ASTVผู้จัดการออนไลน์ - นายกรัฐมนตรีกัมพูชาฮุนเซนได้ขอร้องให้ทางการสหรัฐฯ กับออสเตรเลีย ช่วยพิสูจน์ซากชิ้นส่วนของยานลึกลับที่เกิดระเบิดในท้องฟ้าเหนือ จ.พระวิหาร เมื่อต้นสัปดาห์นี้ โดยกล่าวว่าหากปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น กลุ่มก่อการร้ายระหว่างประเทศก็อาจจะนำไปใช้เป็นเครื่องมือปฏิบัติการได้
ผู้นำกัมพูชายังกล่าวว่า ไม่ได้กล่าวหาทหารไทยว่าเป็นผู้ส่งยานลึกลับดังกล่าวเพื่อปฏิบัติการมิดีมิร้ายในพื้นที่ และเกิดระเบิดขึ้นมา
“เรายังไม่ได้กล่าวหาว่าทหารไทยได้ใช้ยานที่ไม่มีคนขับโดยมุ่งที่จะทำการก่อการร้ายในพื้นที่แห่งนั้น” ศูนย์ข่าวดืมอัมปึลในกรุงพนมเปญรายงานอ้างคำพูดของผู้นำ
นอกจากเศษซากโลหะที่เข้าใจว่าจะเป็นชิ้นส่วนของอากาศยานลึกลับดังกล่าวแล้ว เจ้าหน้าที่กัมพูชายังค้นพบ “กล่องดำ” ของยานลำดังกล่าวอีกด้วย แต่ไม่สามารถถอดข้อมูลต่างๆ ได้ ผู้นำกัมพูชาให้สัมภาษณ์เรื่องนี้หลังการทำพิธีที่กระทรวงภายใน วันพฤหัสบดี 18 ส.ค.ที่ผ่านมา ดืมอัมปึลรายงาน
“ครั้งนี้อาจเป็นการทดลองของกลุ่มก่อการร้ายกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งก็ได้” ฮุนเซนกล่าว
“ดังนั้นเราจึงต้องการความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ และออสเตรเลียเพื่อวิเคราะห์เครื่องบินลำนี้ กัมพูชาพบกล่องดำของเครื่องบินลำนี้ด้วย แต่เราไม่สามารถถอดข้อมูลออกจากกล่องได้” และ “ครั้งต่อไปกลุ่มก่อการร้ายก็จะกระทำการแบบนี้ได้ในทุกๆ ที่” ฮุนเซนกล่าว
ผู้นำกัมพูชากลุ่มถึงการขอความความช่วยเหลือจากออสเตรเลีย ขณะที่ นายนิก วอร์เนอร์ (Nick Warner) ผู้อำนวยการใหญ่สำนักข่าวกรองแห่งชาติออสเตรเลียไปเยือนกรุงพนมเปญในสัปดาห์นี้ และได้เข้าเยี่ยมคำนับนายฮอร์ นัมฮง รัฐมนตรีต่างประเทศในวันพุธ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา ทั้งนี้เป็นรายงานของสำนักข่าวกัมพูชา
ปัจจุบันสำนักงานสอบสวนสืบสวนกลางสหรัฐฯ หรือเอฟบีไอ มีสำนักงานอยู่ในกรุงพนมเปญด้วย แต่สื่อในกัมพูชาไม่ได้กล่าวถึงว่ามีการขอความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ ในเรื่องดังกล่าวโดยผ่านช่องทางใด
ตามรายงานของวิทยุเอเชียเสรี (Radio Free Asia) ภาคภาษาเขมร ได้เกิดเสียงระเบิดขึ้นในท้องฟ้าเหนือ อ.กุเลน จ.พระวิหาร ถึง 3 ครั้งในตอนเช้าตรู่วันอังคาร และมีเศษชิ้นโลหะหล่นลงกระจายเป็นระยะทางราว 40 กม. เจ้าหน้าที่ในท้องถิ่นได้ออกสำรวจและตามเก็บรวบรวมได้หลายชิ้น
ถึงแม้ว่าท้องที่เกิดเหตุจะอยู่ลึกจากชายแดนไทยเข้าไป แต่เหตุการณ์ดังกล่าวได้สร้างความแตกตื่นให้กับผู้คนในพื้นที่ สถานีวิทยุแห่งเดียวกันรายงานในภาคภาษาเขมร.