xs
xsm
sm
md
lg

ปชต.เหมือนกฎแห่งกรรม เลือกผู้แทนโกงชาติล่มจม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - "กกต.วิสุทธิ์" ชี้การปกครองในระบอบประชาธิปไตย เหมือนกฎแห่งกรรม เลือกตัวแทนอย่างไร ประเทศเป็นอย่างนั้น แนะสร้างรากฐานประชาธิปไตยชุมชน ช่วยลดปัญหาการซื้อสิทธิ-ขายเสียง ด้านภาคีเครือข่ายเสนอ กกต.-พรรคการเมือง-รัฐบาล พร้อมขับเคลื่อน ไปสู่การเมืองสีขาว

เมื่อเวลา 14.00 น. วานนี้ (11 ก.ย. ) ที่โรงแรมโนโวเทล อิมแพค เมืองทองธานี กรุงเทพฯ นายวิสุทธิ์ โพธิแท่น กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการการมีส่วนร่วม ได้เป็นประธานในพิธีปิดโครงการประชาธิปไตยชุมชน เพื่อการเมืองสมานฉันท์ พร้อมทั้งบรรยายพิเศษ เรื่อง บทบาทกกต.กับการส่งเสริมการมีส่วนร่วมทางการเมืองภาคประชาชน ให้แก่แกนนำชุมชน ชุมชนต้นแบบ และปราชญ์ชาวบ้านจาก 77 จังหวัดทั่วประเทศ

นายวิสุทธิ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า การขับเคลื่อนประชาธิปไตยชุมชน ซึ่งเป็นรากฐานประชาธิปไตย ที่เริ่มต้นจากพลังของสมาชิกที่อยู่ในชุมชนที่เชื่อว่า การเข้าสู่อำนาจทางการเมืองของนักการเมืองในระบบตัวแทนของบ้านเรานั้นมีพัฒนาการเป็นไปในทางที่พึงประสงค์ และตอบสนองความเดือดร้อนและให้ความสำคัญกับการทำหน้าที่ เพื่อประโยชน์สุขของชุมชน สังคมมากขึ้น และจะเป็นการลดปัญหา การซื้อสิทธิขายเสียงลงได้อีกมาก

นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ปัญหาการซื้อสิทธิขายเสียงนี้ เป็นสาเหตุสำคัญที่นำไปสู่การทุจริต คอรัปชั่น การแก้ไขนั้นอยู่ที่ตัวเราแต่ละคนว่าจะเห็นโทษของการซื้อสิทธิ ขายเสียง เห็นโทษของการละเมิดกฎ กติกา ของสังคมที่เราทุกคนต่างมีส่วนร่วมรับผิดชอบอยู่หรือไม่ ถ้าประชาชนไม่ตระหนักถึงการปฏิบัติตามกฎหมาย ปัญหาดังกล่าวก็จะแก้ไขไม่ได้ เพราะการปกครองในระบอบประชาธิปไตย เหมือนกฎแห่งกรรม คือ ทำอย่างไรได้อย่างนั้น ถ้าเราร่วมกันหาคนที่มีคุณสมบัติเหมาะสมมาเป็นผู้นำ เราก็จะได้คนที่มีจิตสาธารณะอาสาเข้ามาทำหน้าที่เป็นผู้แทนของเรา ถ้าไปเลือกคนที่ไม่สมควรเลือกเข้ามาหรือเลือกคนที่ไม่เหมาะสม ปัญหาต่างๆก็จะตามมา

ดังนั้นประชาชนในระบอบประชาธิปไตยต้องศึกษาหาความรู้ ทำความเข้าใจเรื่องการปกครองในระบอบประชาธิปไตยให้ชัดเจนว่า คืออะไร มีเจตนารมณ์อย่างไร มีวัตถุประสงค์อย่างไร ถ้าเข้าใจถูกแล้วก็สามารถนำปฏิบัติได้ถูกต้อง ซึ่งจะส่งผลสำเร็จให้เกิดแก่ประชาชนหรือชุมชนโดยรวม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้ทางภาคีเครือข่ายความร่วมมือ ประกอบด้วย องค์กรชุมชน ภาคประชาสังคม องค์กรเอกชน สำนักงานกกต. และ สำนักงานพัฒนาการเมือง (สพม.) รวม 22 องค์กร ยังได้เสนอข้อเสนอ เกี่ยวกับการเมืองภาคประชาชน เพื่อขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายการเมืองสีขาว โดยเสนอว่า บทบาทกกต.นั้นต้องมาจากการเลือกตั้ง และ กกต.กลางควรเพิ่มเป็น 15 คน เพื่อทำงานได้รวดเร็ว และโปร่งใส

ทั้งนี้ การคัดสรรกกต.ทุกระดับ ต้องให้ภาคประชาสังคมมีส่วนร่วม และมีสัดส่วนภาคประชาชน 70 % ภาครัฐ 30 % มีวาระการดำรงตำแหน่ง 4 ปี และเป็นได้เพียงวาระเดียวเท่านั้น อีกทั้ง กกต.จังหวัดควรมีตัวแทนมาจากที่ประชุมสภาองค์กรชุมชนเข้าไปเป็นกกต.จังหวัด 1 ที่นั่ง และกกต.กลางควรสร้างความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายองค์กรอิสระอื่นๆ

สำหรับบทบาทของพัฒนาการเมือง ต้องส่งเสริมภาคพลเมืองโดยใช้กระบวนการประชาธิปไตยชุมชน อาทิ จัดทำยุทธศาสตร์ในการขับเคลื่อนประชาธิปไตยสีขาว และแผนการขับเคลื่อนให้เป็นจริง จัดทำระบบฐานข้อมูล ส่งเสริมและสนับสนุนพัฒนาศักยภาพแกนนำทุกระดับ จัดทำหลักสูตรและจัดตั้งสถาบันประชาธิปไตยชุมชน ลงพื้นที่ทำความเข้าใจกับประชาชนมาก

ในส่วนของพรรคการเมืองนั้น ต้องมีนโยบายสนับสนุนด้านประชาธิปไตยชุมชนสมานฉันท์โดยการมีส่วนร่วมของประชาชน สนับสนุนงบประมาณตามแผนงานประชาธิปไตยชุมชน และพรรคการเมืองต้องเป็นแบบอย่างที่ดี เสนอนโยบายอย่างสร้างสรรค์และสนับสนุนการกระจายอำนาจสู่จังหวัด สมาชิกพรรคมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบาย และเสนอผู้สมัครรับเลือกตั้ง โดยคำนึงถึงความหลากหลายในทุกสาขาอาชีพ

นอกจากนี้พรรคการเมืองต้องมียุทธศาสตร์ในการพัฒนา พรรคและสาขาพรรคให้มีความเข้มแข็ง และมีคุณภาพกับประชาธิปไตย รวมถึงพรรคการเมืองต้องมีบทบาทในการพัฒนาสมาชิกพรรคการเมืองให้มีความรู้ในเรื่องประชาธิปไตย ส่วนภาครัฐต้องผลักดันการเมืองภาคพลเมืองให้เป็นวาระแห่งชาติ ปฏิบัติตามกฎหมาย และนโยบายที่หาเสียงไว้อย่างเคร่งครัด สนับสนุนงบประมาณเพื่อพัฒนาการเมืองภาคพลเมืองแก่กองทุนและภาคีองค์กรความร่วมมือในการทำงานการเมืองสีขาวได้อย่างพอเพียง รวมถึงสนับสนุนสื่อทุกประเภทให้ทำงานอย่างมีอิสระ มีนโยบายหรือแนวทางในการทำงานแบบบูรณาการงานส่งเสริมประชาธิปไตยทุกระดับ และแก้ไขกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประชาธิปไตย
กำลังโหลดความคิดเห็น