
แต่ รมว.ไอซีที อดีตนายทหารอากาศก็ยืนยันหนักแน่นว่า จับตัวจริง ไม่มีแพะ สิ่งที่น่าแกะรอยจากเรื่องนี้ คือนักศึกษาคนดังกล่าวเป็นมือแฮกเกอร์ระดับพระกาฬ ที่มีความเชี่ยวชาญด้านไอทีเทคโนโลยีชั้นสูงในการเจาะรหัส นายกฯปู จริงหรือไม่
ทำไมรมว.ไอซีที จึงรวบรัดตัดความแถลงข่าวเองเสียคนเดียว แย่งซีนตำรวจสอบสวนกลาง ในฐานะจ้าพนักงานที่มีอำนาจในการจับกุมตามกฎหมาย โดยไม่ปล่อยให้คนมีหน้าที่ได้อธิบายรายละเอียดของคดี และไม่ยอมให้นักศึกษาเปิดปากชี้แจงการกระทำของตัวเอง
ทำไมอนุดิษฐ์ จึงดูร้อนรนรวบรัดนัก ในการแถลงข่าวครั้งนี้ ทั้งๆที่หากคิดในมุมของลิ่วล้อในระบอบทักษิณแล้ว เรื่องนี้ต้องถือเป็นผลงานชิ้นโบว์แดง ที่นำบิลเบิกได้ ชนิดเรียกว่าได้ทั้งหน้า ได้ทั้งกล่อง
**คนวงในเขากระซิบให้ฟังว่า ที่ อนุดิษฐ์ ดูผิดฟอร์ม “ดีแต่โม้” เพราะความมั่นใจถดถอย ตั้งแต่เรียกชื่อโปรแกรมล้วงข้อมูลผิด จาก “สนิฟเฟอร์” เป็น “สลิป” แถมให้ข้อมูลมั่วต่อสาธารณะว่า มือแฮกใช้ไอโฟนปฏิบัติการล้วงคองูเห่า
ทั้งๆ ที่ ข้อมูลจากไอซีที ที่ทำให้สาวไปถึงตัวนักศึกษารายนี้ชี้ชัดว่า ไอพีที่ปรากฏนั้นเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์พีซี ในบ้านพักย่านเพชรบุรี 15 แถวประตูน้ำ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับไอโฟนเลยแม้แต่น้อย ขณะที่คนให้ข้อมูลมั่วต่อสาธารณะที่มีตำแหน่งเป็นถึงรัฐมนตรี กลับไม่แสดงความรับผิดชอบใดๆ ใช้วิธีการไม่พูดถึงซะงั้น
ถัดมาอีกวันหนึ่ง อนุดิษฐ์ ไปไกลถึงขั้นว่า มือเจาะรหัสข้อมูล เป็นผู้มีความเชี่ยวชาญเทคโนโลยีชั้นสูง ซึ่งเป็นคนละคนกับผู้โพสต์ข้อความ แต่เมื่อนำตัวนักศึกษามาแถลงข่าว กลับบอกหน้าตาเฉยว่า มีผู้กระทำความผิดเพียงรายเดียว
**การให้ข้อมูลมั่วตั้งแต่ต้น ทำให้น่าสงสัยว่า ข้อมูลส่วนต่อขยายที่ตามมาในภายหลัง มั่วโดยสุจริตด้วยหรือไม่
เริ่มตั้งแต่กรณีที่อ้างว่า นายเอกวิทย์ ทองดีวรกุล สำนึกผิดเข้ามอบตัวเองนั้น ตำรวจสอบสวนกลางเขายังงงไม่หาย เพราะไม่ได้มีส่วนรับรู้เรื่องนี้เลย จนกระทั่งถูกลากตัวให้ไปร่วมแถลงข่าวนั่นแหละ !
คำถาม คือ แล้วนายเอกวิทย์ แจ้งขอมอบตัวกับใครไม่ทราบ ในเมื่อเจ้าพนักงานสอบสวนซึ่งมีหน้าที่ตามกฎหมาย เขาไม่รู้เรื่องเลย ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะเรื่องนี้ รมว.ไอซีที อาศัยความเป็นทหารอากาศเก่า ใช้บริการทีมทัพฟ้าเฉพาะกิจไปรวบตัว เอกวิทย์ ถึงสงขลา จนเขาแตกตื่นกันทั้งจังหวัด
**จริงเท็จประการใด อนุดิษฐ์ ต้องชี้แจง
เพราะหากดำเนินการดังว่าจริง ก็เท่ากับ รมว.ไอซีที ใช้อำนาจหน้าที่เกินขอบเขต ทำผิดกฎหมาย เนื่องจากผู้มีหน้าที่เป็นพนักงานสอบสวนคือ ตำรวจ ไม่ใช่ฝ่ายบริหาร อีกทั้งกรณีนี้ไม่ใช่การกระทำผิดซึ่งหน้า และยังไม่ปรากฏว่ามีการแจ้งความดำเนินคดีจากผู้เสียหาย คือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพราะมีข้อมูลไม่ตรงกันคือ อนุดิษฐ์ อ้างว่า นายกฯยิ่งลักษณ์ มอบหมายให้มีการแจ้งความดำเนินคดีแล้ว แต่ พานทองแท้ ชินวัตร โพสต์ผ่านเฟซบุ๊คว่า น้าปูไม่ติดใจเอาผิด
เมื่อเรื่องนี้ยังไม่เป็นคดีความการจับกุมตัว จึงถือเป็นการทำที่เกินเลยไปกว่าที่กฎหมายให้อำนาจ อีกทั้งไม่มีการระบุชัดว่า มีการแจ้งนักศึกษารายนี้กระทำความผิดในข้อหาอะไร จะมีการยัดเยียดข้อหาที่เกินเลยจากความจริงหรือไม่
เพราะก่อนหน้านี้ มีการระบุโทษการล้วงข้อมูลผ่านโลกออนไลน์ มีโทษจำคุก 5 ปี นายเอกวิทย์ ยังเป็นนักศึกษา มีอนาคตอีกไกล แต่ชีวิตที่ควรรุ่งโรจน์ของเขาอาจดับวูบ จากการแสดงความเห็นทางการเมืองที่เสียดแทงใจรัฐบาล
ดังนั้นหากมีการลุแก่อำนาจดำเนินคดีตามอำเภอใจ โดยไม่มีการเปิดเผยข้อเท็จจริงต่อสาธารณะทั้งที่เป็นคดีที่สังคมให้ความสนใจ
จากการให้ปากคำของ นายเอกวิทย์ ที่ไม่มีการเปิดเผยนั้น ยืนยันว่า เขาไม่ได้ใช้เทคโนโลยี หรือความเชี่ยวชาญพิเศษใดๆ เพื่อเข้าไปโพสต์ในทวิตเตอร์ของนายกฯยิ่งลักษณ์ แม้แต่น้อย เพราะอีเมล์แอดเดรสของนายกรัฐมนตรี และรหัส ถูกนำไปโพสต์ในหลายเว็บไซด์ เขาเพียงแต่นำมาเข้าระบบ และโพสต์ข้อความลงไปเท่านั้น ไม่ใช่ผู้เจาะรหัสแต่อย่างใดทั้งสิ้น
อย่างนี้จะเรียกว่า นายเอกวิทย์ เป็นมือแฮกระดับพระกาฬ ที่ควรถูกดำเนินคดีอาญาอย่างเด็ดขาดหรือไม่ วิญญูชนย่อมมีคำตอบว่า ไม่ใช่ อีกทั้งหากนายเอกวิทย์ เป็นมืออาชีพมีเจตนากระทำผิดกฎหมาย คงไม่ทิ้งร่องรอยให้ถูกจับได้ ด้วยการใช้เครื่องพีซีที่บ้าน เพราะแค่ใช้คอมพิวเตอร์จากร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ ก็จับมือใครดมไม่ได้แล้ว
“ประเทศนี้เป็นธุรกิจ เราทำเพื่อพวกพ้อง ไม่ได้ทำเพื่อคนไทย เราทำเพื่อคนที่สนับสนุนเรา ไม่ใช่คนที่เห็นต่างจากเรา โอกาสของคนจนอยู่ที่ไหน เราหลอกใช้คนจน ให้ความหวังพวกเขา เพื่อคะแนนเสียง ที่จะให้กลุ่มก้อนของเราเข้ามาหาผลประโยชน์ ความยั่งยืนอยู่ที่ไหน การแก้ปัญหาน้ำท่วมไม่ใช่แค่การสร้างภาพเฉพาะหน้า แต่เป็นการรวมพลังของบุคคลที่มีความรู้ความเข้าใจมาแก้ไขอย่างยั่งยืน ถึงเวลารึยังที่ประเทศเราจะเปลี่ยนแปลงสู่สิ่งที่ดี ไม่ใช่แค่สร้างภาพเพื่อเอื้อประโยชน์ให้บริษัทของตน ญาติพี่น้อง กลุ่มผู้ได้รับผลประโยชน์
ประเทศนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการศึกษา ทำไมถึงเขียนนโยบายแจก tablet ไม่ใช่การแก้ที่ตัวหลักสูตร หรือ สนับสนุนคุณครูให้มีรายได้มากขึ้น หรือ ทำไมถึงคิดอภิมหาโครงการ อย่างถมทะเล สร้างตึกสูงที่สุดในโลก คือไม่มีความเข้าใจอะไรทั้งสิ้นเกี่ยวกับประเทศนี้ ประเทศไทยต้องการความเปลี่ยนแปลง ถึงเวลาที่ทุกคนในประเทศตื่นตัวได้แล้ว ความโง่เขลาจักต้องหมดสิ้นไป แม้กระทั่ง twitter ตนเองยังปกป้องไว้ไม่ได้ แล้วประเทศนี้จะปกป้องได้อย่างไร ? ฝากให้พี่น้องคิดดูนะครับ”
** นี่คือเนื้อหาที่มีการโพสต์ผ่านทวิตเตอร์นายกฯยิ่งลักษณ์ จะเห็นได้ว่า ไม่มีลักษณะคุกคาม ข่มขู่ หรือด่าทอจนเข่าข่ายหมิ่นประมาท แต่นายเอกวิทย์ วิจารณ์นโยบายรัฐบาลในฐานะประชาชนที่ต้องการสะท้อนเสียงของตัวเองให้ดังไปถึงคนเป็นผู้นำประเทศเท่านั้น
หรือว่ารัฐบาลชุดนี้ที่อ้างตลอดเวลาว่ามาจากประชาชน ไม่พร้อมที่จะรับฟังเสียงสวรรค์ของชาวบ้าน เลือกรับฟังเสียงจากนรก ทำลายหลักนิติรัฐของกลุ่มนิติแดง เพื่อนักโทษบางคนเท่านั้น
ที่สำคัญคือ จากการตรวจสอบข้อมูลของไอซีที พบว่า อีเมล์แอดเดรส ในจีเมล์ของนายกรัฐมนตรี ถูกแฮ๊กครั้งแรกเมื่อวันที่ 30 กันยายน ซึ่งเกิดก่อนที่นายเอกวิทย์ จะโพสต์ในทวิตเตอร์ จนดังสนั่นเมือง
แสดงว่ารหัสข้อมูลของนายกรัฐมนตรี มิได้เป็นความลับเสียแล้ว สอดรับกับที่นายเอกวิทย์ ระบุว่า ได้รหัสมาจากที่อื่น และตรงกับที่ อนุดิษฐ์ พูดก่อนหน้านี้ว่า คนแฮ๊กกับคนโพสต์ เป็นคนละคนกัน
แล้วทำไม อนุดิษฐ์ ปกปิดข้อมูลนี้ หรือ ต้องการตัดตอนจบเรื่องให้เร็ว กระทำการมักง่าย ยัดเยียดความผิดทั้งหมดให้ นายเอกวิทย์ รับไว้คนเดียว มีการข่มขู่ให้นายเอกวิทย์ ต้องยอมจำนนหรือไม่ หรือว่าท่านตรวจสอบรู้แล้วว่า คนแฮกข้อมูลเป็นใคร แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะบังเอิญว่าไปเจอเอาคนกันเองเข้า ก็เลยไม่กล้าให้สาธารณะเขารับรู้ถึงความแตกแยกภายในที่เกิดขึ้น
อนุดิษฐ์ และตำรวจ ต้องทำเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา เปิดเผยโปร่งใส และให้ความเป็นธรรมกับ นายเอกวิทย์ ด้วย
**สิ่งที่ อนุดิษฐ์ พึงต้องให้คำตอบกับสังคมอีกประเด็นหนึ่ง คือ กำลังใช้หน้าที่รัฐมนตรี รับใช้คนตระกูลชินวัตร มากกว่าการรับใช้ประเทศชาติ และประชาชน ใช่หรือไม่