ASTVผู้จัดการรายวัน - ยูนิคไมนิ่งฯยันปริมาณการขายถ่านหินไม่กระทบหลังถูกสั่งระงับใช้คลังที่สมุทรสาคร เหตุย้ายไปใช้ฐานผลิตที่อยุธยาแทน มั่นใจสิ้นปีนี้มีรายได้กว่า 3 พันล้านบาท ลุ้นกลางเดือนต.ค.ปัญหาการถูกระงับประกอบกิจการถ่านหินในสมุทรสาครคลี่คลาย
แหล่งข่าวจากบริษัท ยูนิคไมนิ่ง เซอร์วิสเซส จำกัด (มหาชน)(UMS) เปิดเผยผลกระทบจากการหยุดประกอบกิจการโรงงานและคลังถ่านหินที่ อ.สวนส้ม จ.สมุทรสาครเป็นการชั่วคราว ตามคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดและศาลปกครองที่มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมาว่า บริษัทฯได้รับผลกระทบค่อนข้างน้อยเนื่องจากได้ย้ายการผลิตไปยังคลังที่นครหลวง จ.อยุธยาแทน ทำให้ยอดขายถ่านหินใกล้เคียงเดิม 1.3 แสนตัน/เดือน เนื่องจากที่ผ่านมาคลังที่นครหลวงใช้กำลังการผลิตไม่ถึง 50 %แต่หลังจากย้ายคลังสวนส้มมายังคลังนครหลวงทำให้มีการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 80-90% แต่ยอมรับว่า มีลูกค้าบางรายในพื้นที่จ.สมุทรสาครจะหันไปสั่งซื้อถ่านหินของคู่แข่งที่มีต้นทุนถูกกว่า
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้บริษัทฯคาดว่าจะมีรายได้จากการขายถ่านหินกว่า 3 พันล้านบาท เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยงวด 9 เดือนแรกของปี 2554 บริษัทฯมีรายได้รวม 2.4 พันล้านบาท ขณะที่ราคาถ่านหินในปีนี้เฉลี่ยตันละ 3 พันบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนเล็กน้อย 100-200 บาท/ตัน เนื่องจากสภาพการแข่งขันธุรกิจถ่านหินในประเทศที่รุนแรง ส่วนปีหน้าคาดว่าอุตสาหกรรมถ่านหินในประเทศไทยจะเติบโต 6-7%หากเศรษฐกิจไทยเติบโต 4-5 %
แหล่งข่าวกล่าวต่อไปว่า ขณะนี้หน่วยงานราชการอยู่ระหว่างการพิสูจน์ด้านสิ่งแวดล้อม ล่าสุด ทางกรมโรงงานอุตสาหกรรมได้เข้ามาเก็บตัวอย่างดิน เพื่อนำไปวิเคราะห์ตรวจสอบการปนเปื้อนถ่านหิน คาดว่าคดีดังกล่าวจะมีความชัดเจนในกลางเดือนตุลาคมนี้
แหล่งข่าวจากบริษัท ยูนิคไมนิ่ง เซอร์วิสเซส จำกัด (มหาชน)(UMS) เปิดเผยผลกระทบจากการหยุดประกอบกิจการโรงงานและคลังถ่านหินที่ อ.สวนส้ม จ.สมุทรสาครเป็นการชั่วคราว ตามคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดและศาลปกครองที่มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมาว่า บริษัทฯได้รับผลกระทบค่อนข้างน้อยเนื่องจากได้ย้ายการผลิตไปยังคลังที่นครหลวง จ.อยุธยาแทน ทำให้ยอดขายถ่านหินใกล้เคียงเดิม 1.3 แสนตัน/เดือน เนื่องจากที่ผ่านมาคลังที่นครหลวงใช้กำลังการผลิตไม่ถึง 50 %แต่หลังจากย้ายคลังสวนส้มมายังคลังนครหลวงทำให้มีการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 80-90% แต่ยอมรับว่า มีลูกค้าบางรายในพื้นที่จ.สมุทรสาครจะหันไปสั่งซื้อถ่านหินของคู่แข่งที่มีต้นทุนถูกกว่า
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้บริษัทฯคาดว่าจะมีรายได้จากการขายถ่านหินกว่า 3 พันล้านบาท เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยงวด 9 เดือนแรกของปี 2554 บริษัทฯมีรายได้รวม 2.4 พันล้านบาท ขณะที่ราคาถ่านหินในปีนี้เฉลี่ยตันละ 3 พันบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนเล็กน้อย 100-200 บาท/ตัน เนื่องจากสภาพการแข่งขันธุรกิจถ่านหินในประเทศที่รุนแรง ส่วนปีหน้าคาดว่าอุตสาหกรรมถ่านหินในประเทศไทยจะเติบโต 6-7%หากเศรษฐกิจไทยเติบโต 4-5 %
แหล่งข่าวกล่าวต่อไปว่า ขณะนี้หน่วยงานราชการอยู่ระหว่างการพิสูจน์ด้านสิ่งแวดล้อม ล่าสุด ทางกรมโรงงานอุตสาหกรรมได้เข้ามาเก็บตัวอย่างดิน เพื่อนำไปวิเคราะห์ตรวจสอบการปนเปื้อนถ่านหิน คาดว่าคดีดังกล่าวจะมีความชัดเจนในกลางเดือนตุลาคมนี้
