ปัตตานี - นักโทษในเรือนจำกลางปัตตานีก่อจลาจลรุมทำร้ายเพื่อนนักโทษที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ช่วย จนท.เสียชีวิต 3 ศพ พร้อมยื่น 7 ข้อเรียกร้อง"เปลี่ยนผู้รับผิดชอบโรงครัว และ จนท.ตรวจของเยี่ยมเป็นที่มุสลิม พร้อมย้ายนักโทษที่มาจากเรือนจำนราฯและยะลาออก" ขู่หากไม่เปลี่ยนจะป่วนหนัก ด้านรองผู้ว่าฯปัตตานียันไม่เกี่ยวกับเรื่องศาสนาและการปฏิบัติงานของ จนท. เผยควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว
เมื่อเวลา 08.00 น.วานนี้(5 ก.ย.)ที่เรือนจำกลางจังหวัดปัตตานี ได้เกิดเหตุมีนักโทษในเรือนจำก่อหวอดทะเลาะวิวาทกันเป็นกลุ่มใหญ่ หลังเกิดเหตุนายอาวุธ สุวรรณโณ ผบ.เรือนจำกลางจังหวัดปัตตานี ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่เรือนจำ พร้อมแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง พร้อมชุดปราบจลาจลกว่า 300 นายเข้ามายังที่เกิดเหตุเพื่อควบคุมสถานการณ์ แต่เนื่องจากเหตุการณ์ภายในเรือนจำมีผู้ก่อเหตุจำนวนมาก ทำให้เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถที่เข้าไปภายในเรือนจำได้ มีเพียงเจ้าหน้าที่เรือนจำบางส่วนเท่านั้นที่เฝ้าดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
จากการสอบสวนทราบว่า ในขณะที่นักโทษในเรือนจำกำลังยืนเข้าแถวเคารพธงชาติอยู่นั้น ปรากฏว่าได้มีกลุ่มนักโทษกว่า 40 คนเข้ามารุมทำร้ายนักโทษด้วยกัน ซึ่งเป็นนักโทษชั้นดีที่เจ้าหน้าที่เรือนจำได้แต่งตั้งเป็นผู้ช่วยเจ้าหน้าที่เรือนจำ 5 คน จนต้องวิ่งหนีกระเจิงขึ้นไปยังหลังคาเรือนนอน แต่ได้พลัดตกจากหลังคาเรือนนอนอาการสาหัส 3 ราย จากนั้นนักโทษได้รุมทำร้ายจนเสียชีวิต 3 ราย แต่ในระหว่างเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าไปนำร่างนักโทษเคราะห์ร้ายดังกล่าวออกจากจุดเกิดเหตุได้ นอกจากนี้ นักโทษที่ก่อเหตุยังได้บังคับให้เจ้าหน้าที่เรือนจำปล่อยนักโทษที่มาจาก จ.นราธิวาส และยะลา ให้เข้าร่วมกับกลุ่มผู้ก่อเหตุอีกด้วยทำให้มีนักโทษเข้าร่วมก่อเหตุเกือบ 200 คน
ขณะเดียวกัน นักโทษภายในเรือนจำยังได้มีการแบ่งกลุ่มเป็น 2 พวกโดยมีกลุ่มนักโทษที่ไม่เข้าร่วมก่อเหตุ ซึ่งอยู่แดนนอกและมีเจ้าหน้าที่คอยควบคุมดูแลอยู่ ส่วนแดนในเป็นกลุ่มนักโทษที่เข้าข่ายร่วมกันก่อเหตุจลาจลคาดว่ามีกว่า 800 คนจากนักโทษภายในเรือนจำกว่า 1,200 คน ซึ่งบางคนมีการปิดหน้าปิดตาถือไม้เดินไปเดินมารอบๆ กำแพงด้านในเรือนจำ ขณะที่นักโทษบางกลุ่มได้มีการทุบกำแพงบริเวณทางทิศตะวันตก คาดว่าน่าจะเตรียมหลบหนี เจ้าหน้าที่จึงได้เสริมกำลังจากโรงพักต่างๆ เพื่อเข้าควบคุมสถานการณ์
ส่วนสาเหตุคาดว่าเกิดจากที่นักโทษในเรือนจำ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักโทษมุสลิมไม่พอใจเจ้าหน้าที่เรือนจำที่เป็นชาวไทยพุทธที่ไม่ให้ความเป็นธรรมกับนักโทษมุสลิม โดยเฉพาะในเรื่องของอาหาร ซึ่งไม่ถูกหลักศาสนา ทำให้เกิดความไม่พอใจและร่วมกันก่อเหตุในครั้งนี้
ต่อมานายเสรี ศรีหะไตร และว่าที่ รต.เลิศเกียรติ วงศ์โพธิพันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี นายอาวุธ สุวรรณโณ ผบ.เรือนจำกลางจังหวัดปัตตานี พร้อมด้วยฝ่ายทหาร และตำรวจ ได้มีการประชุมหารือกันภายห้องประชุมเรือนจำกลางจังหวัดปัตตานี เพื่อหาทางยุติการชุลมุนและเจรจากับกลุ่มนักโทษภายในเรือนจำ
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ในเวลาต่อมา หลังจากกลุ่มนักโทษที่ก่อจลาจลได้ยื่นข้อเรียกร้อง 7 ข้อระบุว่า 1.ขอเปลี่ยนและกำหนดกฎระเบียบที่ไม่ตึงเครียดเกินไป 2.ขอเปลี่ยนผู้รับผิดชอบโรงครัวให้เป็นผู้ต้องขังมุสลิมทั้งหมด 3.ขอเปลี่ยนเจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่ตรวจค้นสิ่งของญาติเยี่ยมให้เป็นเจ้าหน้าที่มุสลิม 4.ขอปรับเปลี่ยนระบบงานกองอวน 5.ขอให้เจ้าหน้าที่หยุดใช้มาตรการลงโทษที่รุนแรง 6.ให้ผู้ต้องขังไทยพุทธที่เป็นต้นเหตุของปัญหาทั้งหมดย้ายเรือนจำ และ 7.ห้ามโยกย้ายผู้ต้องขังที่ก่อเหตุในวันนี้ ถ้าย้ายจะมีการก่อเหตุที่รุนแรงขึ้น โดยนายนิพนธ์ นราพิทักษ์กุล ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ให้รับข้อเสนอทั้ง 7 ข้อเพื่อลดความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้น
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าลำเลียงนักโทษที่ได้รับบาดเจ็บ 2 รายส่งโรงพยาบาลปัตตานี คือ นช.วายุ เอ็งฉ้วน แต่เนื่องจากอาการสาหัสจึงเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วน นช.สัก ไก่ สัญชาติพม่าได้รับบาดเจ็บ ขณะที่ นช.ภานุวัฒน์ คงอินทร์ เสียชีวิตภายในเรือนจำ สภาพศพมีบาดแผลหลายแห่งเนื่องจากตกลงมาจากที่สูง
นายเสรี ศรีหะไตร รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ชี้แจงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า มาจากทะเลาะวิวาทระหว่างกลุ่มนักโทษ เรื่องการขัดแย้งระหว่างนักโทษ เจ้าหน้าที่พยายามควบคุมสถานการณ์ แต่ด้วยนักโทษมีจำนวนมากจึงควบคุมไม่ได้ เหตุการณ์จึงบานปลายจนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ทั้งนี้ ตนขอยื่นยันว่าเหตุเกิดจากการทะเลาะวิวาท ไม่เกี่ยวกับการกระทำของเจ้าหน้าที่ และไม่เกี่ยวกับเรื่องศาสนา โดยเข้าใจว่านักโทษคงจะมีความกดดันกันเอง โดยเฉพาะผู้เสียชีวิตเป็นหัวหน้าศูนย์ฝึกอาชีพ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะไม่ใช้ความรุนแรง แต่จะให้การเจรจาโดยใช้ระเบียบกฎหมาย
"ส่วนสาเหตุของผู้เสียชีวิตนั้นมาจากการวิ่งหนีเนื่องจากเกรงว่าจะถูกทำร้ายขึ้นไปบนที่สูงและตกลงมากระแทกพื้น สำหรับข้อเรียกร้องให้เปลี่ยนเจ้าหน้าที่เป็นมุสลิมนั้น อยู่ในระหว่างเจรจา ซึ่งโดยหลักการแล้วเจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่เป็นไทยพุทธ ซึ่งเป็นเรื่องปกติทุกคนต้องทำตามหน้าที่ ส่วนไหนที่ปฏิบัติกับนักโทษมุสลิมที่ไม่ถูกต้อง ผมก็ได้ประสานไปยังคณะกรรมการอิสลามจังหวัดปัตตานีมาคุยกับนักโทษเพื่อหาข้อชัดเจนแล้ว ส่วนกลุ่มนักโทษที่ก่อเหตุมาจากเรือนจำนราธิวาสและยะลา เรือนจำได้ควบคุมอย่างเข้มงวดซึ่งก็ยังไม่ยืนยัน ส่วนบทลงโทษกับผู้ที่ก่อเหตุวุ่นวายนั้น ขณะนี้ได้มีการเข้าไปสืบค้นหลักฐานที่ชัดเจนว่าใครเป็นผู้ก่อเหตุ และจะดำเนินการตามกฎหมายและตามระเบียบของเรือนจำต่อไป" นายเสรี กล่าว
เมื่อเวลา 08.00 น.วานนี้(5 ก.ย.)ที่เรือนจำกลางจังหวัดปัตตานี ได้เกิดเหตุมีนักโทษในเรือนจำก่อหวอดทะเลาะวิวาทกันเป็นกลุ่มใหญ่ หลังเกิดเหตุนายอาวุธ สุวรรณโณ ผบ.เรือนจำกลางจังหวัดปัตตานี ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่เรือนจำ พร้อมแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง พร้อมชุดปราบจลาจลกว่า 300 นายเข้ามายังที่เกิดเหตุเพื่อควบคุมสถานการณ์ แต่เนื่องจากเหตุการณ์ภายในเรือนจำมีผู้ก่อเหตุจำนวนมาก ทำให้เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถที่เข้าไปภายในเรือนจำได้ มีเพียงเจ้าหน้าที่เรือนจำบางส่วนเท่านั้นที่เฝ้าดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
จากการสอบสวนทราบว่า ในขณะที่นักโทษในเรือนจำกำลังยืนเข้าแถวเคารพธงชาติอยู่นั้น ปรากฏว่าได้มีกลุ่มนักโทษกว่า 40 คนเข้ามารุมทำร้ายนักโทษด้วยกัน ซึ่งเป็นนักโทษชั้นดีที่เจ้าหน้าที่เรือนจำได้แต่งตั้งเป็นผู้ช่วยเจ้าหน้าที่เรือนจำ 5 คน จนต้องวิ่งหนีกระเจิงขึ้นไปยังหลังคาเรือนนอน แต่ได้พลัดตกจากหลังคาเรือนนอนอาการสาหัส 3 ราย จากนั้นนักโทษได้รุมทำร้ายจนเสียชีวิต 3 ราย แต่ในระหว่างเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าไปนำร่างนักโทษเคราะห์ร้ายดังกล่าวออกจากจุดเกิดเหตุได้ นอกจากนี้ นักโทษที่ก่อเหตุยังได้บังคับให้เจ้าหน้าที่เรือนจำปล่อยนักโทษที่มาจาก จ.นราธิวาส และยะลา ให้เข้าร่วมกับกลุ่มผู้ก่อเหตุอีกด้วยทำให้มีนักโทษเข้าร่วมก่อเหตุเกือบ 200 คน
ขณะเดียวกัน นักโทษภายในเรือนจำยังได้มีการแบ่งกลุ่มเป็น 2 พวกโดยมีกลุ่มนักโทษที่ไม่เข้าร่วมก่อเหตุ ซึ่งอยู่แดนนอกและมีเจ้าหน้าที่คอยควบคุมดูแลอยู่ ส่วนแดนในเป็นกลุ่มนักโทษที่เข้าข่ายร่วมกันก่อเหตุจลาจลคาดว่ามีกว่า 800 คนจากนักโทษภายในเรือนจำกว่า 1,200 คน ซึ่งบางคนมีการปิดหน้าปิดตาถือไม้เดินไปเดินมารอบๆ กำแพงด้านในเรือนจำ ขณะที่นักโทษบางกลุ่มได้มีการทุบกำแพงบริเวณทางทิศตะวันตก คาดว่าน่าจะเตรียมหลบหนี เจ้าหน้าที่จึงได้เสริมกำลังจากโรงพักต่างๆ เพื่อเข้าควบคุมสถานการณ์
ส่วนสาเหตุคาดว่าเกิดจากที่นักโทษในเรือนจำ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักโทษมุสลิมไม่พอใจเจ้าหน้าที่เรือนจำที่เป็นชาวไทยพุทธที่ไม่ให้ความเป็นธรรมกับนักโทษมุสลิม โดยเฉพาะในเรื่องของอาหาร ซึ่งไม่ถูกหลักศาสนา ทำให้เกิดความไม่พอใจและร่วมกันก่อเหตุในครั้งนี้
ต่อมานายเสรี ศรีหะไตร และว่าที่ รต.เลิศเกียรติ วงศ์โพธิพันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี นายอาวุธ สุวรรณโณ ผบ.เรือนจำกลางจังหวัดปัตตานี พร้อมด้วยฝ่ายทหาร และตำรวจ ได้มีการประชุมหารือกันภายห้องประชุมเรือนจำกลางจังหวัดปัตตานี เพื่อหาทางยุติการชุลมุนและเจรจากับกลุ่มนักโทษภายในเรือนจำ
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ในเวลาต่อมา หลังจากกลุ่มนักโทษที่ก่อจลาจลได้ยื่นข้อเรียกร้อง 7 ข้อระบุว่า 1.ขอเปลี่ยนและกำหนดกฎระเบียบที่ไม่ตึงเครียดเกินไป 2.ขอเปลี่ยนผู้รับผิดชอบโรงครัวให้เป็นผู้ต้องขังมุสลิมทั้งหมด 3.ขอเปลี่ยนเจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่ตรวจค้นสิ่งของญาติเยี่ยมให้เป็นเจ้าหน้าที่มุสลิม 4.ขอปรับเปลี่ยนระบบงานกองอวน 5.ขอให้เจ้าหน้าที่หยุดใช้มาตรการลงโทษที่รุนแรง 6.ให้ผู้ต้องขังไทยพุทธที่เป็นต้นเหตุของปัญหาทั้งหมดย้ายเรือนจำ และ 7.ห้ามโยกย้ายผู้ต้องขังที่ก่อเหตุในวันนี้ ถ้าย้ายจะมีการก่อเหตุที่รุนแรงขึ้น โดยนายนิพนธ์ นราพิทักษ์กุล ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ให้รับข้อเสนอทั้ง 7 ข้อเพื่อลดความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้น
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าลำเลียงนักโทษที่ได้รับบาดเจ็บ 2 รายส่งโรงพยาบาลปัตตานี คือ นช.วายุ เอ็งฉ้วน แต่เนื่องจากอาการสาหัสจึงเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วน นช.สัก ไก่ สัญชาติพม่าได้รับบาดเจ็บ ขณะที่ นช.ภานุวัฒน์ คงอินทร์ เสียชีวิตภายในเรือนจำ สภาพศพมีบาดแผลหลายแห่งเนื่องจากตกลงมาจากที่สูง
นายเสรี ศรีหะไตร รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ชี้แจงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า มาจากทะเลาะวิวาทระหว่างกลุ่มนักโทษ เรื่องการขัดแย้งระหว่างนักโทษ เจ้าหน้าที่พยายามควบคุมสถานการณ์ แต่ด้วยนักโทษมีจำนวนมากจึงควบคุมไม่ได้ เหตุการณ์จึงบานปลายจนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ทั้งนี้ ตนขอยื่นยันว่าเหตุเกิดจากการทะเลาะวิวาท ไม่เกี่ยวกับการกระทำของเจ้าหน้าที่ และไม่เกี่ยวกับเรื่องศาสนา โดยเข้าใจว่านักโทษคงจะมีความกดดันกันเอง โดยเฉพาะผู้เสียชีวิตเป็นหัวหน้าศูนย์ฝึกอาชีพ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะไม่ใช้ความรุนแรง แต่จะให้การเจรจาโดยใช้ระเบียบกฎหมาย
"ส่วนสาเหตุของผู้เสียชีวิตนั้นมาจากการวิ่งหนีเนื่องจากเกรงว่าจะถูกทำร้ายขึ้นไปบนที่สูงและตกลงมากระแทกพื้น สำหรับข้อเรียกร้องให้เปลี่ยนเจ้าหน้าที่เป็นมุสลิมนั้น อยู่ในระหว่างเจรจา ซึ่งโดยหลักการแล้วเจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่เป็นไทยพุทธ ซึ่งเป็นเรื่องปกติทุกคนต้องทำตามหน้าที่ ส่วนไหนที่ปฏิบัติกับนักโทษมุสลิมที่ไม่ถูกต้อง ผมก็ได้ประสานไปยังคณะกรรมการอิสลามจังหวัดปัตตานีมาคุยกับนักโทษเพื่อหาข้อชัดเจนแล้ว ส่วนกลุ่มนักโทษที่ก่อเหตุมาจากเรือนจำนราธิวาสและยะลา เรือนจำได้ควบคุมอย่างเข้มงวดซึ่งก็ยังไม่ยืนยัน ส่วนบทลงโทษกับผู้ที่ก่อเหตุวุ่นวายนั้น ขณะนี้ได้มีการเข้าไปสืบค้นหลักฐานที่ชัดเจนว่าใครเป็นผู้ก่อเหตุ และจะดำเนินการตามกฎหมายและตามระเบียบของเรือนจำต่อไป" นายเสรี กล่าว
