เอส แอนด์ พี ย้ำเดินหน้าลุยตลาดต่างประเทศ พร้อมปักธงบุกจีน วางเป้า 5 ปี “เอส แอนด์ พี โกลบอล” รายได้แตะ 2,000 ล้านบาท คิดเป็น 50% ของรายได้รวม ล่าสุดเปิดตัวแบรนด์ร้านอาหารน้องใหม่ “SUDA” จับกลุ่มยังเทรนดี้ที่อังกฤษ
นายประเวศวุฒิ ไรวา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจร้านอาหาร เบเกอรี่ และเครื่องดื่ม ภายใต้แบรนด์ "เอส แอนด์ พี" (S&P) เปิดเผยว่า นโยบายบริษัทนับจากนี้ จะมุ่งขยายธุรกิจไปต่างประเทศมากขึ้น สร้างความเป็นโกลบอลแบรนด์ ภายใต้บริษัทในเครือ คือ บริษัท เอส แอนด์ พี โกลบอล จำกัดที่ดูแลธุรกิจร้านอาหารไทยในต่างประเทศ ทั้งนี้วางเป้าหมายว่า นับตั้งแต่ปี2553-2558 จะต้องมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 12% ทุกปี หรือในอีก 5 ปีข้างหน้าจะมีรายได้ที่ 2,000 ล้านบาท คิดเป็น 50% ของรายได้รวมบริษัททั้งหมด
ทั้งนี้ตามแผนการลงทุน ต่อปีจะขยายร้านอาหารปีละ 1 สาขาเท่านั้น ใน 7-8 ประเทศหลักที่มีศักยภาพในการดำเนินธุรกิจอยู่แล้ว ภายใต้แบรนด์ร้านอาหารปัจจุบันที่มีอยู่ 7 แบรนด์ รวม 21 สาขา คือ Patara, THI-PATIO, THAI, Siam Kitchen, Bangkok Jam และแบรนด์น้องใหม่ คือ SUDA ซึ่งหลังจากนี้จะโฟกัสทั้งประเทศในยุโรปและเอเชียเท่าๆกัน โดยเฉพาะในอังกฤษ และจีน ขณะที่การลงทุนทางฝั่งยุโรปนั้นจะสูงกว่าเอเชียต่อสาขาจะอยู่ที่ 70-80 ล้านบาท ส่วนในเอเชียลงทุนที่ 20 ล้านบาท
สำหรับการบุกตลาดที่ประเทศจีนนั้น เบื้องต้นในเดือนส.ค.ที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดสำนักงานตัวแทนขึ้น ที่ ปักกิ่ง ถือเป็นการเริ่มต้นในการุกตลาดจีนที่ดี ในแง่ของการแนะนำธุรกิจ และการหาคอนเน็กชั่น รวมถึงพาร์ทเนอร์ ทั้งนี้เพื่อต้องการผลักดันใน 3 กลุ่มธุรกิจ คือ 1.ร้านอาหาร 2.เทรดดิ้ง กลุ่ม อาหารแช่แข็งภายใต้แบรนด์เอส แอนด์ พีและ3.ร้านอาหารในรูปแบบฟาสท์ฟู้ด เช่นเดียวกับ ร้าน เอส แอนด์ พี ซึ่งอาจจะสร้างแบรนด์ใหม่ขึ้นมา
ด้านนางเกษสุดา ไรวา ผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอส แอนด์ พี โกลบอล จำกัด กล่าวเสริมว่า ในส่วนของเอส แอนด์ พี โกลบอล ปีนี้ได้เปิดตัวแบรนด์น้องใหม่อีก 1 แบรนด์ คือ SUDA Siamese rice bar ณ กลุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ รองรับกลุ่มเป้าหมายยังเทรนดดี้ บริการอาหารไทยร่วมสมัย รองรับลูกค้าได้ถึง 117 ที่นั่ง เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 13 ต.ค.นี้เป็นต้นไป ขณะที่ในประเทศจีน ปีที่ผ่านมา ได้เปิดร้าน Patara 1 แห่งที่ปักกิ่ง ปีก่อนรายได้ยังไม่ดี แต่ปีนี้พบว่าการเติบโตเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ทั้งนี้เชื่อมั่นว่า ภายในสิ้นปี2554 เอส แอนด์ พี โกลบอล จะมีการเติบโตขึ้นราว 12% จากรายได้ในปีก่อนที่ทำได้ 700 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนรายได้ที่ 18% เมื่อเทียบกับรายได้รวม เอส แอนด์ พี ซินดิเคท ทั้งหมด
นายประเวศวุฒิ ไรวา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจร้านอาหาร เบเกอรี่ และเครื่องดื่ม ภายใต้แบรนด์ "เอส แอนด์ พี" (S&P) เปิดเผยว่า นโยบายบริษัทนับจากนี้ จะมุ่งขยายธุรกิจไปต่างประเทศมากขึ้น สร้างความเป็นโกลบอลแบรนด์ ภายใต้บริษัทในเครือ คือ บริษัท เอส แอนด์ พี โกลบอล จำกัดที่ดูแลธุรกิจร้านอาหารไทยในต่างประเทศ ทั้งนี้วางเป้าหมายว่า นับตั้งแต่ปี2553-2558 จะต้องมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 12% ทุกปี หรือในอีก 5 ปีข้างหน้าจะมีรายได้ที่ 2,000 ล้านบาท คิดเป็น 50% ของรายได้รวมบริษัททั้งหมด
ทั้งนี้ตามแผนการลงทุน ต่อปีจะขยายร้านอาหารปีละ 1 สาขาเท่านั้น ใน 7-8 ประเทศหลักที่มีศักยภาพในการดำเนินธุรกิจอยู่แล้ว ภายใต้แบรนด์ร้านอาหารปัจจุบันที่มีอยู่ 7 แบรนด์ รวม 21 สาขา คือ Patara, THI-PATIO, THAI, Siam Kitchen, Bangkok Jam และแบรนด์น้องใหม่ คือ SUDA ซึ่งหลังจากนี้จะโฟกัสทั้งประเทศในยุโรปและเอเชียเท่าๆกัน โดยเฉพาะในอังกฤษ และจีน ขณะที่การลงทุนทางฝั่งยุโรปนั้นจะสูงกว่าเอเชียต่อสาขาจะอยู่ที่ 70-80 ล้านบาท ส่วนในเอเชียลงทุนที่ 20 ล้านบาท
สำหรับการบุกตลาดที่ประเทศจีนนั้น เบื้องต้นในเดือนส.ค.ที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดสำนักงานตัวแทนขึ้น ที่ ปักกิ่ง ถือเป็นการเริ่มต้นในการุกตลาดจีนที่ดี ในแง่ของการแนะนำธุรกิจ และการหาคอนเน็กชั่น รวมถึงพาร์ทเนอร์ ทั้งนี้เพื่อต้องการผลักดันใน 3 กลุ่มธุรกิจ คือ 1.ร้านอาหาร 2.เทรดดิ้ง กลุ่ม อาหารแช่แข็งภายใต้แบรนด์เอส แอนด์ พีและ3.ร้านอาหารในรูปแบบฟาสท์ฟู้ด เช่นเดียวกับ ร้าน เอส แอนด์ พี ซึ่งอาจจะสร้างแบรนด์ใหม่ขึ้นมา
ด้านนางเกษสุดา ไรวา ผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอส แอนด์ พี โกลบอล จำกัด กล่าวเสริมว่า ในส่วนของเอส แอนด์ พี โกลบอล ปีนี้ได้เปิดตัวแบรนด์น้องใหม่อีก 1 แบรนด์ คือ SUDA Siamese rice bar ณ กลุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ รองรับกลุ่มเป้าหมายยังเทรนดดี้ บริการอาหารไทยร่วมสมัย รองรับลูกค้าได้ถึง 117 ที่นั่ง เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 13 ต.ค.นี้เป็นต้นไป ขณะที่ในประเทศจีน ปีที่ผ่านมา ได้เปิดร้าน Patara 1 แห่งที่ปักกิ่ง ปีก่อนรายได้ยังไม่ดี แต่ปีนี้พบว่าการเติบโตเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ทั้งนี้เชื่อมั่นว่า ภายในสิ้นปี2554 เอส แอนด์ พี โกลบอล จะมีการเติบโตขึ้นราว 12% จากรายได้ในปีก่อนที่ทำได้ 700 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนรายได้ที่ 18% เมื่อเทียบกับรายได้รวม เอส แอนด์ พี ซินดิเคท ทั้งหมด