นายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่1 ในฐานะที่รับผิดชอบการก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ กล่าวว่า จะมีการลงนามสัญญาก่อสร้างรัฐสภาใหม่ให้ได้ในปี 2555 แต่ยังมีปัญหาว่ารัฐสภาใหม่อาจจะเสร็จไม่ทันตามเวลาที่กำหนดไว้เดิม 4 ปี เนื่องจากจะมีการขอขยายระยะเวลาการก่อสร้างออกไปจากเดิม 900 วัน เป็น 1,600 วันซึ่งตนจะขอดูเงื่อนไขก่อน แต่ในเบื้องตนจะพยายามไม่ให้ขยายเวลาการก่อสร้างออกไป
นอกจากนี้ยังพบปัญหาความล่าช้าไปกว่า 1 ปีในเรื่องการย้ายออกจากพื้นที่ ทั้งๆที่สภาผู้แทนราษฎร ได้จ่ายเงินค่าเวนคืนไปแล้ว ซึ่งวันที่ 26 ก.ย.นี้ ตนจะขอหารือกับทางทหารและโรงเรียนโยธินบูรณะ เพื่อรับทราบความคืบหน้าถึงปัญหา และสาเหตุว่าทำไมยังไม่ย้ายออก เบื้องต้นในส่วนของร.ร.โยธินบูรณะ ยังก่อสร้างโรงเรียนแห่งใหม่ไม่เสร็จจึงยังไม่ได้ย้ายออกไป
ทั้งนี้ยังมีปัญหาว่าการใช้พื้นที่ในการก่อสร้างจากที่กำหนดไว้ 3 แสนตารางเมตร ขณะนี้ได้ขยายเป็น 4 แสนตารางเมตร ดังนั้นเมื่อมีการขยายพื้นที่ เพิ่มเม็ดเงินที่ใช้ก่อสร้างจะมาใช้งบเท่าเดิมก็คงไม่ได้ ซึ่งจะขอดูรายละเอียดต่างๆ ว่าทำไมบริษัทที่ปรึกษา เมื่อมาดูในแบบถึงได้ขยายพื้นที่ออกไปอีก รวมถึงตนจะลงไปในพื้นที่การก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ ย่านเกียกกายว่า ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมหรือไม่ เพราะเป็นพื้นที่ที่อยู่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา
สำหรับงบประมาณการก่อสร้างในส่วนของอาคาร อยู่ที่ราว 11,000 ล้านบาท และการวางระบบไอที อีกประมาณ 3,000 ล้านบาท รวมเบ็ดเสร็จน่าจะอยู่ที่ประมาณ 15,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังพบปัญหาความล่าช้าไปกว่า 1 ปีในเรื่องการย้ายออกจากพื้นที่ ทั้งๆที่สภาผู้แทนราษฎร ได้จ่ายเงินค่าเวนคืนไปแล้ว ซึ่งวันที่ 26 ก.ย.นี้ ตนจะขอหารือกับทางทหารและโรงเรียนโยธินบูรณะ เพื่อรับทราบความคืบหน้าถึงปัญหา และสาเหตุว่าทำไมยังไม่ย้ายออก เบื้องต้นในส่วนของร.ร.โยธินบูรณะ ยังก่อสร้างโรงเรียนแห่งใหม่ไม่เสร็จจึงยังไม่ได้ย้ายออกไป
ทั้งนี้ยังมีปัญหาว่าการใช้พื้นที่ในการก่อสร้างจากที่กำหนดไว้ 3 แสนตารางเมตร ขณะนี้ได้ขยายเป็น 4 แสนตารางเมตร ดังนั้นเมื่อมีการขยายพื้นที่ เพิ่มเม็ดเงินที่ใช้ก่อสร้างจะมาใช้งบเท่าเดิมก็คงไม่ได้ ซึ่งจะขอดูรายละเอียดต่างๆ ว่าทำไมบริษัทที่ปรึกษา เมื่อมาดูในแบบถึงได้ขยายพื้นที่ออกไปอีก รวมถึงตนจะลงไปในพื้นที่การก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ ย่านเกียกกายว่า ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมหรือไม่ เพราะเป็นพื้นที่ที่อยู่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา
สำหรับงบประมาณการก่อสร้างในส่วนของอาคาร อยู่ที่ราว 11,000 ล้านบาท และการวางระบบไอที อีกประมาณ 3,000 ล้านบาท รวมเบ็ดเสร็จน่าจะอยู่ที่ประมาณ 15,000 ล้านบาท