เวียงจันทน์ไทม์ส - นางบุนเพ็ง มูนโพไซ โฆษกรัฐบาลลาว รายงานผลการประชุมของรัฐบาลที่มีขึ้นเมื่อวันที่ 22-23 ก.ย.ในกรุงเวียงจันทน์ ว่า มูลค่าความเสียหายที่เกิดจากภัยน้ำท่วมและดินถล่มในลาวคาดว่าสูงถึง 1.39 ล้านล้านกีบ
นางบุนเพ็ง กล่าวว่า รัฐบาลจำเป็นต้องใช้เงินมากกว่า 600 ล้านกีบ ฟื้นฟูซ่อมแซมระบบชลประทานสำหรับฤดูแล้งที่กำลังจะมาถึง รวมทั้งปรับปรุงโรงเรียน โรงพยาบาล ถนน และสิ่งเร่งด่วนอื่นๆ โดยมีนายกรัฐมนตรีทองสิง ทำมะวง เป็นประธานในการประชุม พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรีต่างๆ เพื่ออนุมัติแผนฟื้นฟูหลังประสบภัยน้ำท่วม
ผลการประชุม ระบุว่า เงินจำนวน 600 ล้านกีบ จะมาจากกองทุนสำรองของรัฐบาลและทางการแขวง และเงินส่วนที่เหลือจะมาจากการระดมทุนจากภาคเอกชนและองค์กรต่างประเทศ
รัฐบาลลาว ระบุว่า ประชาชนมากกว่า 429,900 คน ใน 1,790 หมู่บ้าน จาก 96 อำเภอ ของ 12 แขวง ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมและดินถล่ม ที่เป็นอิทธิพลมาจากพายุไห่หม่าและนกเต็น และมรสุมตามฤดูกาล โดยพายุที่พัดถล่มลาวคร่าชีวิตประชาชนไปแล้ว 30 คน และทำให้พื้นที่เพาะปลูกประมาณ 386,000 ไร่ ถนน 323 สาย และสะพาน 42 แห่งได้รับความเสียหาย และยังทำให้โรงเรียน โรงพยาบาล แหล่งท่องเที่ยว สถานีไฟฟ้าและประปา ได้รับความเสียหายหลายแห่งเช่นกัน
โฆษกรัฐบาล ยังระบุอีกว่า รัฐบาลรู้สึกยินดีต่อการช่วยเหลือของประชาชนอย่างต่อเนื่องที่ข่วยบรรเทาความเดือดร้อนผู้ที่ได้รับผลกระทบ และรัฐบาลได้มอบเงินและสิ่งของจำเป็นผ่านทางเจ้าหน้าที่แขวงต่างๆ เป็นมูลค่ามากกว่า 984.39 ล้านกีบ เพื่อช่วยเหลือเหยื่อน้ำท่วม และในการประชุมครั้งนี้ รัฐบาลได้เสนอให้คณะกรรมการจัดการภัยพิบัติแห่งชาติ เฝ้าดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิดรวมถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ เพื่อประกาศเตือนประชาชนให้ทันเวลาลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นน้อยที่สุดจากพายุที่จะมีในอนาคต
นอกจากนั้น รัฐบาลยังแนะนำให้คณะกรรมการดำเนินกิจกรรมระดมเงินทุนช่วยเหลือเพื่อบรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัยต่อไป
ทางด้านกระทรวงเกษตรและป่าไม้ ได้เสนอให้ทางการทำงานร่วมกันกับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเพื่อประเมินผลกระทบและกำหนดแผนฟื้นฟูสถานการณ์ภายในภาคส่วนของตัวเอง รวมทั้งแผนปรับปรุงระบบชลประทานและซื้อเมล็ดพันธุ์ข้าวและยาฆ่าแมลงเตรียมพร้อมสำหรับฤดูแล้งหน้า ขณะที่กระทรวงงานสาธารณะและคมนาคมเรียกร้องให้มีการออกแบบวางแผนซ่อมแซมถนน ระบบประปาและโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ
นางบุนเพ็ง กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำว่า ทุกภาคส่วนจำเป็นต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าของบริจาคทุกอย่างไปถึงผู้ได้รับผลกระทบ และเรียกร้องให้ประชาชนให้ความช่วยเหลือผู้อื่นเพื่อผ่านพ้นความยากลำบากนี้.