xs
xsm
sm
md
lg

“เอ็มบีเค”ทุ่ม6พันล.3ปี ปรับพอร์ตลดเสี่ยงค้าปลีก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน – “เอ็มบีเค” เตรียมปรับพอร์ตโฟลิโอ ลดความเสี่ยงธุรกิจค้าปลีกที่เป็นหัวหอกหลัก หันเพิ่มสัดส่วนรายได้กลุ่มอสังหาริมทรัพย์กับการเงิน พร้อมทุ่มงบ 6,000 ล้านบาท ใน 3 ปีจากนี้ ขยายธุรกิจเต็มสปีด เล็งผุดเดอะไนน์เฟสสอง

นายสุเวทย์ ธีรวชิรกุล กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เอ็มบีเค จำกัด (มหาชน) และประธานกรรมการ บริษัท เดอะไนน์ เซ็นเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯวางแผนที่จะขยายสัดส่วนรายได้จากกลุ่มการเงินและกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้น เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสในการทำธุกริจและขณะเดียวกันเพื่อเป็นการลดความเสี่ยงทางด้านธุรกิจด้วย โดยมีเป้าหมายภายใน 3 ปีจากนี้จะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากกลุ่มสถาบันการเงินและกลุ่มอสังหาริมทรัพย์อีกกลุ่มละ 10%
ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ของบริษัทฯฯมาจาก 1.กลุ่มรีเทล (เอ็มบีเคเซ็นเตอร์, พาราไดซ์พาร์ค และเดอะไนน์) สัดส่วนรายได้ 30 % 2.กลุ่มข้าวสารมาบุญครอง 30% 3.กลุ่มโรงแรม สัดส่วน 15% 4. กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ 5% 5.กลุ่มสนามหกอล์ฟ มี 3 แห่ง สัดส่วน 3% 6. กลุ่มสถาบันการเงิน (ธนชาติ) สัดส่วน 15%
สำหรับแผนาการลงทุนช่วง 3 ปีจากนี้ 2554-2556 (ปีงบประมาณของบริษัท คือ กค.–มิย. )ตั้งงบการลงทุนไว้รวมไม่ต่ำวก่า 6,000 ล้านบาท หรือเ
เฉลี่ยปีละ 2,000 ล้านบาท เพื่อลงทุนโดยจะพิจารณาถึงสภาพตลาดและความเป็นไปได้รวมทั้งโอกาสทางธุรกิจเป็นหลัก แต่จะให้ความสำคัญกับกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และด้านการเงินมากขึ้นกว่าเดิม แต่กลุ่มอื่นก็ขยายตัวเช่นกัน และคาดว่าหากเป็นไปตามแผนงานบริษัทฯจะมีมูลค่าโครงการรวม 10,000 ล้านบาท
ทั้งนี้มีแผนที่จะพัฒนาโครงการเชื่อมต่อเดอะไนน์ พระรามเก้า เฟสที่ 2 ที่มีพื้นที่ด้านข้างอีก 9 ไร่ ที่ซื้อมาแล้วมากกว่า 300 ล้านบาท อยู่ระหว่างการศึกษา คาดว่าอาจจะมีทั้งที่อยู่อาศัยและค้าปลีกรวมกัน ลงทุนขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท
นอกจากนั้นยังมีที่ดิน 6 ไร่ซอยรัชดาภิเษก 17 ที่ซื้อมาแล้ว มีแผนจะพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียมระดับกลางขึ้นสูง คาดว่าจะมีประมาณ 400 ยูนิต สูง 20-30 ชั้นน อยู่ระหว่างศึกษา คาดลงทุนขั้นต่ำ 2,000 ล้านบาท ส่วนที่ดินที่ปทุมธานีอีกกว่า 200 ไร่ พัฒนาพร้อมขายเป็นแปลงคาดว่าจะเริ่มได้เร็วๆนี้ ส่วนที่ดิน 300 ไร่ที่ภูเก็ตมีแผนพัฒนาเป็นหมู่บ้านจัดสรร

ขณะที่ธุรกิจโรงแรมปีที่แล้วได้เข้าซื้อกิจการโรงแรมขนาดเล็กที่เกาะลันตา กระบี่ และสนใจท่จะทำธุรกิจโรงแรมที่ภูเก็ตด้วย ซึ่งปัจจุบันกลุ่มโรงแรมมีการถือหุ้นและเป็นเจ้าของหลายแห่งเช่นที่ เชอราตันกระบี่, ปทุมธานี, ดีดีภูเก็ต และดีดีระนอง แลรามายณะ และยังมีการถือหุ้นที่อื่นอีกเช่น ในเครือดุสิต 10% , 6% ในโรงแรมเอราวัณฯ และอีก 30% ที่มัลดีฟร่วมลงทุนกับกลุ่มดุสิต
ส่วนธุรกิจรีเทล หากเดอะไนน์ประสบความสำเร็จก็อาจจะพัฒนาโครงการใหม่อีก 2 โครงการ หากได้ทำเลที่เหมาะสม
สำหรับผลประกอบการของบริษัทฯเมื่อปีที่แล้ว (2553 ) สิ้นสุดเดือนมิถุนายน 2554 มีรายได้รวมประมาณ 8,300 ล้านบาท เติบโต 3% ส่วนปีงบประมาณ 2554 คาดว่าจะมีรายได้เติบโต 10%
นายสุเวทย์ กล่าวต่อว่า สำหรับเดอะไนน์ เนเบอร์ฮูดเซ็นเตอร์โครงการแรกเปิดบริการเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา คาดคืนทุน 7 ปี ลงทุนไปแล้ว 1,200 ล้านบาท ปล่อยเช่าพื้นที่ไปหมดแล้ว 100% ค่าเช่าเฉลี่ย 700 – 1,200 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน จากพื้นที่ขายค้าปลีกกว่า 12,000 ตารางเมตร และพื้นที่สำนักงานอีก 8,250 ตารางเมตร
“พื้นที่ในย่านพระรามเก้านี้ ถือว่ามีศักยภาพอย่างมาก มีประชากรใกล้เคียงมากกว่า 600,000 คนในรัศมี 3-5 กิโลเมตร และมีรายได้มากกว่า 60,000 – 100,000 บาทต่อเดือนต่อครอบครัว มีการใช้จ่ายเมื่อเข้าศูนย์เฉลี่ย 1,600 บาทต่อครั้ง คาดมีคนเข้าประมาณ 12,000 คนต่อวัน
กำลังโหลดความคิดเห็น