ที่อาคารรัฐสภา วานนี้ (12 ก.ย) พล.อ.ธีรเดช มีเพียร ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม มีการพิจารณาญัตติเรื่องที่ค้างอยู่ เรื่องการตั้งคณะกรรมการวิสามัญเพื่อศึกษาและสอบสวนเหตุการณ์กรณีที่รัฐบาลขอคืนพื้นที่บริเวณ ถนนราชดำเนิน จนเป็นเหตุให้มีการเสียชีวิตและบาดเจ็บของประชาชนจำนวนมาก เมื่อวันที่ 10 เม.ย.53 ซึ่งนายวิชาญ ศิรัชัยเอกวัฒน์ ส.ว.สรรหา เป็นผู้เสนอนั้น
นายจิตติพจน์ วิริยะโรจน์ ส.ว. ศรีษะเกษ กล่าวว่า ควรให้มีการตรวจสอบค้นหาความเป็นจริงอย่างเป็นกลางโดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อเยียวยาและแก้ไขแผลที่อยู่ในใจประชาชน สร้างความเป็นธรรมให้กับทุกฝ่าย ก็จะนำไปสู่การเข้าใจกันและให้อภัยกันในที่สุด ซึ่งน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่จะช่วยให้ประเทศกลับสู่ความปรองดองและเป็นปกติสุขได้ จึงอยากเสนอญัตติขอให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญชุดนี้
นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยการตั้งกรรมาธิการชุดนี้ขึ้นมา เพราะมีความซ้ำซ้อนกันกับคณะกรรมการหลายชุด พร้อมตั้งข้อสังเกตถึงเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นมาจากกลุ่มคนที่พยายามสร้างสถานการณ์ ทั้งการเผาศาลากลาง การเผารถเมล์ การล้มการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่พัทยา และชายชุดดำที่มีการทำร้ายเจ้าหน้าที่ ซึ่งมีขบวนการเคลื่อนไหวอย่างเป็นขั้นตอน อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวเห็นว่าหากจะมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงก็ควรจะตรวจสอบกันอย่างจริงจังในทุกเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น ทั้งนี้นายสมชายได้เสนอให้มีการถอนญัตติออกไป เพราะเชื่อว่ากรรมาธิการชุดนี้จะเป็นเครื่องมือของรัฐบาล
ด้านวิชาญ ศิริชัยเอกวัฒน์ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า การเสนอตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ มีเหตุผล 3 ประการ 1.ต้องการสอบสวนสืบสวนข้อเท็จจริงในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้ง 2 กรณี 2.ในการหาข้อเท็จจริงมีกระบวนการในการดำเนินการของรัฐทั้ง 2 กรณี ดำเนินไปสอดคล้องกฎหมายหรือไม่ 3.เพื่อป้องกันมิให้ปัญหาที่เหมือนกันเกิดขึ้นอีกในอนาคต และดูวิธีการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นอีก จึงอยากให้สมาชิกใจกว้าง เปิดใจ เพราะที่ผ่านมาเรามีข้อจำกัด เช่นการเชิญนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี (ในขณะนั้น) ก็ไม่มา เราก็ไม่มีสิทธิ์ บังคับ แต่ถ้าเป็นกรรมาธิการมีกฎหมายรองรับ และสามารถขอข้อเท็จจริงจากหน่วยงานต่างๆได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในญัตตินี้ ส.ว.ได้อภิปรายกันอย่างกว้างขวาง ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย จากนั้นประธานในที่ประชุมได้ปิดการอภิปรายและได้ให้มีการลงมติ โดยตรวจสอบองค์ประชุม มีสมาชิกจำนวน 89 คน มีมติเห็นด้วย 32 ไม่เห็นด้วย 46 งดออกเสียง 8 ไม่ลงคะแนน 1
นายจิตติพจน์ วิริยะโรจน์ ส.ว. ศรีษะเกษ กล่าวว่า ควรให้มีการตรวจสอบค้นหาความเป็นจริงอย่างเป็นกลางโดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อเยียวยาและแก้ไขแผลที่อยู่ในใจประชาชน สร้างความเป็นธรรมให้กับทุกฝ่าย ก็จะนำไปสู่การเข้าใจกันและให้อภัยกันในที่สุด ซึ่งน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่จะช่วยให้ประเทศกลับสู่ความปรองดองและเป็นปกติสุขได้ จึงอยากเสนอญัตติขอให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญชุดนี้
นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยการตั้งกรรมาธิการชุดนี้ขึ้นมา เพราะมีความซ้ำซ้อนกันกับคณะกรรมการหลายชุด พร้อมตั้งข้อสังเกตถึงเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นมาจากกลุ่มคนที่พยายามสร้างสถานการณ์ ทั้งการเผาศาลากลาง การเผารถเมล์ การล้มการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่พัทยา และชายชุดดำที่มีการทำร้ายเจ้าหน้าที่ ซึ่งมีขบวนการเคลื่อนไหวอย่างเป็นขั้นตอน อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวเห็นว่าหากจะมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงก็ควรจะตรวจสอบกันอย่างจริงจังในทุกเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น ทั้งนี้นายสมชายได้เสนอให้มีการถอนญัตติออกไป เพราะเชื่อว่ากรรมาธิการชุดนี้จะเป็นเครื่องมือของรัฐบาล
ด้านวิชาญ ศิริชัยเอกวัฒน์ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า การเสนอตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ มีเหตุผล 3 ประการ 1.ต้องการสอบสวนสืบสวนข้อเท็จจริงในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้ง 2 กรณี 2.ในการหาข้อเท็จจริงมีกระบวนการในการดำเนินการของรัฐทั้ง 2 กรณี ดำเนินไปสอดคล้องกฎหมายหรือไม่ 3.เพื่อป้องกันมิให้ปัญหาที่เหมือนกันเกิดขึ้นอีกในอนาคต และดูวิธีการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นอีก จึงอยากให้สมาชิกใจกว้าง เปิดใจ เพราะที่ผ่านมาเรามีข้อจำกัด เช่นการเชิญนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี (ในขณะนั้น) ก็ไม่มา เราก็ไม่มีสิทธิ์ บังคับ แต่ถ้าเป็นกรรมาธิการมีกฎหมายรองรับ และสามารถขอข้อเท็จจริงจากหน่วยงานต่างๆได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในญัตตินี้ ส.ว.ได้อภิปรายกันอย่างกว้างขวาง ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย จากนั้นประธานในที่ประชุมได้ปิดการอภิปรายและได้ให้มีการลงมติ โดยตรวจสอบองค์ประชุม มีสมาชิกจำนวน 89 คน มีมติเห็นด้วย 32 ไม่เห็นด้วย 46 งดออกเสียง 8 ไม่ลงคะแนน 1
