xs
xsm
sm
md
lg

"นักวิชาการแดง"ให้เร่งแก้รธน. รุมยำรัฐประหาร49 ทำประเทศพัง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เมื่อเวลา 13.00 น.วานนี้ (18ก.ย.) ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา มีการจัดสัมมนาในหัวข้อ"รัฐธรรมนูญ 2550 : สิ่งที่ตกค้างจากการทำรัฐประหาร" จัดโดยสถาบันศึกษาการพัฒนาประชาธิปไตย เนี่องในโอกาสครบรอบ 5 ปี การทำรัฐประหาร 19 ก.ย.49
นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหน.พรรคไทยรักไทย กล่าวว่า การแก้รธน.ขั้นตอนแรกจะต้องแก้มาตรา 291 เพื่อให้มีส.ส.ร. จากนั้นให้ทำประชามติ
อย่างไรก็ตาม รธน.นี้จะแก้หรือไม่แก้ มีคนคิดต่างกัน เพราะคิดว่าปัจจุบันนี้บ้านเมืองเข้าที่เข้าทางแล้ว แต่ตนคิดว่าหากไม่แก้ จะวิกฤติมากกว่านี้ จะอาจจะเกิดรัฐประหาร ซึ่งสังคมต้องเลือกเอา
"ถามว่าจะแก้รธน.ไหม สังคมไทยต้องเลือกเอา จะแก้หรือจะรอฉีกรธน. แล้วค่อยไปสู้กัน ซึ่งจะทำอย่างนั้นทำไม ให้สังคมอยู่ดีๆไม่ดีกว่าหรือ ทั้งนี้ การแก้รธน.จะต้องให้มีกระบวนการยกร่าง และทำการแก้ มาตรา 291 จากนั้นจะทำอย่างไรให้เกิดกระบวนการที่ประชาชนเรียนรู้อย่างกว้างขวาง เพื่อให้ประชาธิปไตยมีความเข้มแข็ง อยู่ในตัวมันเอง แต่ผมเชื่อมั่นได้ว่า หากประชาชนเข้าร่วมกันอย่างจริงจัง เราก็จะได้รธน.ที่เป็นประชาธิปไตย" นายจาตุรนต์ กล่าว
ผศ.ดร.สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า การแก้รธน.จะต้องใช้รธน.40 เป็นตัวตั้ง เพราะฉบับปี 50 ค่อนข้างจะตายตัว โดยจะไม่ให้นักการเมืองเฉไฉไปจากที่ฝ่ายอำมาตย์กำหนด จึงเป็นรธน.ที่บิดเบือน ใช้ระบบตุลาการตรวจสอบนักการเมืองมากเกินไป จนละเมิดอำนาจประชาธิปไตย ดังนั้นในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาสะท้อนให้เห็นความพ่ายแพ้ของฝ่ายอำมาตย์ คำตอบง่ายๆ คือ สิ่งที่อำมาตย์จะทำไม่บรรลุผลเลย เพราะความต้องการของอำมาตย์ในตอนนั้น คือต้องการจัดการ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ความล้มเหลวที่สุดคือไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าสิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ทำนั้นทุจริต
" 5 ปีที่ผ่านมา ตุลาการฉิบหายมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา ฝ่ายตุลาการพิสูจน์ตัวเองไม่ได้ว่า ตัวเองทำหน้าที่อย่างยุติธรรม และอีกอย่างที่สะท้อนให้เห็นคือ ปรากฏการณ์ตาสว่างของประชาชน ที่ไม่เอาอำมาตย์มากขึ้นทุกวัน และสุดท้าย ตั้งแต่ 14 ตุลาฯ16 เป็นต้นมา นายกรัฐมนตรี มักจะได้รับความเห็นชอบจากอำมาตย์ แต่หลังปี 49 ปรากฏว่านายกรัฐมนตรีแต่ละคน ล้วนแต่เป็นคนที่ฝ่ายอำมาตย์ไม่ปลื้ม จนต้องล่าถอย" ผศ.ดร.สุธาชัย กล่าว
ด้านรศ.สมชาย ปรีชาศิลปกุล คณะนิติศาสตร์ ม.เชียงใหม่ กล่าวว่า รธน.50 เป็นสิ่งที่มีไว้ล้มล้างระบบเลือกตั้ง ทำให้พรรคการเมืองอ่อนแอ ด้วยการยุบพรรค ทำให้การย้ายพรรคง่ายขึ้น ทำให้พรรคไม่มีความเข้มแข็ง ถูกแทรกแซงได้ง่าย ส่งเสริมให้ ส.ส.มีอิสระ และทำให้ฝ่ายบริหารอ่อนแอลงด้วย
ประการสำคัญคือ เพิ่มอำนาจในการกำกับในฝ่ายควบคุมอย่างอมาตยาธิปไตย ซึ่งจะเห็นได้จากการล้มลงของรัฐบาล 3 ชุดที่ผ่านมา ซึ่งล้วนแล้วมาจากศาลรธน. จึงขอเรียกรธน.50 ว่า รัฐธรรมนูญกึ่งรัฐสภา คือ ยอมรับส.ส.ที่มาจากการเลือกตั้ง แต่ยังมีฝ่ายอำมาตย์ คอยควบคุมดูแลอยู่ ดังนั้นสิ่งที่จะแก้ปัญหาได้ ตนคิดว่าการมีอำนาจของฝ่ายบริหาร หรือรัฐบาลจะต้องมีมากกว่าฝ่ายข้าราชการ เพื่อให้การบริหารประเทศเดินหน้าไปได้อย่างราบรื่น
" ผมคิดว่ามันยังมีกฎหมายที่เพิ่มอำนาจให้ฝ่ายอำมาตย์อยู่เยอะมาก ดังนั้นการมีส่วนรวมของคนทุกฝ่ายมีความสำคัญไม่เฉพาะกลุ่มคนเสื้อแดง แต่รวมไปถึงกลุ่มพลังต่างๆ ดังนั้น เราจะต้องสร้างระบบการเมืองที่จะทำให้ประชาชนมีเสรีภาพ เสมอภาค มีกลไกกระบวนการยุติธรรม ซึ่งระบบแบบนี้จะทำให้เราสามารถเข้าไปสร้างความปลี่ยนแปลงที่ได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย" รศ.สมชาย กล่าว
ขณะที่ ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ คณะกรรมการสถาบันและมูลนิธิปรีดี พนมยงค์ กล่าวว่ารธน. 50 เป็นการรอมชอมกันระหว่างพลังประชาธิปไตยรัฐสภา กับพลังอมาตยธิปไตย จึงเป็นรธน.ฉบับกึ่งรัฐสภากึ่งอมาตยาธิปไตย ภารกิจของขบวนการประชาธิปไตย คือทำให้กฎหมายสูงสุดเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง
หากมีการแก้รธน.แล้วยังมีการฉีกรธน.ที่มาจากประชาชนอีก มวลชนจะออกมาเต็มท้องถนน ดังนั้น หน้าที่ของส.ส.ร. อีกอย่างคือ จะต้องทำหน้าที่ในการปฏิรูปประเทศไทยด้วย และจะต้องปฏิรูปด้วยพลังประชาชน
ดร.อนุสรณ์ กล่าวด้วยว่า ความสงบในบ้านเมืองจะไม่เกิดขึ้น ถ้าไม่ทำความจริงให้ปรากฏ หน่วยงานต่างๆที่ตั้งมาโดยรัฐบาลชุดที่แล้ว เราควรจะต้องเอามารวบรวมข้อเท็จจริงให้หมด ต้องไปหาความจริงจากข้อเท็จจริง เพราะคนเหล่านั้นต้องได้รับความเป็นธรรมมากที่สุด โดยต้องมาดูว่าจะต้องมาเยียวยาวกันอย่างไร ตลอดจนพวกที่โดนคดีทางการเมือง จะต้องคืนความเป็นธรรมให้ทั้งหมด เราจะต้องนิรโทษกรรม แม้จะมีความผิด เนื่องจากเห็นว่าสังคมไทยเป็นสังคมที่ให้อภัยกันได้ เพื่อสังคมจะเดินหน้าไปด้วยกันอย่างสงบสุข จึงจำเป็นต้องอภัยโทษ "จะนิรโทษ หรืออภัยโทษให้ใคร จะต้องดูหลักนิติรัฐ ว่าขัดกันไหม หากขัดย่อมไม่อาจทำได้ เพราะถ้าทำจะเกิดปัญหาขึ้นมา และการจะนิรโทษจะต้องไม่ทำให้บุคคลใด บุคคลหนึ่ง หรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่จะต้องทำให้ทุกคน เพื่อความเสมอภาค ซึ่งบ้านเมืองจะเดินหน้าได้ ส่วนหนึ่งเป็นของประชาชน และอีกส่วนหนึ่งคือชนชั้นนำที่จะต้องเสียสละ" ดร.อนุสรณ์ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น