รถเมล์ร่วมสาย 147 วิ่งขึ้นสะพานข้ามคลอง ใกล้เดอะมอลล์ท่าพระ แต่เบรกแตก โชเฟอร์หักพวงมาลัยหลบรถที่จอดติดไฟแดง พุ่งข้ามเกาะกลางถนนชนต้นไม้ เสาโทรศัพท์ และป้ายโฆษณาล้มระเนระนาด
วันนี้ (9 ธ.ค.) เมื่อเวลา 13.45 น. ร.ต.ต.สุรพล พรหมนุ้ย พนักงานสอบสวน สน.ตลาดพลู รับแจ้งเหตุรถร่วมบริการเบรกแตกพุ่งชนต้นไม้ ทรัพย์สินทางราชการ และมีชาวบ้านได้รับบาดเจ็บ บริเวณปากซอยรัชดาภิเษก 17 ถนนรัชดาท่าพระ แขวงตลาดพลู เขตธนบุรี กทม. จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ที่เกิดเหตุพบรถร่วมบริการ ขสมก.สาย 147 สีชมพู ของ บจก.วิริยะวงศ์รถร่วมบริการ หมายเลขทะเบียน 11-6791 กรุงเทพมหานคร เลขข้างรถ 147-4 วิ่งให้บริการระหว่างการเคหะธนบุรี-เดอะมอลล์ท่าพระ แล่นข้ามเลนจากฝั่งรัชดามุ่งหน้าเดอะมอลล์ท่าพระ พุ่งชนต้นไทรทองเส้นผ่านศูนย์กลาง 10 นิ้ว ตรงเกาะกลางถนนจนล้มไป 1 ต้น แล้วแฉลบข้ามเกาะกลางย้อนศรลงมาบนถนนฝั่งมุ่งหน้าจรัญสนิทวงศ์ เสยเสาโทรศัพท์ 1 ต้น เสาป้ายโฆษณาโครงการลุมพินีทาวเวอร์ 1 ท่อน หักล้มระเนระนาด ก่อนที่รถจะไปหยุดนิ่งสนิทอยู่ตรงรั้วสังกะสีข้างบ้านเลขที่ 137 ปากซอยรัชดาภิเษก 17 แขวงตลาดพลู เขตธนบุรี สภาพรถกระจกหน้าแตกกระจายและตัวถังด้านหน้ายุบ
เมื่อเจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบพบว่า มีผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บถลอกตามร่างกาย 2 คน ทราบชื่อคือ น.ส.ศศิยา ภูมิโภคทรัพย์ อายุ 26 ปี และนางวิไล เย็นเกษม อายุ 57 ปี ถูกเจ้าหน้าที่กู้ภัยนำส่ง รพ.กรุงธนบุรี 1 ให้แพทย์ทำการปฐมพยาบาลก่อนอนุญาตให้กลับบ้านได้อย่างปลอดภัย
สอบสวนนายบุญสม โฮงมาตร อายุ 34 ปี โชเฟอร์รถร่วมบริการซึ่งยืนรอมอบตัวต่อตำรวจ ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุขับรถรับผู้โดยสารประมาณ 20 คนจากทางถนนจรัญสนิทวงศ์ ขึ้นสะพานข้ามคลองบางกอกใหญ่ กำลังมุ่งหน้าไปที่ป้ายรถเมล์หน้าห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ท่าพระ แต่จังหวะที่รถแล่นลงจากสะพานข้ามคลองปรากฏว่าเจอสัญญาณไฟแดงบริเวณแยกรัชดาภิเษกตัดตลาดพลู ตนจึงรีบแตะเบรกแต่ไม่สามารถหยุดรถได้คาดว่าเบรกคงแตกเลยตัดสินใจหักพวงมาลัยเลี้ยวขวาสุดแรงเพื่อไม่ให้ชนท้ายขบวนรถหลายคันที่จอดติดไฟแดงอยู่ด้านหน้า ส่งผลให้รถพุ่งข้ามเกาะกลางชนต้นไม้ ย้อนศรไปชนเสาโทรศัพท์และทรัพย์สินของชาวบ้านจนได้รับความเสียหาย โชคดีที่วันนี้การจราจรไม่คับคั่ง ไม่เช่นนั้นอาจเฉี่ยวชนกับรถชาวบ้านที่แล่นสวนมาในทิศทางกลับกันจนทำให้เกิดความเสียหายหรือบาดเจ็บมากกว่านี้ เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวไปสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาขับรถประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บและมีทรัพย์สินได้รับความเสียหาย ก่อนประสานตัวแทนบริษัทประกันภัย และ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถมาดำเนินการชดใช้ค่าเสียหายและค่ารักษาพยาบาลให้กับผู้ได้รับบาดเจ็บต่อไป