ครบรอบหนึ่งเดือนของรัฐบาลปูแดง ในการทำหน้าที่บริหารประเทศนับจากวันแถลงนโยบายต่อรัฐสภา (23-25 ส.ค. 54) นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย ภายใต้การกำกับการแสดงโดยทักษิณ ชินวัตร ที่ยังหลบหนีคดีอยู่ในต่างประเทศ ก็ได้พบกับโลกของความเป็นจริงทางการเมือง และได้ลิ้มรสชาติของชีวิตที่ทักษิณผู้พี่ลิขิตให้ คงไม่สุขและง่ายเหมือนบริหารธุรกิจในเครือชินวัตร หรือชินคอร์ปอเรชั่นอย่างที่เธอเคยทำงาน และนั่งในตำแหน่งซีอีโออย่างแน่นอน
เพราะยามนั้น เธอนั่งบริหารในขณะที่พี่ชายดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ที่ทรงอำนาจที่สุด ที่สามารถบังคับบัญชาสั่งการให้กลไกราชการใช้อำนาจรัฐเอื้อประโยชน์แก่ธุรกิจของตนเอง ครอบครัวได้ตามอำนาจและตามอำเภอใจ และยังคงมีแผ่นดินอยู่ ไม่ได้ระหกระเหินเหมือนวันนี้ การก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของเธอ จึงมิได้ราบรื่นเหมือนโรยด้วยกลีบกุหลาบ มิได้ง่ายเหมือนงานในอดีตเสียแล้ว เธอจะต้องเผชิญหน้ากับอุปสรรคและปัญหาต่างๆ อีกมากมายที่กำลังเกิดขึ้น หมักหมมสะสมรอเวลาระเบิดแตกหัก และกำลังจะเกิดขึ้นในเบื้องหน้า ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตของประเทศ วิกฤตเศรษฐกิจของโลก และปัญหาภัยพิบัติทางธรรมชาติที่นับวันจะทวีความรุนแรงต่อชาวโลก
เวลาเพียงหนึ่งเดือนกับอีกไม่กี่วัน ในตำแหน่งรัฐมนตรีของคุณยิ่งลักษณ์ สัญญาณอันตรายที่บ่งบอกถึงอนาคตแห่งความล่มสลายของรัฐบาลปูแดงกำลังเกิดขึ้น และอาจมาถึงเร็วกว่าที่คาดคิด เหตุปัจจัยที่กำลังนำรัฐบาลปูแดงไปสู่ความล่มสลายมาจากสาเหตุดังนี้
1. คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เธอมิใช่นายกรัฐมนตรีตัวจริงเสียงจริง เป็นเพียงนอมินี หุ่นเชิดของทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ไร้แผ่นดินเท่านั้น เวลาเพียงหนึ่งเดือนก็บอกได้ว่าเธอไม่มีความรู้ ความสามารถพอที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีได้เลย แต่เธอต้องฝืนแสดงตนหรือพยายามแสดงให้ผู้คนเห็นว่าเธอเป็นนายกฯ ตัวจริงเสียงจริง โดยพยายามแสดงภูมิรู้ตอบปัญหาและคำถามสื่อมวลชน ตอบปัญหาทางการเมือง แต่ยิ่งเธอแสดงภูมิมากเพียงใด ก็ยิ่งสะท้อนให้เห็นความเป็นตัวตนของเธออย่างน่าเวทนาอย่างยิ่ง หลายคนอดสงสารเธอไม่ได้ และรู้สึกว่าพี่ชายของเธอช่างโหดร้ายต่อเธอเหลือเกิน ที่ปล่อยให้เธอต้องมายืนตอบคำถามแบบหญิงงามที่โกหกสังคมรายวัน ดูไร้ค่า หมดสง่าราศี ใบหน้าอิดโรย และโรยราก่อนวัยอันสมควร
2. สภาพการบริหารประเทศตกอยู่ในภาวะ “หนึ่งประเทศ สี่นายกรัฐมนตรี”
เมื่อคุณยิ่งลักษณ์เป็นเพียงนายกฯ นอมินี หุ่นเชิดที่ไม่มีอำนาจบริหาร และตัดสินใจด้วยความรู้ ความสามารถของตน จึงเกิดสภาพอำนาจซ้อนอำนาจ และเป็นที่รู้โดยทั่วไปว่า คุณยิ่งลักษณ์ดำรงตำแหน่งเป็นเพียง “นายกรัฐมนตรีตามพิธีการ” มีหน้าที่ฉีกยิ้ม ตัดริบบิ้น เปิดงาน ลงนามตามที่มีผู้สั่งการเท่านั้น หากจะปฏิบัติการใดๆ เพื่อเป็นการปฏิบัติราชการให้บรรลุผลสำเร็จตามที่มีผู้สั่งการ ไม่ว่าจะแต่งตั้งโยกย้ายตำแหน่งราชการสำคัญๆ เช่น ผบ.ตร., เลขา สมช., เลขา ป.ป.ส., ผบ.เหล่าทัพต่างๆ ฯลฯ กลายเป็นหน้าที่ของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ซึ่งทำหน้าที่เสมือนเป็นนายกฯ ปฏิบัติการ ส่วนนายกฯ ตัวจริง และเป็นผู้สั่งการทุกอย่าง รับรู้ทุกเรื่องในการบริหารประเทศ ก็หนีไม่พ้นต้องเป็นนักโทษหนีคดีที่ชื่อ ทักษิณ ชินวัตร นั่นเอง
แต่อำนาจในการบริหารประเทศ มิได้หยุดอยู่ที่นายกรัฐมนตรีตามกฎหมายเท่านั้น ยังมีคนที่มีอำนาจบงการเหนือนายกฯ สั่งการอย่างทักษิณ และเหนือรัฐบาลปูแดงที่มีอำนาจบงการอยู่อีก ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นคุณพจมาน ณ ป้อมเพชร (ชินวัตร)
ด้วยเหตุนี้ประเทศไทยจึงกลายสภาพเป็นหนึ่งประเทศ สี่นายกรัฐมนตรี ประเทศใดการบริหารประเทศตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ย่อมบ่งบอกถึงสัญญาณอันตรายแน่นอน
3. ทันทีที่ได้อำนาจในการบริหารประเทศ รัฐบาลปูแดงล้วนแต่สาละวนอยู่กับการทำงานตามนายกฯ สั่งการ และสนองความต้องการของผู้บงการ งานที่ทำได้ผลสำเร็จกลายเป็นเรื่องส่วนตัวของคนในตระกูลชินวัตร คือ ผลักดันให้ พล.ต.ต.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ขึ้นดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้พล.ร.ท.เกียรติศักดิ์ ดามาพงศ์ พี่ชายต่างมารดาหญิงอ้อเป็นผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน (ผบ.นย.) ข้ามหัวรุ่นพี่ที่อาวุโสกว่านับสิบคน ทำให้คดีเลี่ยงภาษีของคุณหญิงพจมานถึงที่สุด โดยอัยการสูงสุดมีคำสั่งไม่ฎีกา, ย้ายข้าราชการที่รับใช้พรรคเพื่อไทยได้ดีกันถ้วนหน้า, สั่งทบทวนคดีของคนเสื้อแดง ฯลฯ แต่การแก้ปัญหาประชาชน แก้ปัญหาน้ำท่วมล้วนล้มเหลว เชื่องช้า แต่เร่งรีบเรื่องการอภัยโทษ แก้รัฐธรรมนูญ ปูทางให้ทักษิณกลับประเทศ
4. รุกคืบลิดรอนพระราชอำนาจ เปลี่ยนแปลงระบบและโครงสร้างของราชการให้กลายเป็นเครื่องมือของ “ระบอบทักษิณ” แทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายทหาร สร้างความแตกแยกในกองทัพทำให้กองทัพอ่อนแอ ไม่เป็นเอกภาพ ส่งเสริมขบวนการสร้างละเมิดต่อสถาบัน และเหิมเกริมถึงกับแก้ข้อประมวลกฎหมายอาญา ม. 112
5. การทุจริตคอร์รัปชันในวงราชการและการเมืองเดินหน้า และหนักเหมือนเดิมหรือยิ่งกว่าเดิม โดยกลไกตรวจสอบทุกองค์กรอิสระกำลังถูกทำให้เป็นง่อยเหมือนยุคทักษิณครองเมือง แม้แต่ในกระบวนการยุติธรรมก็ถูกแทรกแซง
6. เมื่อสภาพบริหารประเทศอยู่ในสภาวะเช่นนี้ อันมีมูลเหตุปัจจัยภายในองค์ประกอบของรัฐบาล และการมุ่งใช้อำนาจเพื่อตัวเองและพวกพ้องเป็นหลัก ย่อมต้องเผชิญหน้ากับประชาชนเจ้าของประเทศทั้งหลาย ที่ไม่อาจยอมรับการปกครองอันฉ้อฉลเช่นนี้ต่อไปได้ ทำให้รัฐบาลเสื่อมความนิยมอย่างรวดเร็ว เมื่อผนวกกับภัยพิบัติอันหนักหน่วงรุนแรงที่สร้างความเสียหายทั่วประเทศ พร้อมกับวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ที่โลกกำลังเผชิญหน้า สัญญาณอันตราย และความล่มสลายของรัฐบาลปู ยิ่งลักษณ์ กำลังจะมาถึง และอาจมาถึงเร็วกว่าที่คาดคิด
เพราะยามนั้น เธอนั่งบริหารในขณะที่พี่ชายดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ที่ทรงอำนาจที่สุด ที่สามารถบังคับบัญชาสั่งการให้กลไกราชการใช้อำนาจรัฐเอื้อประโยชน์แก่ธุรกิจของตนเอง ครอบครัวได้ตามอำนาจและตามอำเภอใจ และยังคงมีแผ่นดินอยู่ ไม่ได้ระหกระเหินเหมือนวันนี้ การก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของเธอ จึงมิได้ราบรื่นเหมือนโรยด้วยกลีบกุหลาบ มิได้ง่ายเหมือนงานในอดีตเสียแล้ว เธอจะต้องเผชิญหน้ากับอุปสรรคและปัญหาต่างๆ อีกมากมายที่กำลังเกิดขึ้น หมักหมมสะสมรอเวลาระเบิดแตกหัก และกำลังจะเกิดขึ้นในเบื้องหน้า ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตของประเทศ วิกฤตเศรษฐกิจของโลก และปัญหาภัยพิบัติทางธรรมชาติที่นับวันจะทวีความรุนแรงต่อชาวโลก
เวลาเพียงหนึ่งเดือนกับอีกไม่กี่วัน ในตำแหน่งรัฐมนตรีของคุณยิ่งลักษณ์ สัญญาณอันตรายที่บ่งบอกถึงอนาคตแห่งความล่มสลายของรัฐบาลปูแดงกำลังเกิดขึ้น และอาจมาถึงเร็วกว่าที่คาดคิด เหตุปัจจัยที่กำลังนำรัฐบาลปูแดงไปสู่ความล่มสลายมาจากสาเหตุดังนี้
1. คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เธอมิใช่นายกรัฐมนตรีตัวจริงเสียงจริง เป็นเพียงนอมินี หุ่นเชิดของทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ไร้แผ่นดินเท่านั้น เวลาเพียงหนึ่งเดือนก็บอกได้ว่าเธอไม่มีความรู้ ความสามารถพอที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีได้เลย แต่เธอต้องฝืนแสดงตนหรือพยายามแสดงให้ผู้คนเห็นว่าเธอเป็นนายกฯ ตัวจริงเสียงจริง โดยพยายามแสดงภูมิรู้ตอบปัญหาและคำถามสื่อมวลชน ตอบปัญหาทางการเมือง แต่ยิ่งเธอแสดงภูมิมากเพียงใด ก็ยิ่งสะท้อนให้เห็นความเป็นตัวตนของเธออย่างน่าเวทนาอย่างยิ่ง หลายคนอดสงสารเธอไม่ได้ และรู้สึกว่าพี่ชายของเธอช่างโหดร้ายต่อเธอเหลือเกิน ที่ปล่อยให้เธอต้องมายืนตอบคำถามแบบหญิงงามที่โกหกสังคมรายวัน ดูไร้ค่า หมดสง่าราศี ใบหน้าอิดโรย และโรยราก่อนวัยอันสมควร
2. สภาพการบริหารประเทศตกอยู่ในภาวะ “หนึ่งประเทศ สี่นายกรัฐมนตรี”
เมื่อคุณยิ่งลักษณ์เป็นเพียงนายกฯ นอมินี หุ่นเชิดที่ไม่มีอำนาจบริหาร และตัดสินใจด้วยความรู้ ความสามารถของตน จึงเกิดสภาพอำนาจซ้อนอำนาจ และเป็นที่รู้โดยทั่วไปว่า คุณยิ่งลักษณ์ดำรงตำแหน่งเป็นเพียง “นายกรัฐมนตรีตามพิธีการ” มีหน้าที่ฉีกยิ้ม ตัดริบบิ้น เปิดงาน ลงนามตามที่มีผู้สั่งการเท่านั้น หากจะปฏิบัติการใดๆ เพื่อเป็นการปฏิบัติราชการให้บรรลุผลสำเร็จตามที่มีผู้สั่งการ ไม่ว่าจะแต่งตั้งโยกย้ายตำแหน่งราชการสำคัญๆ เช่น ผบ.ตร., เลขา สมช., เลขา ป.ป.ส., ผบ.เหล่าทัพต่างๆ ฯลฯ กลายเป็นหน้าที่ของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ซึ่งทำหน้าที่เสมือนเป็นนายกฯ ปฏิบัติการ ส่วนนายกฯ ตัวจริง และเป็นผู้สั่งการทุกอย่าง รับรู้ทุกเรื่องในการบริหารประเทศ ก็หนีไม่พ้นต้องเป็นนักโทษหนีคดีที่ชื่อ ทักษิณ ชินวัตร นั่นเอง
แต่อำนาจในการบริหารประเทศ มิได้หยุดอยู่ที่นายกรัฐมนตรีตามกฎหมายเท่านั้น ยังมีคนที่มีอำนาจบงการเหนือนายกฯ สั่งการอย่างทักษิณ และเหนือรัฐบาลปูแดงที่มีอำนาจบงการอยู่อีก ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นคุณพจมาน ณ ป้อมเพชร (ชินวัตร)
ด้วยเหตุนี้ประเทศไทยจึงกลายสภาพเป็นหนึ่งประเทศ สี่นายกรัฐมนตรี ประเทศใดการบริหารประเทศตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ย่อมบ่งบอกถึงสัญญาณอันตรายแน่นอน
3. ทันทีที่ได้อำนาจในการบริหารประเทศ รัฐบาลปูแดงล้วนแต่สาละวนอยู่กับการทำงานตามนายกฯ สั่งการ และสนองความต้องการของผู้บงการ งานที่ทำได้ผลสำเร็จกลายเป็นเรื่องส่วนตัวของคนในตระกูลชินวัตร คือ ผลักดันให้ พล.ต.ต.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ขึ้นดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้พล.ร.ท.เกียรติศักดิ์ ดามาพงศ์ พี่ชายต่างมารดาหญิงอ้อเป็นผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน (ผบ.นย.) ข้ามหัวรุ่นพี่ที่อาวุโสกว่านับสิบคน ทำให้คดีเลี่ยงภาษีของคุณหญิงพจมานถึงที่สุด โดยอัยการสูงสุดมีคำสั่งไม่ฎีกา, ย้ายข้าราชการที่รับใช้พรรคเพื่อไทยได้ดีกันถ้วนหน้า, สั่งทบทวนคดีของคนเสื้อแดง ฯลฯ แต่การแก้ปัญหาประชาชน แก้ปัญหาน้ำท่วมล้วนล้มเหลว เชื่องช้า แต่เร่งรีบเรื่องการอภัยโทษ แก้รัฐธรรมนูญ ปูทางให้ทักษิณกลับประเทศ
4. รุกคืบลิดรอนพระราชอำนาจ เปลี่ยนแปลงระบบและโครงสร้างของราชการให้กลายเป็นเครื่องมือของ “ระบอบทักษิณ” แทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายทหาร สร้างความแตกแยกในกองทัพทำให้กองทัพอ่อนแอ ไม่เป็นเอกภาพ ส่งเสริมขบวนการสร้างละเมิดต่อสถาบัน และเหิมเกริมถึงกับแก้ข้อประมวลกฎหมายอาญา ม. 112
5. การทุจริตคอร์รัปชันในวงราชการและการเมืองเดินหน้า และหนักเหมือนเดิมหรือยิ่งกว่าเดิม โดยกลไกตรวจสอบทุกองค์กรอิสระกำลังถูกทำให้เป็นง่อยเหมือนยุคทักษิณครองเมือง แม้แต่ในกระบวนการยุติธรรมก็ถูกแทรกแซง
6. เมื่อสภาพบริหารประเทศอยู่ในสภาวะเช่นนี้ อันมีมูลเหตุปัจจัยภายในองค์ประกอบของรัฐบาล และการมุ่งใช้อำนาจเพื่อตัวเองและพวกพ้องเป็นหลัก ย่อมต้องเผชิญหน้ากับประชาชนเจ้าของประเทศทั้งหลาย ที่ไม่อาจยอมรับการปกครองอันฉ้อฉลเช่นนี้ต่อไปได้ ทำให้รัฐบาลเสื่อมความนิยมอย่างรวดเร็ว เมื่อผนวกกับภัยพิบัติอันหนักหน่วงรุนแรงที่สร้างความเสียหายทั่วประเทศ พร้อมกับวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ที่โลกกำลังเผชิญหน้า สัญญาณอันตราย และความล่มสลายของรัฐบาลปู ยิ่งลักษณ์ กำลังจะมาถึง และอาจมาถึงเร็วกว่าที่คาดคิด