ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ลาวปีนี้ประสบอุทกภัยหนักหน่วงที่สุด พายุ 2 ลูกกับฝนที่ตกหนักติดต่อกันตลอด 3 เดือน ทำให้เกิดน้ำท่วมถึง 4 ระลอก เหนือจรดใต้ พบผู้เสียชีวิตแล้ว 30 คน อีก 429,954 คน ได้รับผลกระทบโดยตรง ในขณะที่รัฐบาลกำลังระดมความเหลือช่วยเหลือราษฎรในแขวงเวียงจันทน์ ซึ่งน้ำท่วมมาตั้งแต่กลางเดือนนี้
อุทกภัยครอบคลุม 96 เมือง (อำเภอ) ใน 12 แขวง (จังหวัด) รวมราษฎรได้รับผลกระทบโดยตรง 1,790 ครัวเรือน พื้นที่ทำการผลิต 64,472 เฮกตาร์ (กว่า 4 แสนไร่) ถูกน้ำท่วม เส้นทางคมนาคมเสียหายรวม 323 สาย สะพานถูกทำลายหรือได้รับความเสียหาย 42 แห่ง
นอกจากนั้น ยังมีโรงเรียน โรงพยาบาล ระบบไฟฟ้า น้ำประปา แหล่งท่องเที่ยว แหล่งพื้นฐานด้านอุตสาหกรรมและการค้า สิ่งปลูกสร้างต่างๆ ได้รับความเสียหายจำนวนมากเช่นกัน หนังสือพิมพ์ “กองทัพประชาชน” รายงานตัวเลขทั้งหมดนี้จากที่ประชุมคณะรัฐมนตรีประจำเดือน ซึ่งจัดขึ้นวันที่ 22-23 ก.ย.ที่ผ่านมา ในนครเวียงจันทน์
รัฐบาลได้สั่งการให้กระทรวงกับหน่วยงานต่างๆ เร่งช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบและซ่อมแซมระบบสาธารณูปโภคที่ได้รับความเสียหายให้คืนสู่สภาพปรกติโดยเร็ว หนังสือพิมพ์ของกระทรวงป้องกันประเทศฉบับนี้ กล่าว
ที่ผ่านมา รัฐบาลได้ระดมให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนผู้ประสบภัยรวมเป็นเงินเกือบ 1,000 ล้านกีบ (กว่า 3.7 ล้านบาท) นอกจากนั้น ยังมีความช่วยเหลือจากภาคเอกชน สถานทูตบางประเทศ รวมทั้งองค์การระหว่างประเทศและองค์การเพื่อการกุศลต่างๆ อีกจำนวนมาก
ฝนที่ตกหนักจากพายุ “ไหหม่า” ในปลายเดือน มิ.ย.ได้ทำให้เกิดน้ำท่วมรุนแรง น้ำป่าไหลหลาก ดินเลื่อนและดินถล่ม ใน 4 แขวงภาคกลางกับภาคเหนือ โชคดีที่ในเขตที่เกิดภัยพิบัติมีราษฎรอาศัยอยู่เบาบาง
เพียงข้ามสัปดาห์ พายุ “นกเต็น”ได้พัดเข้าอีกลูกหนึ่ง ทำให้เกิดฝนตกและน้ำท่วมใหญ่อีกระลอก จนระดับน้ำในสาขาต่างๆ ของแม่น้ำโขงเอ่อขึ้นสูงตั้งแต่แขวง เชียงขวาง ไซยะบูลี เวียงจันทน์ และนครเวียงจันทน์ บอลิคำไซ และ คำม่วน ส่งผลให้น้ำในแม่น้ำโขงสายหลักเพิ่มระดับขึ้นสูงในเวลาต่อมา และเกิดน้ำท่วมสาหัสที่สุดในหลายเมืองของแขวงจำปาสักที่อยู่ตอนใต้สุดของแม่น้ำสายสำคัญนี้
จากนั้นก็ยังเกิดฝนตกติดต่อกันมาไม่หยุด โดยตกหนักช่วงวันที่ 17 ก.ย.ในแขวงเวียงจันทน์ กับแขวงเชียงขวาง ซึ่งเป็นเขตป่าต้นน้ำ ทำให้ระดับน้ำในลำน้ำสาขาสูงขึ้นไม่หยุด และเกิดน้ำท่วมตั้งแต่วันที่ 19 ก.ย. จนปัจจุบันยังคงท่วมกินบริเวณกว้างในหลายเมืองของแขวงเวียงจันทน์ สาหัสที่สุดในเขตเมืองทุละคม ทั้งนี้เป็นรายงานของหนังสือพิมพ์เวียงจันทน์ใหม่
สัปดาห์ที่แล้ว นายกรัฐมนตรี ทองสิง ทำมะวง ได้นำคณะเดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์สำรวจอาณาบริเวณน้ำท่วม และเยี่ยมเยียน แจกจ่ายสิ่งของบรรเทาทุกข์ตลอดจนมอบเงินเพื่อช่วยเหลือราษฎรที่ประสบภัยกว่า 1,300 หลังคาเรือน หนังสือพิมพ์ของทางการนครเวียงจันทน์ฉบับนี้ระบุ
ทางการในท้องถิ่น กล่าวว่า การปล่อยน้ำจากอ่างเก็บน้ำเขื่อนน้ำงึมเป็นปริมาณมากในช่วงที่ผ่านมา เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดน้ำท่วมใหญ่ในแขวงเวียงจันทน์ขณะนี้ แต่สัปดาห์ที่แล้วเจ้าหน้าที่บริษัทผลิตไฟฟ้าลาวจำกัด ได้ออกแถลงว่าน้ำจากเขื่อนไม่ได้เป็นสาเหตุเดียวที่ทำให้เกิดน้ำท่วมใหญ่ในขณะนี้
ช่วงที่ผ่านมาสื่อของทางการได้รายงานข่าวและตีพิมพ์ภาพถนนทางเข้าเขื่อนน้ำงึมที่ได้รับความเสียหายหนักจากฝนตกหนักเช่นกัน โดยถนนตอนที่ผ่านไหล่เขาถูกตัดขาดไปช่วงหนึ่ง เนื่องจากเกิดดินถล่ม
อุทกภัยครอบคลุม 96 เมือง (อำเภอ) ใน 12 แขวง (จังหวัด) รวมราษฎรได้รับผลกระทบโดยตรง 1,790 ครัวเรือน พื้นที่ทำการผลิต 64,472 เฮกตาร์ (กว่า 4 แสนไร่) ถูกน้ำท่วม เส้นทางคมนาคมเสียหายรวม 323 สาย สะพานถูกทำลายหรือได้รับความเสียหาย 42 แห่ง
นอกจากนั้น ยังมีโรงเรียน โรงพยาบาล ระบบไฟฟ้า น้ำประปา แหล่งท่องเที่ยว แหล่งพื้นฐานด้านอุตสาหกรรมและการค้า สิ่งปลูกสร้างต่างๆ ได้รับความเสียหายจำนวนมากเช่นกัน หนังสือพิมพ์ “กองทัพประชาชน” รายงานตัวเลขทั้งหมดนี้จากที่ประชุมคณะรัฐมนตรีประจำเดือน ซึ่งจัดขึ้นวันที่ 22-23 ก.ย.ที่ผ่านมา ในนครเวียงจันทน์
รัฐบาลได้สั่งการให้กระทรวงกับหน่วยงานต่างๆ เร่งช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบและซ่อมแซมระบบสาธารณูปโภคที่ได้รับความเสียหายให้คืนสู่สภาพปรกติโดยเร็ว หนังสือพิมพ์ของกระทรวงป้องกันประเทศฉบับนี้ กล่าว
ที่ผ่านมา รัฐบาลได้ระดมให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนผู้ประสบภัยรวมเป็นเงินเกือบ 1,000 ล้านกีบ (กว่า 3.7 ล้านบาท) นอกจากนั้น ยังมีความช่วยเหลือจากภาคเอกชน สถานทูตบางประเทศ รวมทั้งองค์การระหว่างประเทศและองค์การเพื่อการกุศลต่างๆ อีกจำนวนมาก
ฝนที่ตกหนักจากพายุ “ไหหม่า” ในปลายเดือน มิ.ย.ได้ทำให้เกิดน้ำท่วมรุนแรง น้ำป่าไหลหลาก ดินเลื่อนและดินถล่ม ใน 4 แขวงภาคกลางกับภาคเหนือ โชคดีที่ในเขตที่เกิดภัยพิบัติมีราษฎรอาศัยอยู่เบาบาง
เพียงข้ามสัปดาห์ พายุ “นกเต็น”ได้พัดเข้าอีกลูกหนึ่ง ทำให้เกิดฝนตกและน้ำท่วมใหญ่อีกระลอก จนระดับน้ำในสาขาต่างๆ ของแม่น้ำโขงเอ่อขึ้นสูงตั้งแต่แขวง เชียงขวาง ไซยะบูลี เวียงจันทน์ และนครเวียงจันทน์ บอลิคำไซ และ คำม่วน ส่งผลให้น้ำในแม่น้ำโขงสายหลักเพิ่มระดับขึ้นสูงในเวลาต่อมา และเกิดน้ำท่วมสาหัสที่สุดในหลายเมืองของแขวงจำปาสักที่อยู่ตอนใต้สุดของแม่น้ำสายสำคัญนี้
จากนั้นก็ยังเกิดฝนตกติดต่อกันมาไม่หยุด โดยตกหนักช่วงวันที่ 17 ก.ย.ในแขวงเวียงจันทน์ กับแขวงเชียงขวาง ซึ่งเป็นเขตป่าต้นน้ำ ทำให้ระดับน้ำในลำน้ำสาขาสูงขึ้นไม่หยุด และเกิดน้ำท่วมตั้งแต่วันที่ 19 ก.ย. จนปัจจุบันยังคงท่วมกินบริเวณกว้างในหลายเมืองของแขวงเวียงจันทน์ สาหัสที่สุดในเขตเมืองทุละคม ทั้งนี้เป็นรายงานของหนังสือพิมพ์เวียงจันทน์ใหม่
สัปดาห์ที่แล้ว นายกรัฐมนตรี ทองสิง ทำมะวง ได้นำคณะเดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์สำรวจอาณาบริเวณน้ำท่วม และเยี่ยมเยียน แจกจ่ายสิ่งของบรรเทาทุกข์ตลอดจนมอบเงินเพื่อช่วยเหลือราษฎรที่ประสบภัยกว่า 1,300 หลังคาเรือน หนังสือพิมพ์ของทางการนครเวียงจันทน์ฉบับนี้ระบุ
ทางการในท้องถิ่น กล่าวว่า การปล่อยน้ำจากอ่างเก็บน้ำเขื่อนน้ำงึมเป็นปริมาณมากในช่วงที่ผ่านมา เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดน้ำท่วมใหญ่ในแขวงเวียงจันทน์ขณะนี้ แต่สัปดาห์ที่แล้วเจ้าหน้าที่บริษัทผลิตไฟฟ้าลาวจำกัด ได้ออกแถลงว่าน้ำจากเขื่อนไม่ได้เป็นสาเหตุเดียวที่ทำให้เกิดน้ำท่วมใหญ่ในขณะนี้
ช่วงที่ผ่านมาสื่อของทางการได้รายงานข่าวและตีพิมพ์ภาพถนนทางเข้าเขื่อนน้ำงึมที่ได้รับความเสียหายหนักจากฝนตกหนักเช่นกัน โดยถนนตอนที่ผ่านไหล่เขาถูกตัดขาดไปช่วงหนึ่ง เนื่องจากเกิดดินถล่ม
