หลังพรรคเพื่อไทยได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้น คนเสื้อแดงลำพองว่า พวกเขาเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศที่แกนนำเสื้อแดงมาจากฝ่ายซ้ายเก่าอย่างนางธิดา ถาวรเศรษฐ เมียหมอเหวง โตจิราการ พยายามจะยกว่าการต่อสู้ของคนเสื้อแดงนั้นเป็นการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย
และระบุว่าการชนะการเลือกตั้งของคนเสื้อแดงนั้น เป็นการชนะแนวใหญ่ที่สำคัญที่สุดของการต่อสู้กับระบอบอำมาตยาธิปไตย
ธิดาบอกว่า การต่อสู้ของคนเสื้อแดงนั้นเป็นการต่อสู้เพื่อให้ได้ประชาธิปไตย ได้ความเป็นธรรมในสังคม และความเจริญก้าวหน้าของประเทศ คนทุกกลุ่มในประเทศจะได้รับผลประโยชน์ทั่วหน้า แต่ต้องเป็นผลประโยชน์ที่สมเหตุผล และไม่เป็นอุปสรรคต่อระบอบประชาธิปไตยและความเป็นธรรมในสังคม
แต่หลังได้รับชนะสิ่งที่เราเห็นก็คือ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ภายใต้การกำกับของทักษิณได้ตั้งคณะรัฐมนตรีที่เป็นกลุ่มชนชั้นนำในสังคมไม่ได้แตกต่างไปจากรัฐบาลของอำมาตย์ เป้าหมายแรกของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็คือ การจัดการเสี้ยนหนามทางการเมือง คืนอำนาจให้กับคนในเครือข่ายตระกูลชินวัตร และช่วยให้ทักษิณพ้นจากความผิด
แนวทางและวิธีการของรัฐบาลที่มุ่งช่วยพวกพ้องและทำลายฝ่ายตรงข้าม ล้วนแล้วแต่เป็นแนวทางที่เป็นอุปสรรคต่อระบอบประชาธิปไตย ก้าวข้ามนิติรัฐ และความเป็นธรรมในสังคมทั้งสิ้น
เพราะตั้งอยู่บนหลักการว่า ทักษิณต้องไม่ผิด แม้กฎหมายจะบอกว่าผิดก็ตาม
และการแต่งตั้งคนเสื้อแดงส่วนหนึ่งได้รับการปูนบำเหน็จให้ไปนั่งในกระทรวงทบวงกรมต่างๆ ก็ล้วนแล้วแต่สะท้อนลักษณะของอภิสิทธิชนที่คนเสื้อแดงเองควรจะต่อต้านด้วยซ้ำไป
นั่นเท่ากับคนเสื้อแดงที่อ้างตัวว่า เป็นคนที่ลุกขึ้นมาต่อต้านระบบอภิสิทธิชน เรียกร้องนิติรัฐนิติธรรม ต่อต้านการสถาปนาระบบอุปถัมภ์ของฝ่ายอำมาตยาธิปไตย แท้จริงแล้วเป็นการต่อสู้เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ในเชิงอำนาจให้กับตัวเอง
แต่ที่เราเห็นเป็นรูปธรรมอีกอย่าง คือ นักประชาธิปไตยใส่เสื้อสีแดงไล่ทุบตีคนที่เห็นต่างทางการเมือง และแสดงตนราวกับว่าประเทศนี้เป็นของพวกเขาเพียงแต่ฝ่ายเดียว
ภาพของคนเสื้อแดง นักสู้เพื่อประชาธิปไตย แต่ไล่ทุบตีคนที่ไม่เห็นด้วยนั้น ไม่ใช่เพิ่งจะเกิดขึ้นภายหลังชัยชนะจากการเลือกตั้งของพรรคเพื่อไทย แต่เกิดขึ้นมานานแล้วตั้งแต่การก่อตัวขึ้นเพื่อต่อต้านการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ไปตั้งเวทีปราศรัยเกือบทุกจังหวัดในภาคอีสาน และถูกคนเสื้อแดงไล่ทุบตีหัวร้างข้างแตก
ซึ่งสะท้อนความล้มเหลวของโรงเรียนการเมืองที่คนเสื้อแดงก่อตั้งขึ้น และก่อให้เกิดคำถามว่า คนเสื้อแดงนั้นเป็นนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยจริงๆ หรือ
อำนาจของคนเสื้อแดงในปัจจุบัน กลายเป็นอำนาจรัฐซ้อนรัฐ ทักษิณกลายเป็นรัฐตัวจริงที่มีอำนาจควบคุมประเทศ
และเมื่ออำนาจรัฐที่แท้จริงเป็นเช่นนี้ มันจะแตกต่างกับอำนาจที่คนเสื้อแดงต้องการโค่นล้มเพราะอ้างว่าไม่เป็นประชาธิปไตยตรงไหนเล่า
ผลพวงของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ไม่ได้สะท้อนความเป็นประชาธิปไตยที่คนเสื้อแดงเรียกร้อง แต่เปลี่ยนถ่ายอำนาจอภิสิทธิชนจากอำมาตย์ไปอยู่ที่คนสนับสนุนทักษิณให้กลายเป็นอภิสิทธิชนหรืออำมาตย์ใหม่เท่านั้นเอง
เพราะเราเห็นว่าความเป็นอภิสิทธิชนนั้นทำให้คนกลุ่มเสื้อแดงทำอะไรก็ไม่ผิด สามารถลากคนที่ไม่เห็นด้วยมากระทืบได้ เฉลิมแสดงอำนาจบาตรใหญ่อย่างไรก็ได้ และอำนาจตุลาการก็ต้องยอมให้คนเสื้อแดงที่เผาบ้านเผาเมืองได้รับอิสระเสรีด้วยความหวั่นเกรงต่ออำนาจและชัยชนะที่คนเสื้อแดงได้รับ
สิ่งที่อำนาจรัฐภายใต้การกำกับของทักษิณกระทำทันทีก็คือ กวาดล้างฝ่ายที่เป็นปรปักษ์ทางการเมือง เพื่อสถาปนาอำนาจรัฐที่มั่นคงให้กับฝ่ายตัวเอง ไม่มีส่วนไหนที่สะท้อนความเป็นประชาธิปไตย และแนวทางความเป็นธรรมที่คนเสื้อแดงอ้างเลย
ความยุติธรรมและนิติรัฐ นิติธรรมที่คนเสื้อแดงต้องการ ล้วนแล้วแต่เป็นความต้องการที่ตัวเองต้องพึงพอใจ คือ คนเสื้อแดงและพวกตัวเองต้องไม่ผิดในสิ่งที่ได้กระทำลงไปมากกว่าการยึดหลักกฎหมาย นิติรัฐ และความเป็นธรรมที่แท้จริง
จริงอยู่การได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้นนั้นทำให้คนเสื้อแดงได้รับชัยชนะเหนืออำนาจเก่าอย่างชัดเจนที่สุด แต่เนื้อแท้หลังชัยชนะคนเสื้อแดงต้องแสดงให้เห็นด้วยว่า ตัวเองรักความเป็นธรรม สู้เพื่อประชาธิปไตย ไม่ใช่แค่เข้าไปสวมตออำนาจเก่าแล้วใช้อำนาจนั้นอย่างไม่เป็นธรรมเสียเอง
แต่ภาพที่เราเห็นและปรากฏ คนเสื้อแดงและพรรคกลับใช้อำนาจจากชัยชนะอย่างลำพองทั้งขบวนการนอกสภาของคนเสื้อแดงและอำนาจรัฐภายใต้การกำกับของทักษิณ
ผมออกจะขำไม่น้อยที่นิธิ เอียวศรีวงศ์ แนวร่วมของคนเสื้อแดง ถึงกับยกย่องว่า ผลการเลือกตั้งที่พรรคเพื่อไทยชนะอย่างท่วมท้นว่าทำให้การต่อสู้ของนิติรัฐได้เข้ามาอยู่ในสภา หลังจากได้อยู่ในท้องถนนมาตั้งแต่ พ.ศ. 2516 นิธิเตือนว่า พรรคเพื่อไทยจะต้องแก้ไขมาตรา 112 เพื่อลิดรอนเครื่องมือของฝ่ายอำมาตย์ กำจัดอภิสิทธิชน และรัฐซ้อนรัฐ ให้ได้เพื่อสกัดอำนาจของกลุ่มอำมาตย์ที่อาจจะสถาปนารัฐบาลของตนเองขึ้นใหม่ โดยการรัฐประหาร, คำพิพากษา, การจัดรัฐบาลในค่ายทหาร และการต่อสู้ในท้องถนนก็อาจกลับมาอีก
และนิธิถึงกับแสดงความไม่พอใจที่รัฐบาลประกาศผ่านปากคำของเฉลิมว่าไม่คิดจะทบทวน ม. 112 ไม่ว่าในแง่เนื้อหา หรือในแง่ของการปฏิบัติ และบอกว่า ผู้ฟังหลายคนคงรู้สึกผิดหวังเหมือนกับตัวเขา ที่ฝ่ายรัฐบาลเลือกที่จะเล่นเกมการเมืองเก่า คือ ยืนยันความสัมพันธ์ทางการเมืองกับสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ไม่ชัดเจนดังเดิม
นิธิอาจไม่ใช่คนเสื้อแดง แต่นิธิเป็นแนวร่วมของคนเสื้อแดงเพราะมองเห็นจุดร่วมในกลุ่มคนเสื้อแดงส่วนหนึ่ง คือ พวกที่ต้องการลิดรอนอำนาจของสถาบัน จึงรู้สึกผิดหวังที่อำนาจรัฐภายใต้การกำกับของทักษิณไม่ต้องการเป็นปรปักษ์กับฝ่ายอำมาตย์และประกาศว่าจะไม่แตะต้องมาตรา 112
นิธิแกล้งไม่รู้ว่า แท้จริงแล้วทักษิณไม่ใช่นักประชาธิปไตย เพราะพิสูจน์มาแล้วเมื่อทักษิณได้อำนาจจากการเลือกตั้งเขาก็ทำลายหลักการของระบอบประชาธิปไตยไปแทบทั้งสิ้น และขบวนการของทักษิณเพียงแต่หลอกให้ประชาชนรากหญ้ามาต่อสู้บนท้องถนนและตายแทนเพื่อทวงอำนาจของตัวเอง เพียงเพราะนิธิเห็นว่า แนวร่วมของทักษิณสามารถบั่นทอนสถาบันหลักที่นิธิมองว่าล้าหลัง และเป็นตัวบั่นทอนระบอบประชาธิปไตยลงได้
นิธิแกล้งไม่เห็นว่า หลังได้อำนาจรัฐ พรรคเพื่อไทยภายใต้กำกับของทักษิณไม่ได้ทำอะไรให้เห็นถึงการต่อสู้ในเชิงอุดมการณ์ประชาธิปไตย นอกจากสร้างอภิสิทธิชนกลุ่มใหม่ แสวงหาผลประโยชน์ในหมู่พวกพ้อง และทำลายหลักการนิติรัฐและนิติธรรมลงอย่างสิ้นเชิง
และรัฐไทยใหม่ภายใต้อำนาจของทักษิณก็รักษาสัมพันธภาพกับคนเสื้อแดงเอาไว้โดยทำให้คนเสื้อแดงเข้าใจว่า พวกเขาเป็นอภิสิทธิชนกลุ่มใหม่ที่จะทำอะไรก็ได้ที่จะได้รับการคุ้มครองจากอำนาจรัฐ
และคนแบบนิธิซึ่งมีอยู่มากมายในกลุ่มนักวิชาการที่ไม่เอาสถาบันก็กลายเป็นปุ๋ยให้ทักษิณใช้หว่านให้คนรากหญ้าเชื่อว่าตัวเองมีความถูกต้องชอบธรรม
และระบุว่าการชนะการเลือกตั้งของคนเสื้อแดงนั้น เป็นการชนะแนวใหญ่ที่สำคัญที่สุดของการต่อสู้กับระบอบอำมาตยาธิปไตย
ธิดาบอกว่า การต่อสู้ของคนเสื้อแดงนั้นเป็นการต่อสู้เพื่อให้ได้ประชาธิปไตย ได้ความเป็นธรรมในสังคม และความเจริญก้าวหน้าของประเทศ คนทุกกลุ่มในประเทศจะได้รับผลประโยชน์ทั่วหน้า แต่ต้องเป็นผลประโยชน์ที่สมเหตุผล และไม่เป็นอุปสรรคต่อระบอบประชาธิปไตยและความเป็นธรรมในสังคม
แต่หลังได้รับชนะสิ่งที่เราเห็นก็คือ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ภายใต้การกำกับของทักษิณได้ตั้งคณะรัฐมนตรีที่เป็นกลุ่มชนชั้นนำในสังคมไม่ได้แตกต่างไปจากรัฐบาลของอำมาตย์ เป้าหมายแรกของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็คือ การจัดการเสี้ยนหนามทางการเมือง คืนอำนาจให้กับคนในเครือข่ายตระกูลชินวัตร และช่วยให้ทักษิณพ้นจากความผิด
แนวทางและวิธีการของรัฐบาลที่มุ่งช่วยพวกพ้องและทำลายฝ่ายตรงข้าม ล้วนแล้วแต่เป็นแนวทางที่เป็นอุปสรรคต่อระบอบประชาธิปไตย ก้าวข้ามนิติรัฐ และความเป็นธรรมในสังคมทั้งสิ้น
เพราะตั้งอยู่บนหลักการว่า ทักษิณต้องไม่ผิด แม้กฎหมายจะบอกว่าผิดก็ตาม
และการแต่งตั้งคนเสื้อแดงส่วนหนึ่งได้รับการปูนบำเหน็จให้ไปนั่งในกระทรวงทบวงกรมต่างๆ ก็ล้วนแล้วแต่สะท้อนลักษณะของอภิสิทธิชนที่คนเสื้อแดงเองควรจะต่อต้านด้วยซ้ำไป
นั่นเท่ากับคนเสื้อแดงที่อ้างตัวว่า เป็นคนที่ลุกขึ้นมาต่อต้านระบบอภิสิทธิชน เรียกร้องนิติรัฐนิติธรรม ต่อต้านการสถาปนาระบบอุปถัมภ์ของฝ่ายอำมาตยาธิปไตย แท้จริงแล้วเป็นการต่อสู้เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ในเชิงอำนาจให้กับตัวเอง
แต่ที่เราเห็นเป็นรูปธรรมอีกอย่าง คือ นักประชาธิปไตยใส่เสื้อสีแดงไล่ทุบตีคนที่เห็นต่างทางการเมือง และแสดงตนราวกับว่าประเทศนี้เป็นของพวกเขาเพียงแต่ฝ่ายเดียว
ภาพของคนเสื้อแดง นักสู้เพื่อประชาธิปไตย แต่ไล่ทุบตีคนที่ไม่เห็นด้วยนั้น ไม่ใช่เพิ่งจะเกิดขึ้นภายหลังชัยชนะจากการเลือกตั้งของพรรคเพื่อไทย แต่เกิดขึ้นมานานแล้วตั้งแต่การก่อตัวขึ้นเพื่อต่อต้านการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ไปตั้งเวทีปราศรัยเกือบทุกจังหวัดในภาคอีสาน และถูกคนเสื้อแดงไล่ทุบตีหัวร้างข้างแตก
ซึ่งสะท้อนความล้มเหลวของโรงเรียนการเมืองที่คนเสื้อแดงก่อตั้งขึ้น และก่อให้เกิดคำถามว่า คนเสื้อแดงนั้นเป็นนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยจริงๆ หรือ
อำนาจของคนเสื้อแดงในปัจจุบัน กลายเป็นอำนาจรัฐซ้อนรัฐ ทักษิณกลายเป็นรัฐตัวจริงที่มีอำนาจควบคุมประเทศ
และเมื่ออำนาจรัฐที่แท้จริงเป็นเช่นนี้ มันจะแตกต่างกับอำนาจที่คนเสื้อแดงต้องการโค่นล้มเพราะอ้างว่าไม่เป็นประชาธิปไตยตรงไหนเล่า
ผลพวงของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ไม่ได้สะท้อนความเป็นประชาธิปไตยที่คนเสื้อแดงเรียกร้อง แต่เปลี่ยนถ่ายอำนาจอภิสิทธิชนจากอำมาตย์ไปอยู่ที่คนสนับสนุนทักษิณให้กลายเป็นอภิสิทธิชนหรืออำมาตย์ใหม่เท่านั้นเอง
เพราะเราเห็นว่าความเป็นอภิสิทธิชนนั้นทำให้คนกลุ่มเสื้อแดงทำอะไรก็ไม่ผิด สามารถลากคนที่ไม่เห็นด้วยมากระทืบได้ เฉลิมแสดงอำนาจบาตรใหญ่อย่างไรก็ได้ และอำนาจตุลาการก็ต้องยอมให้คนเสื้อแดงที่เผาบ้านเผาเมืองได้รับอิสระเสรีด้วยความหวั่นเกรงต่ออำนาจและชัยชนะที่คนเสื้อแดงได้รับ
สิ่งที่อำนาจรัฐภายใต้การกำกับของทักษิณกระทำทันทีก็คือ กวาดล้างฝ่ายที่เป็นปรปักษ์ทางการเมือง เพื่อสถาปนาอำนาจรัฐที่มั่นคงให้กับฝ่ายตัวเอง ไม่มีส่วนไหนที่สะท้อนความเป็นประชาธิปไตย และแนวทางความเป็นธรรมที่คนเสื้อแดงอ้างเลย
ความยุติธรรมและนิติรัฐ นิติธรรมที่คนเสื้อแดงต้องการ ล้วนแล้วแต่เป็นความต้องการที่ตัวเองต้องพึงพอใจ คือ คนเสื้อแดงและพวกตัวเองต้องไม่ผิดในสิ่งที่ได้กระทำลงไปมากกว่าการยึดหลักกฎหมาย นิติรัฐ และความเป็นธรรมที่แท้จริง
จริงอยู่การได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้นนั้นทำให้คนเสื้อแดงได้รับชัยชนะเหนืออำนาจเก่าอย่างชัดเจนที่สุด แต่เนื้อแท้หลังชัยชนะคนเสื้อแดงต้องแสดงให้เห็นด้วยว่า ตัวเองรักความเป็นธรรม สู้เพื่อประชาธิปไตย ไม่ใช่แค่เข้าไปสวมตออำนาจเก่าแล้วใช้อำนาจนั้นอย่างไม่เป็นธรรมเสียเอง
แต่ภาพที่เราเห็นและปรากฏ คนเสื้อแดงและพรรคกลับใช้อำนาจจากชัยชนะอย่างลำพองทั้งขบวนการนอกสภาของคนเสื้อแดงและอำนาจรัฐภายใต้การกำกับของทักษิณ
ผมออกจะขำไม่น้อยที่นิธิ เอียวศรีวงศ์ แนวร่วมของคนเสื้อแดง ถึงกับยกย่องว่า ผลการเลือกตั้งที่พรรคเพื่อไทยชนะอย่างท่วมท้นว่าทำให้การต่อสู้ของนิติรัฐได้เข้ามาอยู่ในสภา หลังจากได้อยู่ในท้องถนนมาตั้งแต่ พ.ศ. 2516 นิธิเตือนว่า พรรคเพื่อไทยจะต้องแก้ไขมาตรา 112 เพื่อลิดรอนเครื่องมือของฝ่ายอำมาตย์ กำจัดอภิสิทธิชน และรัฐซ้อนรัฐ ให้ได้เพื่อสกัดอำนาจของกลุ่มอำมาตย์ที่อาจจะสถาปนารัฐบาลของตนเองขึ้นใหม่ โดยการรัฐประหาร, คำพิพากษา, การจัดรัฐบาลในค่ายทหาร และการต่อสู้ในท้องถนนก็อาจกลับมาอีก
และนิธิถึงกับแสดงความไม่พอใจที่รัฐบาลประกาศผ่านปากคำของเฉลิมว่าไม่คิดจะทบทวน ม. 112 ไม่ว่าในแง่เนื้อหา หรือในแง่ของการปฏิบัติ และบอกว่า ผู้ฟังหลายคนคงรู้สึกผิดหวังเหมือนกับตัวเขา ที่ฝ่ายรัฐบาลเลือกที่จะเล่นเกมการเมืองเก่า คือ ยืนยันความสัมพันธ์ทางการเมืองกับสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ไม่ชัดเจนดังเดิม
นิธิอาจไม่ใช่คนเสื้อแดง แต่นิธิเป็นแนวร่วมของคนเสื้อแดงเพราะมองเห็นจุดร่วมในกลุ่มคนเสื้อแดงส่วนหนึ่ง คือ พวกที่ต้องการลิดรอนอำนาจของสถาบัน จึงรู้สึกผิดหวังที่อำนาจรัฐภายใต้การกำกับของทักษิณไม่ต้องการเป็นปรปักษ์กับฝ่ายอำมาตย์และประกาศว่าจะไม่แตะต้องมาตรา 112
นิธิแกล้งไม่รู้ว่า แท้จริงแล้วทักษิณไม่ใช่นักประชาธิปไตย เพราะพิสูจน์มาแล้วเมื่อทักษิณได้อำนาจจากการเลือกตั้งเขาก็ทำลายหลักการของระบอบประชาธิปไตยไปแทบทั้งสิ้น และขบวนการของทักษิณเพียงแต่หลอกให้ประชาชนรากหญ้ามาต่อสู้บนท้องถนนและตายแทนเพื่อทวงอำนาจของตัวเอง เพียงเพราะนิธิเห็นว่า แนวร่วมของทักษิณสามารถบั่นทอนสถาบันหลักที่นิธิมองว่าล้าหลัง และเป็นตัวบั่นทอนระบอบประชาธิปไตยลงได้
นิธิแกล้งไม่เห็นว่า หลังได้อำนาจรัฐ พรรคเพื่อไทยภายใต้กำกับของทักษิณไม่ได้ทำอะไรให้เห็นถึงการต่อสู้ในเชิงอุดมการณ์ประชาธิปไตย นอกจากสร้างอภิสิทธิชนกลุ่มใหม่ แสวงหาผลประโยชน์ในหมู่พวกพ้อง และทำลายหลักการนิติรัฐและนิติธรรมลงอย่างสิ้นเชิง
และรัฐไทยใหม่ภายใต้อำนาจของทักษิณก็รักษาสัมพันธภาพกับคนเสื้อแดงเอาไว้โดยทำให้คนเสื้อแดงเข้าใจว่า พวกเขาเป็นอภิสิทธิชนกลุ่มใหม่ที่จะทำอะไรก็ได้ที่จะได้รับการคุ้มครองจากอำนาจรัฐ
และคนแบบนิธิซึ่งมีอยู่มากมายในกลุ่มนักวิชาการที่ไม่เอาสถาบันก็กลายเป็นปุ๋ยให้ทักษิณใช้หว่านให้คนรากหญ้าเชื่อว่าตัวเองมีความถูกต้องชอบธรรม