“ภูมิ”มอบคณะทำงานศึกษาวิธีการระบายข้าว ย้ำขายแบบไหนก็ได้ แต่ต้องไม่ทำให้ข้าวราคาตก แบะท่า เปิดช่องขายข้าวในสต๊อกแบบลับๆ ด้วย
นายภูมิ สาระผล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว วานนี้ (14 ก.ย.) ว่า ที่ประชุมได้มอบหมายให้คณะทำงานที่มีนายมนัส สร้อยพลอย อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เป็นประธาน ไปศึกษาและจัดทำยุทธศาสตร์และแนวทางในการระบายข้าวสารในสต๊อกรัฐบาล ทั้งสต๊อกเก่าที่เหลืออยู่ และสต๊อกใหม่ที่จะได้รับจากโครงการรับจำนำ
โดยมีเป้าหมทั้งนี้ แนวทางในการระบายข้าว ไม่ได้กำหนดว่าจะใช้การระบายรูปแบบใด แต่จะเปิดกว้างทุกรูปแบบ ทั้งการเปิดประมูลเป็นการทั่วไป การให้เสนอราคาเข้ามา การขายในรูปแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล (จีทูจี) และการขายในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า (เอเฟต) รวมไปถึงวิธีการอื่นๆ ที่เห็นว่าเหมาะสม
“ให้คณะทำงานไปกำหนดรูปแบบการระบายมา แต่ผมมีเป้าหมายอย่างเดียว คือ การระบายข้าวต้องไม่ทำให้ข้าวราคาตก ต้องทำให้ข้าวราคาสูงขึ้น ส่วนวิธีการระบาย จะเปิดทั่วไป หรือไม่เปิดเผย ก็ให้ทำได้ หากเห็นว่าเหมาะสมกับช่วงเวลานั้นๆ ส่วนจะระบายข้าวเก่าก่อน หรือระบายข้าวใหม่ด้วย ก็จะพิจารณาตามความเหมาะสม เพราะมีเป้าหมายชัดเลยแล้วว่าจะดูเรื่องราคาเป็นหลัก”นายภูมิกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ข้าวในสต๊อกของรัฐบาลมีเหลืออยู่ประมาณ 2 ล้านตัน ซึ่งเป็นข้าวที่เหลือจากการระบายของรัฐบาลที่แล้ว โดยผู้ส่งออกได้เรียกร้องให้มีการเปิดประมูลข้าวอย่างโป่รงใสและเป็นธรรม อย่าใช้วิธีการเหมือนกับรัฐบาลก่อนที่เน้นการขายให้กับผู้ส่งออกเพียงไม่กี่ราย และเน้นการขายแบบปกปิด และทำกันอย่างลับๆเพราะหากใช้วิธีการระบายแบบลับๆ จะทำให้เกิดการทุจริตเกิดขึ้นได้ และเป็นช่องทางที่ให้นักการเมืองหาประโยชน์จากการขายข้าว
ส่วนการระบายข้าว ด้วยวิธีการเปิดประมูลเป็นการทั่วไป จะทำให้เกิดความโปร่งใส เพราะผู้ส่งออกจะเข้ามายื่นแข่งขันกันประมูลเพื่อให้ได้ข้าว และการยื่นเสนอราคาจะเป็นราคาตลาด ณ ขณะนั้นๆ ไม่มีใครสามารถกดราคาซื้อได้
ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการข้าว (ไรซ์ บอร์ด) ซึ่งประกอบไปด้วยตัวแทนเกษตรกร โรงสี และผู้ส่งออก ได้ประชุมร่วมกันและมีมติที่จะเสนอให้รัฐบาลพิจารณาการระบายข้าวในสต๊อกอย่างโปร่งใส โดยขอให้มีการเปิดประมูลเป็นการทั่วไป ควรเปิดประมูลอย่างสม่ำเสมอ
นายภูมิ สาระผล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว วานนี้ (14 ก.ย.) ว่า ที่ประชุมได้มอบหมายให้คณะทำงานที่มีนายมนัส สร้อยพลอย อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เป็นประธาน ไปศึกษาและจัดทำยุทธศาสตร์และแนวทางในการระบายข้าวสารในสต๊อกรัฐบาล ทั้งสต๊อกเก่าที่เหลืออยู่ และสต๊อกใหม่ที่จะได้รับจากโครงการรับจำนำ
โดยมีเป้าหมทั้งนี้ แนวทางในการระบายข้าว ไม่ได้กำหนดว่าจะใช้การระบายรูปแบบใด แต่จะเปิดกว้างทุกรูปแบบ ทั้งการเปิดประมูลเป็นการทั่วไป การให้เสนอราคาเข้ามา การขายในรูปแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล (จีทูจี) และการขายในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า (เอเฟต) รวมไปถึงวิธีการอื่นๆ ที่เห็นว่าเหมาะสม
“ให้คณะทำงานไปกำหนดรูปแบบการระบายมา แต่ผมมีเป้าหมายอย่างเดียว คือ การระบายข้าวต้องไม่ทำให้ข้าวราคาตก ต้องทำให้ข้าวราคาสูงขึ้น ส่วนวิธีการระบาย จะเปิดทั่วไป หรือไม่เปิดเผย ก็ให้ทำได้ หากเห็นว่าเหมาะสมกับช่วงเวลานั้นๆ ส่วนจะระบายข้าวเก่าก่อน หรือระบายข้าวใหม่ด้วย ก็จะพิจารณาตามความเหมาะสม เพราะมีเป้าหมายชัดเลยแล้วว่าจะดูเรื่องราคาเป็นหลัก”นายภูมิกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ข้าวในสต๊อกของรัฐบาลมีเหลืออยู่ประมาณ 2 ล้านตัน ซึ่งเป็นข้าวที่เหลือจากการระบายของรัฐบาลที่แล้ว โดยผู้ส่งออกได้เรียกร้องให้มีการเปิดประมูลข้าวอย่างโป่รงใสและเป็นธรรม อย่าใช้วิธีการเหมือนกับรัฐบาลก่อนที่เน้นการขายให้กับผู้ส่งออกเพียงไม่กี่ราย และเน้นการขายแบบปกปิด และทำกันอย่างลับๆเพราะหากใช้วิธีการระบายแบบลับๆ จะทำให้เกิดการทุจริตเกิดขึ้นได้ และเป็นช่องทางที่ให้นักการเมืองหาประโยชน์จากการขายข้าว
ส่วนการระบายข้าว ด้วยวิธีการเปิดประมูลเป็นการทั่วไป จะทำให้เกิดความโปร่งใส เพราะผู้ส่งออกจะเข้ามายื่นแข่งขันกันประมูลเพื่อให้ได้ข้าว และการยื่นเสนอราคาจะเป็นราคาตลาด ณ ขณะนั้นๆ ไม่มีใครสามารถกดราคาซื้อได้
ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการข้าว (ไรซ์ บอร์ด) ซึ่งประกอบไปด้วยตัวแทนเกษตรกร โรงสี และผู้ส่งออก ได้ประชุมร่วมกันและมีมติที่จะเสนอให้รัฐบาลพิจารณาการระบายข้าวในสต๊อกอย่างโปร่งใส โดยขอให้มีการเปิดประมูลเป็นการทั่วไป ควรเปิดประมูลอย่างสม่ำเสมอ