00 นาทีนี้ต้องชูนิ้วให้กับ ลูกผู้ชายตัวจริงที่ชื่อ ถวิล เปลี่ยนศรี ที่ “ไม่ยอมเปลี่ยนสี” ตรงกันข้ามกลับตัดสินใจสวมหัวใจสิงห์ ดิ้นรนต่อสู้แลกหมัดกับความ “เห็นแก่ตัว” ของฝ่ายการเมืองที่ “ลุแก่อำนาจ” ทำทุกช่องทางที่มีโอกาสเปิด ทั้งร้องเรียนต่อ ก.พ.ค.และศาลปกครอง เป็นลำดับถัดไป แบบไม่ยอมถอย เริ่มตั้งแต่รู้ข่าวว่าถูกเด้งพ้นตำแหน่ง เลขาฯสมช.แน่นอน ก็เปิดแถลงข่าวในทำเนียบฯ ที่เป็นศูนย์กลางอำนาจนั่นแหละ ย้อนศรได้อย่างเจ็บแสบ สรุปใจความสำคัญว่าสาเหตุที่ตก “เป็นเหยื่อ” คราวนี้เพียงเพราะฝ่ายการเมืองต้องการให้คนๆหนึ่งได้เป็น ผบ.ตร.เท่านั้นเอง แล้วผ่องถ่ายคนที่เป็น ผบ.ตร. คนปัจจุบันมานั่งทับตำแหน่งของเขา โดยที่ไม่ได้มีความผิดอะไร แต่ขณะเดียวกันคนที่เป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงคือ นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กลับไม่ปกป้องดูแล
00 การแถลงข่าวของ ถวิล เมื่อ 7 ก.ย.ที่ผ่านมา ทำเอาหลายคนสะอึก และยังส่งผล “กระทบภาพลักษณ์” ทางการเมืองอย่างจังอีกดอกหนึ่งของรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ โดยเฉพาะประเด็นการเด้ง เลขาฯสมช. เพียงเพื่อแก้ปัญหาและเปิดทางให้ “พี่เมียแม้ว” พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ เครือญาติคนกันเองขึ้นมาเป็น ผบ.ตร.เท่านั้น เพราะต้องดัน ผบ.ตร. คนปัจจุบันที่ขอต่อรองว่าจะต้องได้ตำแหน่งที่สมศักดิ์ศรีมาทดแทน คือ ตำแหน่ง เลขาฯสมช.นั่นแหละ แต่ทำไปทำมาคนที่ไม่มีศักดิ์ศรีงานนี้ไหงกลายเป็น พล.ต.อ.วิเชียร ไปเสียฉิบ ในสายตาของสังคมเวลานี้ถือว่า “หมดราคา” ตอนจบ อ้อ อีกคนเกือบลืมไปโดนเข้าไปเต็มๆก็คือ “ด็อกเตอร์เหลิม” เจ้าเก่า
00 รายการต่อมาที่ต้องจับตามองแบบไม่กระพริบก็คือ การตรวจสอบเรื่องการสรรหา กสทช.มิชอบ ที่ล่าสุด ดีเอสไอ ได้รับลูกนำมาสอบสวนแล้ว แต่ประเด็นสำคัญก็คือ งานนี้เป็นเกมขัดขา ยื้อเวลาเพื่อเปิดช่องให้ฝ่ายการเมือง โดยเฉพาะฝ่าย ทักษิณ เข้ามาแทรกแซง ทั้งทางตรงทางอ้อม เนื่องจากเป็นที่รู้กันดีว่าธุรกิจการสื่อสารโทรคมนาคมนี่มันมีมูลค่าเป็นแสนๆล้านบาท อย่างไรก็ดีสำหรับในส่วนของ 11 กสทช. ที่ผ่านการคัดเลือกของวุฒิสภาไปแล้ว คงต้องรอดูกันต่อไปว่า นายกฯ ยิ่งลักษณ์ จะนำรายชื่อเสนอทูลเกล้าฯ แต่งตั้งหรือไม่ เพราะถ้าดองเอาไว้โดยอ้างต้องรอการตรวจสอบความถูกต้องก่อน ก็มีสิทธิ์โดนฟ้อง มาตรา 157 ข้อหาปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ก็ต้องดูว่าผลจะออกมาแบบไหน
00 อีกเรื่องที่ทำลายความรู้สึก ทำให้เป็นเรื่องพื้นๆ แบบเดียวกับรัฐบาลชุดก่อนก็เห็นจะเป็นเรื่องมาตรการเยียวยาความเดือดร้อนของชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วม ตอนแรก “เกทับ” ไปก่อนบอกว่าครอบครัวไหนบ้านพังจะให้ 5,555 (ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า) บาท และลดลงมาเหลือ 5,500 บาท ล่าสุดเหลือแค่ 5 พันบาท ไม่ต่างจากรัฐบาลชุดก่อน อย่างไร “ไพร่” ทั้งหลายก็เสียความรู้สึกซีค๊า !!
00 เรื่องน้ำท่วมนี่แหละที่จะเป็น “จุดตาย” อีกเรื่องหนึ่งของรัฐบาล เพราะยิ่งท่วมนานเท่าไหร่มันก็ยิ่งทำลายความศรัทธาของรัฐบาลมากขึ้นทุกที เพราะชาวบ้านเขาคาดหวังว่าจะต้องแก้ปัญหาให้ได้ พวกเขาคงไม่สนใจว่าปริมาณน้ำมันจะมากแค่ไหน ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาจากแนวโน้มการทำงานภายใต้ระบบราชการที่อืดอาด ล่าช้า การทุจริตของหน่วยงานในท้องถิ่น รวมไปถึงการตรวจสอบของสื่อยุคใหม่ ที่เชื่อมโยงถึงกันรวดเร็ว มันก็ทำให้เกิดภาพลบแทบทั้งสิ้น และสังเกตหรือไม่ว่าเวลานี้มีรัฐมนตรีหลายคนที่เริ่มกลายเป็น “คนที่โลกลืม” ไปแล้ว เหมือนกับว่า ไม่มีตำแหน่งนี้ปรากฏอยู่ในรัฐบาล อาจเป็นเพราะไม่โดดเด่น จนไม่เป็นข่าว เช่น รมว.สาธารณสุข วิทยา บุรณศิริ ที่แม้มีปัญหาประดังเข้ามาให้แก้ไขมากมายในช่วงน้ำท่วมขัง และโรคระบาด แต่กลับเงียบเชียบ ตรงข้ามกับ รองเหลิม ที่โผล่ออกมาทุกวัน แต่ขอโทษขานี้ก็มีแต่เรื่องกวนประสาทไปเสียอีก !!
00 การแถลงข่าวของ ถวิล เมื่อ 7 ก.ย.ที่ผ่านมา ทำเอาหลายคนสะอึก และยังส่งผล “กระทบภาพลักษณ์” ทางการเมืองอย่างจังอีกดอกหนึ่งของรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ โดยเฉพาะประเด็นการเด้ง เลขาฯสมช. เพียงเพื่อแก้ปัญหาและเปิดทางให้ “พี่เมียแม้ว” พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ เครือญาติคนกันเองขึ้นมาเป็น ผบ.ตร.เท่านั้น เพราะต้องดัน ผบ.ตร. คนปัจจุบันที่ขอต่อรองว่าจะต้องได้ตำแหน่งที่สมศักดิ์ศรีมาทดแทน คือ ตำแหน่ง เลขาฯสมช.นั่นแหละ แต่ทำไปทำมาคนที่ไม่มีศักดิ์ศรีงานนี้ไหงกลายเป็น พล.ต.อ.วิเชียร ไปเสียฉิบ ในสายตาของสังคมเวลานี้ถือว่า “หมดราคา” ตอนจบ อ้อ อีกคนเกือบลืมไปโดนเข้าไปเต็มๆก็คือ “ด็อกเตอร์เหลิม” เจ้าเก่า
00 รายการต่อมาที่ต้องจับตามองแบบไม่กระพริบก็คือ การตรวจสอบเรื่องการสรรหา กสทช.มิชอบ ที่ล่าสุด ดีเอสไอ ได้รับลูกนำมาสอบสวนแล้ว แต่ประเด็นสำคัญก็คือ งานนี้เป็นเกมขัดขา ยื้อเวลาเพื่อเปิดช่องให้ฝ่ายการเมือง โดยเฉพาะฝ่าย ทักษิณ เข้ามาแทรกแซง ทั้งทางตรงทางอ้อม เนื่องจากเป็นที่รู้กันดีว่าธุรกิจการสื่อสารโทรคมนาคมนี่มันมีมูลค่าเป็นแสนๆล้านบาท อย่างไรก็ดีสำหรับในส่วนของ 11 กสทช. ที่ผ่านการคัดเลือกของวุฒิสภาไปแล้ว คงต้องรอดูกันต่อไปว่า นายกฯ ยิ่งลักษณ์ จะนำรายชื่อเสนอทูลเกล้าฯ แต่งตั้งหรือไม่ เพราะถ้าดองเอาไว้โดยอ้างต้องรอการตรวจสอบความถูกต้องก่อน ก็มีสิทธิ์โดนฟ้อง มาตรา 157 ข้อหาปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ก็ต้องดูว่าผลจะออกมาแบบไหน
00 อีกเรื่องที่ทำลายความรู้สึก ทำให้เป็นเรื่องพื้นๆ แบบเดียวกับรัฐบาลชุดก่อนก็เห็นจะเป็นเรื่องมาตรการเยียวยาความเดือดร้อนของชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วม ตอนแรก “เกทับ” ไปก่อนบอกว่าครอบครัวไหนบ้านพังจะให้ 5,555 (ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า) บาท และลดลงมาเหลือ 5,500 บาท ล่าสุดเหลือแค่ 5 พันบาท ไม่ต่างจากรัฐบาลชุดก่อน อย่างไร “ไพร่” ทั้งหลายก็เสียความรู้สึกซีค๊า !!
00 เรื่องน้ำท่วมนี่แหละที่จะเป็น “จุดตาย” อีกเรื่องหนึ่งของรัฐบาล เพราะยิ่งท่วมนานเท่าไหร่มันก็ยิ่งทำลายความศรัทธาของรัฐบาลมากขึ้นทุกที เพราะชาวบ้านเขาคาดหวังว่าจะต้องแก้ปัญหาให้ได้ พวกเขาคงไม่สนใจว่าปริมาณน้ำมันจะมากแค่ไหน ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาจากแนวโน้มการทำงานภายใต้ระบบราชการที่อืดอาด ล่าช้า การทุจริตของหน่วยงานในท้องถิ่น รวมไปถึงการตรวจสอบของสื่อยุคใหม่ ที่เชื่อมโยงถึงกันรวดเร็ว มันก็ทำให้เกิดภาพลบแทบทั้งสิ้น และสังเกตหรือไม่ว่าเวลานี้มีรัฐมนตรีหลายคนที่เริ่มกลายเป็น “คนที่โลกลืม” ไปแล้ว เหมือนกับว่า ไม่มีตำแหน่งนี้ปรากฏอยู่ในรัฐบาล อาจเป็นเพราะไม่โดดเด่น จนไม่เป็นข่าว เช่น รมว.สาธารณสุข วิทยา บุรณศิริ ที่แม้มีปัญหาประดังเข้ามาให้แก้ไขมากมายในช่วงน้ำท่วมขัง และโรคระบาด แต่กลับเงียบเชียบ ตรงข้ามกับ รองเหลิม ที่โผล่ออกมาทุกวัน แต่ขอโทษขานี้ก็มีแต่เรื่องกวนประสาทไปเสียอีก !!
