เอเชียทีคทุ่ม 130 ล้านบาททำตลาดปีแรก หวังสร้างการรับรู้ในกลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ฝันปั้นเป็นแลนด์มาร์คใหม่ของเมืองไทย ล่าสุดควงแขนททท.–แอตต้าโรดโชว์ต่างประเทศ ตั้งเป้า ดึงเงินในกระเป๋านักท่องเที่ยวได้ 4 พันล้านบาทต่อปี
นายณภัทร เจริญกุล ผู้อำนวยการโครงการเอเชียทีค เดอะริเวอร์ฟร้อนท์ บริษัท ริเวอร์ไซด์ มาสเตอร์แพลน จํากัด ในเครือที.ซี.ซี.กรุ๊ป เปิดเผยว่า เตรียมใช้งบประมาณกว่า130 ล้านบาท สำหรับเปิดตัวและทำการตลาดให้แก่ โครงการเอเชียทีคฯ แบ่งเป็น 30 ล้านบาท สำหรับจัดกิจกรรมถึงสิ้นปีนี้รวมถึงการจัดงานงานซอฟท์โอเพ่นนิ่งโครงการ ซึ่งกำหนดไว้เดือนธันวาคมนี้ ส่วนอีก 100ล้านบาท เป็นงบการตลาดที่จะใช้ตลอดปี 2555
ทั้งนี้แผนการตลาด ต้องการสร้างการรับรู้โครงการในกลุ่มนักท่องเที่ยว ทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ นำเสนอ“เอเชียทีค เดอะริเวอร์ฟร้อนท์” เป็นสถานที่ท่องเที่ยวไนท์ไลฟ์ และเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของเมืองไทย ที่นักท่องเที่ยวต้องมาเยือน เหมือนกับการไปประเทศอังกฤษก็ต้องไปชมหอนาฬิกา บิ๊กเบน เป็นต้น
โดยรูปแบบการทำตลาด จะร่วมเดินสายงานโรคโชว์ไปกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ไปโรดโชว์ในญี่ปุ่น, จีน และอังกฤษ เพื่อทำความรู้จักบริษัทนำเที่ยวในต่างประเทศ นำเสนอสถานที่และกิจกรรมการแสดงต่างๆ ที่เปิดให้บริการ นอกจากนั้นยังร่วมกับสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยวหรือแอตต้า ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อในสิงคโปร์, มาเลเซีย และไต้หวัน ซึ่งเป็นกลุ่มที่เดินทางมาเที่ยวไทยได้บ่อยครั้งต่อปี ส่วนตลาดคนไทยใช้วิธีจัดกิจกรรมการตลาดตามสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสและผ่านสื่ออื่น คาดว่าโครงการจะทำรายได้เป็นเงินหมุนเวียนจากการใช้จ่ายของผู้ที่จะมาเที่ยวในโครงการประมาณ 3,000 – 4,000 ล้านบาทต่อปี
“เดือนธันวาคมจะเริ่มทดลองเปิดให้บริการ จากนั้นกำหนดว่าราวเดือนเมษายน จัดแกรนด์โอเพ่นนิ่ง ตั้งเป้าหมายมีนักท่องเที่ยวเข้ามาใช้บริการมากกว่า 20,000 คนต่อวัน เป็นคนไทยและต่างชาติอย่างละ 50% โดยโครงการวางแผนแก้ปัญหารถติดโดยการร่วมมือกับรถไฟฟ้า BTS และเรือด่วนเจ้าพระยา เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับคนที่เดินทางด้วยรถไฟฟ้า โดยสามารถลงรถไฟฟ้าที่สถานีสะพานตากสิน แล้วต่อเรือของโครงการ (Shuttle boat) มาลงที่โครงการได้เลย”
สำหรับโครงการเอเชียทีค ตั้งอยู่บนพื้นที่ 72 ไร่ ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยาในย่านเจริญกรุง แบ่งเป็น 4 เฟส เฟสแรก ลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาท พื้นที่ 30ไร่ เตรียมเปิดตัวปลายปีนี้ ส่วนเฟส 2คาดว่าจะเกิดขึ้นใน 3-5 ปีข้างหน้า โดยเฟส 2 จะมีการสร้างโรงแรมระดับ 5 ดาว ไว้คอยบริการนักท่องเที่ยวด้วย
ทั้งนี้เอเชียทีค เป็นโครงการรีเทล (ค้าปลีก) และโรงแรมของตระกูลสิริวัฒนภักดี รูปแบบโครงการพัฒนาเป็นโอเพ่นมอลล์ หรือมอลล์เปิดโล่ง สไตล์โคโลเนียล (รัชกาลที่ 5) ภายใต้คอนเซ็ปต์ "เฟสติวัล มาร์เก็ต แอนด์ ลิฟวิ่ง มิวเซียม" (Festival Market and Living Museum) ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย เปิดให้บริการตั้งแต่ 16.00 -24.00 น.
ในตัวโครงการเฟสแรกนี้ แบ่งเป็น 4 ส่วน ได้แก่ 1.ย่านเจริญกรุง ที่จะขายของที่ระลึกให้นักท่องเที่ยว และของตกแต่งบ้านรวม 700 ร้านค้า พร้อมกันนี้ยังมีโรงละคร จำนวน 400 ที่นั่ง ทั้งการแสดงหุ่นละครเล็กโจหลุยส์ และการแสดงโชว์คาลิปโซ คาบาเรต์ 2.ย่านกลางเมือง มีพื้นที่จัดกิจกรรมกลางแจ้งกว่า 2,000 ตร.ม. และโซนอินเตอร์เนชั่นแนล ฟู้ด เซอร์คัส รวบรวมร้านอาหารชื่อดังจากประเทศต่างๆ 3.ย่านโรงงาน ที่รวบรวมร้านอาหาร ผับ และร้านค้ามีสไตล์ มากกว่า 1,000 ร้านค้า และ 4.ย่านริมน้ำ ที่ตกแต่งในบรรยากาศแบบพาโนรามาริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งปัจจุบันบริษัทมียอดจองพื้นที่เต็มเกือบ 100% แล้ว
นายณภัทร เจริญกุล ผู้อำนวยการโครงการเอเชียทีค เดอะริเวอร์ฟร้อนท์ บริษัท ริเวอร์ไซด์ มาสเตอร์แพลน จํากัด ในเครือที.ซี.ซี.กรุ๊ป เปิดเผยว่า เตรียมใช้งบประมาณกว่า130 ล้านบาท สำหรับเปิดตัวและทำการตลาดให้แก่ โครงการเอเชียทีคฯ แบ่งเป็น 30 ล้านบาท สำหรับจัดกิจกรรมถึงสิ้นปีนี้รวมถึงการจัดงานงานซอฟท์โอเพ่นนิ่งโครงการ ซึ่งกำหนดไว้เดือนธันวาคมนี้ ส่วนอีก 100ล้านบาท เป็นงบการตลาดที่จะใช้ตลอดปี 2555
ทั้งนี้แผนการตลาด ต้องการสร้างการรับรู้โครงการในกลุ่มนักท่องเที่ยว ทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ นำเสนอ“เอเชียทีค เดอะริเวอร์ฟร้อนท์” เป็นสถานที่ท่องเที่ยวไนท์ไลฟ์ และเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของเมืองไทย ที่นักท่องเที่ยวต้องมาเยือน เหมือนกับการไปประเทศอังกฤษก็ต้องไปชมหอนาฬิกา บิ๊กเบน เป็นต้น
โดยรูปแบบการทำตลาด จะร่วมเดินสายงานโรคโชว์ไปกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ไปโรดโชว์ในญี่ปุ่น, จีน และอังกฤษ เพื่อทำความรู้จักบริษัทนำเที่ยวในต่างประเทศ นำเสนอสถานที่และกิจกรรมการแสดงต่างๆ ที่เปิดให้บริการ นอกจากนั้นยังร่วมกับสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยวหรือแอตต้า ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อในสิงคโปร์, มาเลเซีย และไต้หวัน ซึ่งเป็นกลุ่มที่เดินทางมาเที่ยวไทยได้บ่อยครั้งต่อปี ส่วนตลาดคนไทยใช้วิธีจัดกิจกรรมการตลาดตามสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสและผ่านสื่ออื่น คาดว่าโครงการจะทำรายได้เป็นเงินหมุนเวียนจากการใช้จ่ายของผู้ที่จะมาเที่ยวในโครงการประมาณ 3,000 – 4,000 ล้านบาทต่อปี
“เดือนธันวาคมจะเริ่มทดลองเปิดให้บริการ จากนั้นกำหนดว่าราวเดือนเมษายน จัดแกรนด์โอเพ่นนิ่ง ตั้งเป้าหมายมีนักท่องเที่ยวเข้ามาใช้บริการมากกว่า 20,000 คนต่อวัน เป็นคนไทยและต่างชาติอย่างละ 50% โดยโครงการวางแผนแก้ปัญหารถติดโดยการร่วมมือกับรถไฟฟ้า BTS และเรือด่วนเจ้าพระยา เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับคนที่เดินทางด้วยรถไฟฟ้า โดยสามารถลงรถไฟฟ้าที่สถานีสะพานตากสิน แล้วต่อเรือของโครงการ (Shuttle boat) มาลงที่โครงการได้เลย”
สำหรับโครงการเอเชียทีค ตั้งอยู่บนพื้นที่ 72 ไร่ ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยาในย่านเจริญกรุง แบ่งเป็น 4 เฟส เฟสแรก ลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาท พื้นที่ 30ไร่ เตรียมเปิดตัวปลายปีนี้ ส่วนเฟส 2คาดว่าจะเกิดขึ้นใน 3-5 ปีข้างหน้า โดยเฟส 2 จะมีการสร้างโรงแรมระดับ 5 ดาว ไว้คอยบริการนักท่องเที่ยวด้วย
ทั้งนี้เอเชียทีค เป็นโครงการรีเทล (ค้าปลีก) และโรงแรมของตระกูลสิริวัฒนภักดี รูปแบบโครงการพัฒนาเป็นโอเพ่นมอลล์ หรือมอลล์เปิดโล่ง สไตล์โคโลเนียล (รัชกาลที่ 5) ภายใต้คอนเซ็ปต์ "เฟสติวัล มาร์เก็ต แอนด์ ลิฟวิ่ง มิวเซียม" (Festival Market and Living Museum) ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย เปิดให้บริการตั้งแต่ 16.00 -24.00 น.
ในตัวโครงการเฟสแรกนี้ แบ่งเป็น 4 ส่วน ได้แก่ 1.ย่านเจริญกรุง ที่จะขายของที่ระลึกให้นักท่องเที่ยว และของตกแต่งบ้านรวม 700 ร้านค้า พร้อมกันนี้ยังมีโรงละคร จำนวน 400 ที่นั่ง ทั้งการแสดงหุ่นละครเล็กโจหลุยส์ และการแสดงโชว์คาลิปโซ คาบาเรต์ 2.ย่านกลางเมือง มีพื้นที่จัดกิจกรรมกลางแจ้งกว่า 2,000 ตร.ม. และโซนอินเตอร์เนชั่นแนล ฟู้ด เซอร์คัส รวบรวมร้านอาหารชื่อดังจากประเทศต่างๆ 3.ย่านโรงงาน ที่รวบรวมร้านอาหาร ผับ และร้านค้ามีสไตล์ มากกว่า 1,000 ร้านค้า และ 4.ย่านริมน้ำ ที่ตกแต่งในบรรยากาศแบบพาโนรามาริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งปัจจุบันบริษัทมียอดจองพื้นที่เต็มเกือบ 100% แล้ว