ศรีสะเกษ - ทหารไทยเร่งถอนกำลังพลพร้อมอาวุธยุทโธปกรณ์ออกจากชายแดนเขาพระวิหาร ส่งผลรถบรรทุกสัมภาระเสียหลักตกถนนที่ อ.ศรีรัตนะ ศรีสะเกษ นาข้าวชาวบ้านเสียหาย แม่ทัพภาคที่ 2 เห่อ เตรียมพร้อมตักบาตรพระสงฆ์ไทย-เขมรกว่า 4 พันองค์ 9 ต.ค.นี้
ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดศรีสะเกษ รายงานว่า ที่บริเวณรอบเขาพระวิหาร ชายแดนไทย-กัมพูชา ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ขณะนี้ทหารไทยได้มีการถอนกำลังทหารพร้อมด้วยอาวุธหนัก ทั้งปืนใหญ่และรถถังที่ปฏิบัติการอยู่รอบเขาพระวิหารออกไปจากบริเวณเขาพระวิหารอย่างต่อเนื่อง โดยรถทหารที่บรรทุกทั้งอาวุธยุทโธปกรณ์และกำลังพลได้ทยอยวิ่งออกจากบริเวณเขาพระวิหาร ชายแดนไทย-กัมพูชา เป็นระยะๆ ด้วยความเร็วค่อนข้างสูง
จากการที่ทหารไทยได้เร่งถอนกำลังทหารออกจากบริเวณเขาพระวิหารดังกล่าว ได้ทำให้รถบรรทุกกำลังพลพร้อมสัมภาระคันหนึ่งเกิดอุบัติเหตุเสียหลักพุ่งตกข้างทาง ลื่นไถลลงไปในนาข้าวของชาวบ้าน ที่บริเวณถนนสายศรีสะเกษ-กันทรลักษ์ บ้านจอก ต.สะพุง อ.ศรีรัตนะ จ.ศรีสะเกษ ทำให้ต้นข้าวในนาได้รับความเสียหาย ซึ่งทหารไทยที่มาในขบวนได้ช่วยกันมาระบายการจราจรบนถนนบริเวณดังกล่าว พร้อมทั้งนำรถบรรทุกจีเอ็มซีมาช่วยดึงเอารถที่ตกลงไปข้างถนนขึ้นมา โชคดีไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต มีเพียงต้นข้าวของชาวบ้านได้รับความเสียหายจำนวนหนึ่ง
ขณะเดียวกัน ที่บริเวณปราสาทพระวิหาร บนเขาพระวิหาร ชายแดนไทย-กัมพูชา ปรากฏว่า ได้มีนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาพากันแห่ขึ้นมาเที่ยวชมปราสาทพระวิหารกันอย่างคึกคัก โดยมีทหารไทย ซึ่งเป็นทหารพราน สังกัดหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 ได้เฝ้าจับตาดูความเคลื่อนไหวบริเวณเขาพระวิหารอย่างใกล้ชิด เพื่อเป็นการเฝ้าระวังเหตุการณ์และรักษาความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านเขาพระวิหารตามปกติ
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 2 ต.ค.54 พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า สถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย กัมพูชา โดยเฉพาะบริเวณเขาพระวิหาร จ.ศรีสะเกษ ปราสาทตาเมือน ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ ซึ่งถือว่าบรรยากาศตามแนวชายแดนดีขึ้น ประชาชนทั้งสองประเทศออกมาค้าขายกันอย่างคึกคัก
"การถอนกำลังทหารกัมพูชาและทหารไทยนั้น ทั้งสองประเทศได้มีการปรับกำลังออกไปมากแล้ว เพราะเห็นว่ารัฐบาลทั้งสองประเทศมีความร่วมมือกันเป็นอย่างดี โดยทหารกัมพูชามีการปรับลดกำลังทหารประมาณ3,000-4,000 นาย ส่วนของไทยประมาณ 2,000 นาย คนที่ปรับลงมาแต่ก็มีชุดใหม่เข้ามาเสริม เพราะการหมุนเวียนหน่วยต่างๆที่เดินทางมาไกล ได้ให้กลับไปหมุนเวียน ซึ่งเป็นวงรอบปรกติในการปฏิบัติหน้าที่ของทางทหารอยู่แล้ว"
ส่วนการจัดกิจกรรมร่วมกันระหว่างฝ่ายไทยกับกัมพูชานั้น ในวันที่ 9 ต.ค.54 นี้ จะมีการทำบุญตักบาตรที่ช่องสะงำ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีษะเกษ โดยพระสงฆ์ทั้งสองประเทศรับบิณฑบาตรกว่า 3,000-4,000 รูป ถือเป็นกิจกรรมที่เกิดจากความร่วมมือของทั้งสองประเทศ
นายหัตถชัย เพ็งแจ่ม ประธานชมรมผู้ประกอบการค้าการท่องเที่ยวช่องสะงำ ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า หลังจากที่รัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชามีความสัมพันธ์อันดีต่อกันมากขึ้น ได้ส่งผลดีต่อการค้าและการท่องเที่ยวที่บริเวณด่านผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชา ช่องสะงำ เป็นอย่างมาก โดยในเช้าวันนี้ได้มีนักท่องเที่ยวจาก จ.อุดรธานี จ.ร้อยเอ็ด และ จ.อุบลราชธานี รวมกว่า 400 คน เดินทางโดยรถทัวร์จำนวน 8 คัน ผ่านด่านช่องสะงำมุ่งหน้าเข้าไปยัง จ.เสียมราฐ ซึ่งเป็นที่ตั้งของนครวัด นครธม สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของ จ.เสียมราฐ ประเทศกัมพูชา ซึ่งนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้นับว่าเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ที่สุดที่ผ่านทางจุดผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชา ช่องสะงำ เข้าไปท่องเที่ยวในเขตประเทศกัมพูชาหลังเกิดการสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา
“เป็นการแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ขณะนี้นับตั้งแต่รัฐบาลไทย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้ามาบริหารประเทศ ได้ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศดีขึ้นมาก ซึ่งส่งผลดีต่อการค้าและการท่องเที่ยว ทำให้มูลค่าการค้าขายและการท่องเที่ยวชายแดนไทย-กัมพูชาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง” นายหัตถชัยกล่าว.
ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดศรีสะเกษ รายงานว่า ที่บริเวณรอบเขาพระวิหาร ชายแดนไทย-กัมพูชา ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ขณะนี้ทหารไทยได้มีการถอนกำลังทหารพร้อมด้วยอาวุธหนัก ทั้งปืนใหญ่และรถถังที่ปฏิบัติการอยู่รอบเขาพระวิหารออกไปจากบริเวณเขาพระวิหารอย่างต่อเนื่อง โดยรถทหารที่บรรทุกทั้งอาวุธยุทโธปกรณ์และกำลังพลได้ทยอยวิ่งออกจากบริเวณเขาพระวิหาร ชายแดนไทย-กัมพูชา เป็นระยะๆ ด้วยความเร็วค่อนข้างสูง
จากการที่ทหารไทยได้เร่งถอนกำลังทหารออกจากบริเวณเขาพระวิหารดังกล่าว ได้ทำให้รถบรรทุกกำลังพลพร้อมสัมภาระคันหนึ่งเกิดอุบัติเหตุเสียหลักพุ่งตกข้างทาง ลื่นไถลลงไปในนาข้าวของชาวบ้าน ที่บริเวณถนนสายศรีสะเกษ-กันทรลักษ์ บ้านจอก ต.สะพุง อ.ศรีรัตนะ จ.ศรีสะเกษ ทำให้ต้นข้าวในนาได้รับความเสียหาย ซึ่งทหารไทยที่มาในขบวนได้ช่วยกันมาระบายการจราจรบนถนนบริเวณดังกล่าว พร้อมทั้งนำรถบรรทุกจีเอ็มซีมาช่วยดึงเอารถที่ตกลงไปข้างถนนขึ้นมา โชคดีไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต มีเพียงต้นข้าวของชาวบ้านได้รับความเสียหายจำนวนหนึ่ง
ขณะเดียวกัน ที่บริเวณปราสาทพระวิหาร บนเขาพระวิหาร ชายแดนไทย-กัมพูชา ปรากฏว่า ได้มีนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาพากันแห่ขึ้นมาเที่ยวชมปราสาทพระวิหารกันอย่างคึกคัก โดยมีทหารไทย ซึ่งเป็นทหารพราน สังกัดหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 ได้เฝ้าจับตาดูความเคลื่อนไหวบริเวณเขาพระวิหารอย่างใกล้ชิด เพื่อเป็นการเฝ้าระวังเหตุการณ์และรักษาความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านเขาพระวิหารตามปกติ
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 2 ต.ค.54 พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า สถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย กัมพูชา โดยเฉพาะบริเวณเขาพระวิหาร จ.ศรีสะเกษ ปราสาทตาเมือน ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ ซึ่งถือว่าบรรยากาศตามแนวชายแดนดีขึ้น ประชาชนทั้งสองประเทศออกมาค้าขายกันอย่างคึกคัก
"การถอนกำลังทหารกัมพูชาและทหารไทยนั้น ทั้งสองประเทศได้มีการปรับกำลังออกไปมากแล้ว เพราะเห็นว่ารัฐบาลทั้งสองประเทศมีความร่วมมือกันเป็นอย่างดี โดยทหารกัมพูชามีการปรับลดกำลังทหารประมาณ3,000-4,000 นาย ส่วนของไทยประมาณ 2,000 นาย คนที่ปรับลงมาแต่ก็มีชุดใหม่เข้ามาเสริม เพราะการหมุนเวียนหน่วยต่างๆที่เดินทางมาไกล ได้ให้กลับไปหมุนเวียน ซึ่งเป็นวงรอบปรกติในการปฏิบัติหน้าที่ของทางทหารอยู่แล้ว"
ส่วนการจัดกิจกรรมร่วมกันระหว่างฝ่ายไทยกับกัมพูชานั้น ในวันที่ 9 ต.ค.54 นี้ จะมีการทำบุญตักบาตรที่ช่องสะงำ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีษะเกษ โดยพระสงฆ์ทั้งสองประเทศรับบิณฑบาตรกว่า 3,000-4,000 รูป ถือเป็นกิจกรรมที่เกิดจากความร่วมมือของทั้งสองประเทศ
นายหัตถชัย เพ็งแจ่ม ประธานชมรมผู้ประกอบการค้าการท่องเที่ยวช่องสะงำ ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า หลังจากที่รัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชามีความสัมพันธ์อันดีต่อกันมากขึ้น ได้ส่งผลดีต่อการค้าและการท่องเที่ยวที่บริเวณด่านผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชา ช่องสะงำ เป็นอย่างมาก โดยในเช้าวันนี้ได้มีนักท่องเที่ยวจาก จ.อุดรธานี จ.ร้อยเอ็ด และ จ.อุบลราชธานี รวมกว่า 400 คน เดินทางโดยรถทัวร์จำนวน 8 คัน ผ่านด่านช่องสะงำมุ่งหน้าเข้าไปยัง จ.เสียมราฐ ซึ่งเป็นที่ตั้งของนครวัด นครธม สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของ จ.เสียมราฐ ประเทศกัมพูชา ซึ่งนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้นับว่าเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ที่สุดที่ผ่านทางจุดผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชา ช่องสะงำ เข้าไปท่องเที่ยวในเขตประเทศกัมพูชาหลังเกิดการสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา
“เป็นการแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ขณะนี้นับตั้งแต่รัฐบาลไทย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้ามาบริหารประเทศ ได้ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศดีขึ้นมาก ซึ่งส่งผลดีต่อการค้าและการท่องเที่ยว ทำให้มูลค่าการค้าขายและการท่องเที่ยวชายแดนไทย-กัมพูชาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง” นายหัตถชัยกล่าว.
