ASTVผู้จัดการรายวัน – “ส.ขอนแก่น” รุกธุรกิจกลุ่มร้านอาหาร ปั้น “ร้านแซ่บ” ลุยตลาดอาหารไทยอีสาน พร้อมซุ่ม “ร้านข้าวแกงก๋วยเตี๋ยว” เจาะรากหญ้า ลั่นขยายต่างประเทศผ่านเครือข่ายคู่ค้าเล็งโปแลนด์ด่านแรก ปลายปีจ่อรุกตลาดเครื่องดื่มปั้นแบรนด์ เอสพี ลุย
นายเจริญ รุจิราโสภณ ประธาน บริษัท ส.ขอนแก่นฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯมีแผนจะรุกตลาดธุรกิจร้านอาหาร เพื่อขยายฐานจากเดิม มี 1.สินค้าแปรรูปเช่นหมูหยอง กุนเชียง สัดส่วนรายได้ 60% 2.กลุ่มลูกชิ้นปลาหลายแบรนด์เช่น กวางเจา เกาลูน แต้จิ๋ว สัดส่วนรายได้ 23% 3.สแน็ก แบรนด์ อองเทร่ รายได้ 7% อาหารแช่แข็ง ผลิตให้กลุ่มต่างๆรายได้ 10%
โดยล่าสุดเปิดร้านอาหารไทยอีสานชื่อ “ร้านแซ่บ “จับตลาดระดับกลางขึ้นบน อาหารเช่น ส้มตำ ลาบ เปิดแล้ว 3 สาขา ที่บางพลี พหลโยธินเพลซ และล่าสุดที่ซีคอนสแควร์ ตั้งเป้าหมายเปิดครบ 12 สาขาในปีหน้า ซึ่งคาดว่าต้องใช้งบ 150 ล้านบาท และใน 5 ปี จะมี 200 สาขา ลงทุนสาขาละ 5 ล้านบาท และปีหน้ามีแผนขายแฟรนไชส์รวมทั้งการทำดีลิเวอรี่และเคเธอริ่งหรือรับจัดเลี้ยงด้วย ส่วนอีกแบรนด์จะเป็นร้านก๋วยเตี่ยวและข้าวแกงราคาต่ำ เพื่อจับกลุ่มรากหญ้าซึ่งอยู่ระหว่างการเตรียมการว่าจะทำเองหรือร่วมทุน
ทั้งสองแบรนด์มีแผนที่จะขยายตัวไปต่างประเทศด้วย เนื่องจากมีเครือข่ายอยู่แล้วรวมทั้งมีฐานผลิตที่ต่างประเทศที่โปแลนด์ตั้งมาแล้ว 3 ปี คาดว่าจะเริ่มเป็นประเทศแรก
บริษัทฯสามารถขยายธุกริจและทำตลาดได้โดยเฉพาะราคาต่ำ เนื่องจกากช้ใกลยุทธ์ ฟาร์มทูเทเบิ่ล คือจะใช้วัตถุดิบที่ผลิตเองเป็นหลักเพื่อลดต้นทุน เช่น เลี้ยงหมูเอง 30% แต่ซื้ออีก 70% โดยรวมแล้วใชัวัตถุดิบเองมากกว่า 60%
นอกจากนั้นยังมีแผนที่จะรุกตลาดเครื่อ่งดื่มชื่อแบรนด์ เอสพี หลังจากที่เคยทำมาเมื่อ10กว่าปีแล้วแต่เลิกไปเนื่องจากเป็นช่วงที่ยังไม่เหมาะสม เบื้องต้นจะทำเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ เช่น น้ำเฉาก๊วย ใช้โรงงานเอสโปรดิวซ์ ที่มหาสารคาม คาดเร่มิทำตลดาสดปลายปีนี้ รวมทั้งการขยายไลน์ทำธุรกิจขนมหวานแช่แข็ง อาหารกล่องแช่แข็ง แบรนด์เอสพีด้วย ซึ่งก่อนนี้เพียงแต่ผลิตส่งให้กับร้านอาหารไม่ได้สร้างแบรนด์แต่อย่างใด และได้ลดการผลิตแบบโออีเอ็มเพื่อผันมาสร้างแบรนด์มากขึ้น
ส่วนต่างประเทศนั้น ได้เซ็นเอ็มโอยูกับทางกลุ่มบริษัท KEELLS ของศรีลังกา ซึ่งเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ มีธุรกิจหลากหลายเช่น อาหาร โรงแรม ประกันภัย เครื่องดื่มเป๊ปซี่ เป็นต้น มีรายได้ต่อปี 240,000 ล้านบาท เพื่อร่วมมือกันโดยเฟสแรกเริ่มแล้วคือ เราผลิตสินค้าแล้วส่งให้ทางศรีลังกาจำหน่าย ส่วนเฟสที่สองจะตั้งโรงงานที่ศรีลังกาเพื่อผลิตอาหารกล่องรุกตลาดอินเดียโดยแฉพาะ
นาเจริญ กล่าวว่า บริษัทฯต้งเป้ารายได้เพิ่มเป็น 5,000 ล้านบาทภายใน 5 ปีจากนี้ ขณะที่ปีนี้คาดว่ารายได้ประมาณ 2,000 ล้านบาท เติบโต 10-15% สัดส่วนรายได้มาจากในประเทศ 87% และส่งออก 13% (อเมริกา 40% ยุโรป 30% เอเชีย 30% )
นายเจริญ รุจิราโสภณ ประธาน บริษัท ส.ขอนแก่นฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯมีแผนจะรุกตลาดธุรกิจร้านอาหาร เพื่อขยายฐานจากเดิม มี 1.สินค้าแปรรูปเช่นหมูหยอง กุนเชียง สัดส่วนรายได้ 60% 2.กลุ่มลูกชิ้นปลาหลายแบรนด์เช่น กวางเจา เกาลูน แต้จิ๋ว สัดส่วนรายได้ 23% 3.สแน็ก แบรนด์ อองเทร่ รายได้ 7% อาหารแช่แข็ง ผลิตให้กลุ่มต่างๆรายได้ 10%
โดยล่าสุดเปิดร้านอาหารไทยอีสานชื่อ “ร้านแซ่บ “จับตลาดระดับกลางขึ้นบน อาหารเช่น ส้มตำ ลาบ เปิดแล้ว 3 สาขา ที่บางพลี พหลโยธินเพลซ และล่าสุดที่ซีคอนสแควร์ ตั้งเป้าหมายเปิดครบ 12 สาขาในปีหน้า ซึ่งคาดว่าต้องใช้งบ 150 ล้านบาท และใน 5 ปี จะมี 200 สาขา ลงทุนสาขาละ 5 ล้านบาท และปีหน้ามีแผนขายแฟรนไชส์รวมทั้งการทำดีลิเวอรี่และเคเธอริ่งหรือรับจัดเลี้ยงด้วย ส่วนอีกแบรนด์จะเป็นร้านก๋วยเตี่ยวและข้าวแกงราคาต่ำ เพื่อจับกลุ่มรากหญ้าซึ่งอยู่ระหว่างการเตรียมการว่าจะทำเองหรือร่วมทุน
ทั้งสองแบรนด์มีแผนที่จะขยายตัวไปต่างประเทศด้วย เนื่องจากมีเครือข่ายอยู่แล้วรวมทั้งมีฐานผลิตที่ต่างประเทศที่โปแลนด์ตั้งมาแล้ว 3 ปี คาดว่าจะเริ่มเป็นประเทศแรก
บริษัทฯสามารถขยายธุกริจและทำตลาดได้โดยเฉพาะราคาต่ำ เนื่องจกากช้ใกลยุทธ์ ฟาร์มทูเทเบิ่ล คือจะใช้วัตถุดิบที่ผลิตเองเป็นหลักเพื่อลดต้นทุน เช่น เลี้ยงหมูเอง 30% แต่ซื้ออีก 70% โดยรวมแล้วใชัวัตถุดิบเองมากกว่า 60%
นอกจากนั้นยังมีแผนที่จะรุกตลาดเครื่อ่งดื่มชื่อแบรนด์ เอสพี หลังจากที่เคยทำมาเมื่อ10กว่าปีแล้วแต่เลิกไปเนื่องจากเป็นช่วงที่ยังไม่เหมาะสม เบื้องต้นจะทำเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ เช่น น้ำเฉาก๊วย ใช้โรงงานเอสโปรดิวซ์ ที่มหาสารคาม คาดเร่มิทำตลดาสดปลายปีนี้ รวมทั้งการขยายไลน์ทำธุรกิจขนมหวานแช่แข็ง อาหารกล่องแช่แข็ง แบรนด์เอสพีด้วย ซึ่งก่อนนี้เพียงแต่ผลิตส่งให้กับร้านอาหารไม่ได้สร้างแบรนด์แต่อย่างใด และได้ลดการผลิตแบบโออีเอ็มเพื่อผันมาสร้างแบรนด์มากขึ้น
ส่วนต่างประเทศนั้น ได้เซ็นเอ็มโอยูกับทางกลุ่มบริษัท KEELLS ของศรีลังกา ซึ่งเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ มีธุรกิจหลากหลายเช่น อาหาร โรงแรม ประกันภัย เครื่องดื่มเป๊ปซี่ เป็นต้น มีรายได้ต่อปี 240,000 ล้านบาท เพื่อร่วมมือกันโดยเฟสแรกเริ่มแล้วคือ เราผลิตสินค้าแล้วส่งให้ทางศรีลังกาจำหน่าย ส่วนเฟสที่สองจะตั้งโรงงานที่ศรีลังกาเพื่อผลิตอาหารกล่องรุกตลาดอินเดียโดยแฉพาะ
นาเจริญ กล่าวว่า บริษัทฯต้งเป้ารายได้เพิ่มเป็น 5,000 ล้านบาทภายใน 5 ปีจากนี้ ขณะที่ปีนี้คาดว่ารายได้ประมาณ 2,000 ล้านบาท เติบโต 10-15% สัดส่วนรายได้มาจากในประเทศ 87% และส่งออก 13% (อเมริกา 40% ยุโรป 30% เอเชีย 30% )