ASTVผู้จัดการรายวัน-“หลวงพ่อคูณ” บินเจาะท้องให้อาหารทางสายยางที่ รพ.ศิริราช เตรียมผ่าตัดวันนี้ ระดมทีมแพทย์ดูแลเต็มที่ เผยอาการล่าสุดอยู่ในเกณฑ์ดี สดชื่น พูดคุยมากขึ้น หลวงพ่อคูณฝากบอก “ ไม่ต้องเป็นห่วงกูดอก กูสบายดี ” ด้านลูกศิษย์วัดบ้านไร่พร้อมใจสวมชุดขาวประกอบพิธี “ค้ำโพธิ์”เสริมบุญบารมี
เมื่อเวลา 07.45 น.วานนี้ (8 ก.ย.) คณะแพทย์โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา และลูกศิษย์ได้นำพระเทพวิทยาคม หรือ หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ออกจากห้องผู้ป่วยพิเศษ 9821 ชั้น 8 อาคารเฉลิมพระเกียรติไปขึ้นเครื่องบินเกษตร 1535 รุ่น คาซ่า C -300 ของสำนักฝนหลวงกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่กองบิน 1 กองพลบินที่ 2 กองบัญชาการยุทธทางอากาศ อ.เมืองนครราชสีมา เพื่อนำหลวงพ่อคุณ เดินทางไปทำการรักษา เจาะหน้าท้องให้อาหารทางสายยางผ่านหน้าท้องที่โรงพยาบาลศิริราช กรุงเทพฯ ซึ่งใช้เวลาในการบินประมาณ 45 นาที เครื่องบินลงจอดที่กองบิน 6 (บน.6) ท่าอากาศยานดอนเมือง กองทัพอากาศไทย ก่อนเดินทางด้วยรถยนต์ไปยังโรงพยาบาลศิริราช
นพ.พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและหลอดเลือด รพ.มหาราชนครราชสีมา ซึ่งเป็นแพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณ เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า จากการตรวจอาการหลวงพ่อคูณ ครั้งล่าสุดเมื่อเช้านี้ (8ก.ย.) พบว่า ระบบในร่างกายอยู่ในเกณฑ์ดี ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง หลวงพ่อสดชื่น และพูดคุยกับลูกศิษย์มากขึ้นและพร้อมที่จะเดินทาง
สำหรับการรักษาอาการอาพาธของหลวงพ่อคูณซึ่งขณะนี้ได้พำนักอยู่ที่ตึกวิบูลลักษณ์ ชั้น 2 โรงพยาบาลศิริราชนั้น ศ.คลินิก นพ.อุดม คชินทร หัวหน้าภาควิชาอายุรศาสตร์ ประธานคณะกรรมการแพทย์ กล่าวว่า เนื่องจากอาการอาพาธของหลวงพ่อคูณระยะหลัง มีปัญหาระบบการกลืน เมื่อทานอาหารเข้าไปแล้วเกิดการสำลัก ซึ่งเป็นผลมาจากโรคหลอดเลือดสมองที่ทำให้การกลืนไม่ดี และเมื่อสำลักหลายๆ ครั้งทำให้เกิดภาวะติดเชื้อจนปอดอักเสบ ดังนั้น คณะแพทย์เห็นตรงกันว่าจะเปลี่ยนวิธีให้สารอาหารใหม่ เพื่อป้องกันไม่ให้สำลัก ซึ่งจะเป็นวิธีมาตรฐานที่ทั่วโลกยอมรับนั้นคือ จะทำการใส่ท่อป้อนอาหารผ่านทางหน้าท้องเข้าสู่กระเพาะอาหารโดยตรงแทนการใส่ทางจมูก โดยใช้กล้องส่องตรวจกระเพาะอาหารอันเป็นวิธีที่ปลอดภัย ใช้เวลาดำเนินการไม่นาน และผลการรักษาดี
“ข้อดีของวิธีการรักษาโดยการใส่ท่อเข้าหน้าท้องคือไม่ต้องผ่าตัดเปิดหน้าท้อง บาดแผลเล็ก คนไข้ฟื้นตัวเร็ว ท่ออาหารสามารถอยู่กับผู้ป่วยได้นานหากดูแลดีสามารถอยู่ได้ถึง 1 ปี ลดการสำลักอาหารตามที่คณะแพทย์ต้องการ รวมถึงสามารถให้อาหารได้อย่างเต็มที่กับคนไข้ ขณะเดียวกันคนไข้ก็สามารถทานอาหารเล็กน้อยทางปากได้หากต้องการซึ่งแผนการรักษานี้ได้นำเรียนทางหลวงพ่อคูณเรียบร้อยแล้วโดยท่านพยักหน้ารับทราบ”ศ.คลินิก นพ.อุดม กล่าว
ศ.คลินิก นพ.อุดม กล่าวอีกว่า ในเช้าวันที่ 9 ก.ย. คณะแพทย์จะดำเนินการตามแผนที่ได้เตรียมไว้ และหลังจากผ่าตัดเสร็จจะเฝ้าสังเกตอาการ ซึ่งหากไม่มีภาวะแทรกซ้อนใดๆ หลังจากใส่ท่อ 48 ชั่วโมง คณะแพทย์จะอนุญาตให้หลวงพ่อคูณเดินทางกลับไปรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา
วันเดียวกันที่วัดโพธิ์ ถ.สุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายชูชาติ ฉุยกลม วิศวกรใหญ่ ผู้เชี่ยวชาญฝ่ายกิจกรรมพิเศษ กรมชลประทาน ในฐานะลูกศิษย์ผู้ใกล้ชิดหลวงพ่อคูณ พร้อมด้วย น.ส.จู ปริสุทธิชาติ คณะกรรมการวัดบ้านไร่ ได้นำคณะกรรมการวัดบ้านไร่และลูกศิษย์ที่เลื่อมใสศรัทธา หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ซึ่งพร้อมใจกันสวมชุดขาวเข้าร่วมพิธีค้ำโพธิ์ โดยนิมนต์พระสงฆ์ 9 รูปเพื่อเสริมบุญบารมีให้หลวงพ่อคูณมีอายุยืนยาว ปลอดภัย และหายจากอาการอาพาธ อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้ญาติโยมสืบไป
เมื่อเวลา 07.45 น.วานนี้ (8 ก.ย.) คณะแพทย์โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา และลูกศิษย์ได้นำพระเทพวิทยาคม หรือ หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ออกจากห้องผู้ป่วยพิเศษ 9821 ชั้น 8 อาคารเฉลิมพระเกียรติไปขึ้นเครื่องบินเกษตร 1535 รุ่น คาซ่า C -300 ของสำนักฝนหลวงกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่กองบิน 1 กองพลบินที่ 2 กองบัญชาการยุทธทางอากาศ อ.เมืองนครราชสีมา เพื่อนำหลวงพ่อคุณ เดินทางไปทำการรักษา เจาะหน้าท้องให้อาหารทางสายยางผ่านหน้าท้องที่โรงพยาบาลศิริราช กรุงเทพฯ ซึ่งใช้เวลาในการบินประมาณ 45 นาที เครื่องบินลงจอดที่กองบิน 6 (บน.6) ท่าอากาศยานดอนเมือง กองทัพอากาศไทย ก่อนเดินทางด้วยรถยนต์ไปยังโรงพยาบาลศิริราช
นพ.พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและหลอดเลือด รพ.มหาราชนครราชสีมา ซึ่งเป็นแพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณ เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า จากการตรวจอาการหลวงพ่อคูณ ครั้งล่าสุดเมื่อเช้านี้ (8ก.ย.) พบว่า ระบบในร่างกายอยู่ในเกณฑ์ดี ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง หลวงพ่อสดชื่น และพูดคุยกับลูกศิษย์มากขึ้นและพร้อมที่จะเดินทาง
สำหรับการรักษาอาการอาพาธของหลวงพ่อคูณซึ่งขณะนี้ได้พำนักอยู่ที่ตึกวิบูลลักษณ์ ชั้น 2 โรงพยาบาลศิริราชนั้น ศ.คลินิก นพ.อุดม คชินทร หัวหน้าภาควิชาอายุรศาสตร์ ประธานคณะกรรมการแพทย์ กล่าวว่า เนื่องจากอาการอาพาธของหลวงพ่อคูณระยะหลัง มีปัญหาระบบการกลืน เมื่อทานอาหารเข้าไปแล้วเกิดการสำลัก ซึ่งเป็นผลมาจากโรคหลอดเลือดสมองที่ทำให้การกลืนไม่ดี และเมื่อสำลักหลายๆ ครั้งทำให้เกิดภาวะติดเชื้อจนปอดอักเสบ ดังนั้น คณะแพทย์เห็นตรงกันว่าจะเปลี่ยนวิธีให้สารอาหารใหม่ เพื่อป้องกันไม่ให้สำลัก ซึ่งจะเป็นวิธีมาตรฐานที่ทั่วโลกยอมรับนั้นคือ จะทำการใส่ท่อป้อนอาหารผ่านทางหน้าท้องเข้าสู่กระเพาะอาหารโดยตรงแทนการใส่ทางจมูก โดยใช้กล้องส่องตรวจกระเพาะอาหารอันเป็นวิธีที่ปลอดภัย ใช้เวลาดำเนินการไม่นาน และผลการรักษาดี
“ข้อดีของวิธีการรักษาโดยการใส่ท่อเข้าหน้าท้องคือไม่ต้องผ่าตัดเปิดหน้าท้อง บาดแผลเล็ก คนไข้ฟื้นตัวเร็ว ท่ออาหารสามารถอยู่กับผู้ป่วยได้นานหากดูแลดีสามารถอยู่ได้ถึง 1 ปี ลดการสำลักอาหารตามที่คณะแพทย์ต้องการ รวมถึงสามารถให้อาหารได้อย่างเต็มที่กับคนไข้ ขณะเดียวกันคนไข้ก็สามารถทานอาหารเล็กน้อยทางปากได้หากต้องการซึ่งแผนการรักษานี้ได้นำเรียนทางหลวงพ่อคูณเรียบร้อยแล้วโดยท่านพยักหน้ารับทราบ”ศ.คลินิก นพ.อุดม กล่าว
ศ.คลินิก นพ.อุดม กล่าวอีกว่า ในเช้าวันที่ 9 ก.ย. คณะแพทย์จะดำเนินการตามแผนที่ได้เตรียมไว้ และหลังจากผ่าตัดเสร็จจะเฝ้าสังเกตอาการ ซึ่งหากไม่มีภาวะแทรกซ้อนใดๆ หลังจากใส่ท่อ 48 ชั่วโมง คณะแพทย์จะอนุญาตให้หลวงพ่อคูณเดินทางกลับไปรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา
วันเดียวกันที่วัดโพธิ์ ถ.สุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายชูชาติ ฉุยกลม วิศวกรใหญ่ ผู้เชี่ยวชาญฝ่ายกิจกรรมพิเศษ กรมชลประทาน ในฐานะลูกศิษย์ผู้ใกล้ชิดหลวงพ่อคูณ พร้อมด้วย น.ส.จู ปริสุทธิชาติ คณะกรรมการวัดบ้านไร่ ได้นำคณะกรรมการวัดบ้านไร่และลูกศิษย์ที่เลื่อมใสศรัทธา หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ซึ่งพร้อมใจกันสวมชุดขาวเข้าร่วมพิธีค้ำโพธิ์ โดยนิมนต์พระสงฆ์ 9 รูปเพื่อเสริมบุญบารมีให้หลวงพ่อคูณมีอายุยืนยาว ปลอดภัย และหายจากอาการอาพาธ อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้ญาติโยมสืบไป
