วานนี้ (5 ก.ย.) องค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International: TI) ในเยอรมัน เปิดเผยการจัดอันดับดัชนีภาพลักษณ์คอรัปชันของประเทศต่างๆ ทั่วโลก โดยในปี 2553 ประเทศไทยนั้นติดอันดับที่ 78 ลดลงจากเมื่อปี 2552 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 84 เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า ประเทศไทยมีการคอรัปชันลดลง โดยลดลงมา 7 อันดับ
ทาง TI ได้คำนวณดัชนี CPI ของแต่ละประเทศ จากคะแนนเต็ม 10 คะแนน ซึ่งหมายความว่า ประเทศที่มีดัชนี CPI 10 คะแนน จะเป็นประเทศที่ปลอดการคอรัปชัน ในขณะที่ประเทศที่มีค่าดัชนีต่ำก็จะเป็นประเทศที่มีการคอรัปชันสูง
ทั้งนี้ TI ได้ให้คะแนนประเทศไทยในปี 2553 ทั้งหมด 3.5 คะแนน ส่งผลให้รั้งอยู่ในอันดับ 78 มีคะแนนเท่ากับประเทศ เซอร์เบีย เปรู จีน โคลัมเบีย กรีซ และ เลโซโท ในส่วนของประเทศที่มีค่าดัชนีสูงสุดนั้นคือ เดนมาร์ก นิวซีแลนด์ และสิงคโปร์ ซึ่งทั้งสามประเทศนี้มีค่าดัชนีที่ 9.3 ในขณะที่สหรัฐนั้นรั้งอันดับ 22
ทางด้านประเทศที่มีคะแนนต่ำสุดนั้นได้แก่ โซมาเลีย ซึ่งมีคะแนนเพียง 1.1 คะแนน
**เด็จพีท้า“อัมมาร์”ลาออกหากทำได้
ที่รัฐสภา นายพร้อมพงษ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายอัมมาร สยามวาลา นักวิชาการเกียรติคุณ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ออกมาวิพากษ์วิจารณ์นโยบายการรับจำนำข้าว และระบุว่ารัฐบาลชุดนี้ดีแต่โม้ ว่า เป็นเพียงนักวิชาการขาประจำ มีอคติส่วนตัว และมีนัยยะทางการเมือง อยากขอให้โอกาสรัฐบาลในการทำงานก่อน 3 เดือน หรือ 6 เดือน เพราะขณะนี้โครงการจำนำข้าวของรัฐบาลจะเริ่มต้นในวันที่ 7 ต.ค. และที่ผ่านมารัฐบาลตั้งแต่พรรคไทยรักไทย ก็เคยพิสูจน์แล้วว่าหลายโครงการทำได้จริง แม้จะถูกวิจารณ์ตั้งแต่แรก อาทิ 30 บาทรักษาทุกโรค กองทุนหมู่บ้าน โครงการเอสเอ็มแอล และสินค้าโอทอป เป็นต้น จึงอยากท้านายอัมมารว่า กล้าที่จะใช้ตำแหน่งเดิมพันหรือไม่ หากรัฐบาลพรรคเพื่อไทยสามารถดำเนินนยบายได้จริง เนื่องจากการออกมาพูดครั้งนี้ก็เหมือนว่านายอัมมารดีแต่พูด สอดคล้องกับพฤติกรรมของพรรคการเมืองบางพรรคที่มีผู้นำที่ดีแต่พูด
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีการดำเนินโครงการจำนำข้าวจะก่อหนี้ให้กับประเทศมหาศาล นายพร้อมพงษ์ กล่าวว่า เป็นเพียงการประมาณการณ์เท่านั้น เหตุใดนายอัมมารจึงไม่ไปทำการศึกษาว่า หากโครงการประกันราคาข้าวดีจริง แต่ทำให้ชาวนายังยากจน และออกมาปิดถนนอยู่ อย่างไรก็ตามรัฐบาลพรรคเพื่อไทยก็ยินดีที่จะรับฟังการวิพากษ์วิจารณ์ แต่อยากให้เป็นการติเพื่อก่อ ติอย่างสร้างสรรค์ มิใช่มาดิสเครดิตเช่นนนี้
**“ยิ่งลักษณ์” พร้อมรับฟังเสียงวิจารณ์
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนเองก็รับฟัง แต่ทีมงานของกระทรวงพาณิชย์ก็ได้มีการศึกษาถึงข้อห่วงใยและข้อระมัดระวังตั้งแต่เริ่มต้นอยู่แล้ว ขณะนี้กำลังทบทวนแผนงานเรื่องของข้าวอยู่
ส่วนจะใช้ผลงานเป็นเครื่องพิสูจน์ได้ในเร็ววันหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า เรื่องของผลงานนั้น คงต้องให้เวลา เพราะวันนี้เราอยู่ในกระบวนการการทบทวนขั้นตอนทั้งหมดที่ผ่านมาว่า จะปรับปรุงอย่างไรให้ดีขึ้น ซึ่งเราเองก็จะค่อย ๆเร่งรัดผลงานต่าง ๆ ให้ออกมาอยู่แล้ว เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้ประจักษ์
กรณีพรรคเพื่อไทยหาเสียงไว้ว่าจะทำให้เงินในกระเป๋าประชาชนเพิ่มขึ้น ได้ตั้งระยะเวลาหรือไม่ว่าจะเพิ่มขึ้นได้เมื่อไหร่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า “โอ้ เงินในกระเป๋าเพิ่มขึ้นอย่างน้อยก็ต้องขอให้นโยบายทุกอย่าง และงานเร่งด่วนในปีแรกได้ออกไปก่อน อันนี้จะมีส่วนเพิ่มขึ้น แต่ทั้งนี้คงต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 ปี”
ส่วนที่ประชาชนอยากให้รัฐบาลเร่งในเรื่องการแก้ปัญหาปากท้องมากกว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า “วันนี้เราเร่งอยู่แล้ว ขอให้เห็นใจเถอะคะ เพิ่งทำงานยังไม่ถึงเดือนเลย ให้เวลาหน่อยนะ ถ้านับอายุงานจริง ๆ หลังจากแถลงนโยบาย จนถึงวันนี้ก็ไม่กี่วันเอง ขอประชาชนใจเย็นๆ นิดหนึ่ง จะพยายามทำหน้าที่อย่างเต็มที่”
กรณีประชาชนตั้งความหวังกับรัฐบาลมากว่าจะขับเคลื่อนนโยบายต่าง ๆ ให้ออกมา แต่ดูเหมือนงานเร่งด่วนกลับกลายเป็นเรื่องการโยกย้ายส่วนใหญ่ เน้นไปเรื่องการเมื่องมากกว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า การโยกย้ายขณะนี้ถือเป็นฤดูกาลปกติ เพราะเป็นฤดูที่มีการโยกย้ายอยู่แล้ว ตนเองก็ให้สิทธิกับรัฐมนตรีทุกกระทรวงได้พิจารณาผู้ที่ต้องขับเคลื่อนการทำงาน ทุกอย่างเป็นไปตามเนื้องาน ไม่มีการกลั่นแกล้งแต่อย่างใด
ที้งนี้รัฐบาลจะทำอย่างไรไม่ให้ถูกข้อครหาว่ามุ่งเป้าเข้ามาในเรื่องการเมืองโดยเฉพาะการเคลื่อนไหวขอพระราชทานอภัยโทษให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ทุกอย่างเป็นขบวนการที่ต้องทำไปตามขั้นตอน แต่ขอให้พี่น้องประชาชนดูที่ผลของงานดีกว่า เพราะงานต่างๆบางครั้งอาจเป็นเพียงการเริ่มในแต่ละขบวนการ แต่ไม่ได้บอกว่าทุกอย่างเราต้องมาเร่งรัด สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้คือตนงเได้เร่งรัดว่าจะทำอย่างไรในการแก้ไขปัญหาปากท้องและปัญหาน้ำท่วม ที่ถือว่าเป็นปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน
**เหลิมเมิน อ้างเพิ่งทำงานได้ 7 วัน
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรง รองนายกรัฐมนตรี กล่าว ว่า รัฐบาลเพิ่งเข้ามา 7 วัน แล้วจะไปทำอะไรได้ ตนพูดตรงๆพวกนี้ไม่ดูแลตัวเองบ้าง อย่างไรก็ตาม รัฐบาลเพิ่งจะทำงานได้ 7 วัน ไม่รู้อะไรกันนักหนา ฝ่ายค้านก็ไปกับเขาด้วย เพราะทำใจไม่ได้ก็แพ้เป็นร้อย
** “เทือก” อยากให้รบ.ปูอยู่ยาวๆ
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฏ์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนยังไม่วิจารณ์รัฐบาลอะไรมากไปกว่านี้ แต่ตนก็ทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ติดตามดูพฤติกรรมของรัฐบาลทุกอย่างว่าสิ่งที่รัฐบาลพูดมานั้น ทำอะไรได้หรือไม่ได้อย่างไร ทำแล้วเกิดผลดี ผลเสียอย่างไร ซึ่งถ้าเห็นว่าเมื่อไรมีอะไรร้ายแรงเราก็ต้องอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตรวจสอบกัน
ส่วนจะอภิปรายไม่ไว้วางใจเลยหรือไม่นั้นนายสุเทพ กล่าวว่า ต้องดูก่อน อย่าเพิ่งรีบ เขาเพิ่งตั้งรัฐบาลได้ไม่กี่วัน เมื่อถามว่าเป็นการสะท้อนหรือไม่ว่าอายุของรัฐบาลจะไม่ยืดยาว นายสุเทพ กล่าวว่า ตนอยากให้เขาอยู่ยืดยาว ทำงานเต็มที่
**ปชป.แขวะลุแก่อำนาจ ทำรัฐบาลอายุสั้น
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเห็นด้วยกับนายอัมมาร และคิดว่าคงไม่ให้เวลารัฐบาลนี้นานเท่าไร แต่รัฐบาลเองควรกลับตัวกลับใจมาทำงานเพื่อประชาชนให้มากกว่านี้ เพราะสิ่งที่จะล้มล้างรัฐบาลนี้ได้ ไม่ใช่อำนาจนอกระบบ นอกจากพฤติกรรมที่รัฐบาลเองละเลย ทอดทิ้งประชาชน ไม่รักษาสัญญาประชาคมที่ให้ไว้ตอนที่หาเสียง และการทุจริต คอร์รัปชัน หรือการใช้อำนาจไม่เป็นธรรมที่ลุแก่อำนาจ สิ่งเหล่านี้มากกว่าที่จะทำให้รัฐบาลนี้อายุสั้นด้วยตัวเอง ดังนั้น จึงขอให้เลิกกังวลกับปัจจัยนอกระบบอื่น ที่ใช้จิตนาการว่าจะมาแทรกแซงตัวเอง
**รื้อกก.168ชุด คงครม.เศรษฐกิจ
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้หน่วยงานราชการต่างๆ ไปทบทวนกระบวนการทำงานของคณะกรรมการชุดต่างๆ ในปัจจุบัน ที่มีจำนวนมากถึง 168 ชุด เพื่อให้การบริหารงานรูปแบบคณะกรรมการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ซ้ำซ้อน มีจำนวนที่น้อยลง
"นายกฯได้มอบหมายให้หน่วยงานต่างๆ กลับไปทบทวนสถานะและความจำเป็นของคณะกรรมการที่อยู่ในความรับผิดชอบ ว่ามีคณะกรรมการชุดใดบ้าง ที่ยังมีความจำเป็นต้องคงอยู่ หรือสมควรยกเลิกไป และส่งเรื่องกลับมาให้รับทราบภายในวันที่ 13 กันยายนนี้" นายกิตติรัตน์ระบุ
นายกิตติรัตน์กล่าวว่า ในช่วงต้นสัปดาห์นี้ นายกรัฐมนตรีจะลงนามคำสั่งแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ทำหน้าที่ช่วยพิจารณางานนโยบายด้านเศรษฐกิจ และกลั่นกรองงานด้านเศรษฐกิจที่สำคัญ ก่อนเสนอเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดย ครม.เศรษฐกิจจะมีตัวแทนหน่วยงานด้านเศรษฐกิจเข้าร่วม แต่จะมีกระทรวงแรงงานและกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีร่วมด้วย ซึ่งจะมีการประชุมมากกว่า 1 ครั้งต่อสัปดาห์ คือ ก่อนประชุม ครม.เพื่อช่วยกลั่นกรองงานด้านเศรษฐกิจก่อนเข้า ครม. และหลังการประชุม ครม.เพื่อติดตามงานที่ได้รับมอบหมายจาก ครม.
"นอกจากนี้ การกำกับดูแลงานด้านอื่นๆ เช่น เรื่องสังคม ก็จะมีการตั้ง ครม.ด้านสังคม ขึ้นมาทำงานในรูปแบบเดียวกับ ครม.เศรษฐกิจด้วย และมีรองนายกฯที่รับผิดชอบงานด้านนี้ เข้ามาดูแล" นายกิตติรัตน์กล่าว
**“เหลิม”อัดสื่ออารมณ์ค้าง ลงคลาดเคลื่อน
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ผลโพลล์ออกมาระบุว่าไม่ค่อยมีความสุขกับการทำงานของรัฐบาล ว่า เป็นธรรมดาคนที่เป็นรัฐบาลก็ไม่มีความสุข ส่วนการโยกย้ายข้าราชการ และการช่วยเหลือกลุ่มคนเสื้อแดง จะทำให้ความน่าเชื่อถือหรือความนิยมในรัฐบาลลดน้อยลงหรือไม่นั้น ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า คำว่าเยียวยานี่ คือทุกภาคส่วน นายประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม ได้กล่าวในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แต่สื่อที่ไม่ชอบ ก็ไปเขียนว่าเยียวยาแต่คนเสื้อแดง ซึ่งมันไม่ใช่ แต่เป็นทุกภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบและไม่เป็นธรรม เช่นเหตุการณ์กรือเซะ ตากใบ หรือที่อื่นๆ ซึ่งรวมทั้งคนเสื้อแดงด้วย ทั้งนี้มีหนังสือพิมพ์แนวหน้าฉบับเดียว คอลัมน์นิตส์ที่ชื่อมือปราบเขียนระบุว่าให้เฉพาะคนเสื้อแดง ซึ่งมันไม่ใช่ หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจก็ด่าตนยับ ด้วยความห่วงใย เป็นการเข้าใจผิดหมด โดยไปเข้าใจกันเอาเองว่ารัฐบาลจะทำอย่างนั้น
“เราจะทำให้ทุกภาคส่วนได้หมด คนไทยด้วยกันจำไปแบ่งแยกอะไรกัน เสื้อเหลืองได้รับผลกระทบก็ดู ตากใบก็ดู กรือเซะก็ดู ดูหมด แต่เป็นพวกออกตัวเร็วคอลัมน์ที่ไม่ชอบอยู่ก็ด่ามาตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง พอเลือกตั้งแล้วหักปากกาเซียนแล้วตกใจ เลยใส่ต่อ”ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
ทาง TI ได้คำนวณดัชนี CPI ของแต่ละประเทศ จากคะแนนเต็ม 10 คะแนน ซึ่งหมายความว่า ประเทศที่มีดัชนี CPI 10 คะแนน จะเป็นประเทศที่ปลอดการคอรัปชัน ในขณะที่ประเทศที่มีค่าดัชนีต่ำก็จะเป็นประเทศที่มีการคอรัปชันสูง
ทั้งนี้ TI ได้ให้คะแนนประเทศไทยในปี 2553 ทั้งหมด 3.5 คะแนน ส่งผลให้รั้งอยู่ในอันดับ 78 มีคะแนนเท่ากับประเทศ เซอร์เบีย เปรู จีน โคลัมเบีย กรีซ และ เลโซโท ในส่วนของประเทศที่มีค่าดัชนีสูงสุดนั้นคือ เดนมาร์ก นิวซีแลนด์ และสิงคโปร์ ซึ่งทั้งสามประเทศนี้มีค่าดัชนีที่ 9.3 ในขณะที่สหรัฐนั้นรั้งอันดับ 22
ทางด้านประเทศที่มีคะแนนต่ำสุดนั้นได้แก่ โซมาเลีย ซึ่งมีคะแนนเพียง 1.1 คะแนน
**เด็จพีท้า“อัมมาร์”ลาออกหากทำได้
ที่รัฐสภา นายพร้อมพงษ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายอัมมาร สยามวาลา นักวิชาการเกียรติคุณ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ออกมาวิพากษ์วิจารณ์นโยบายการรับจำนำข้าว และระบุว่ารัฐบาลชุดนี้ดีแต่โม้ ว่า เป็นเพียงนักวิชาการขาประจำ มีอคติส่วนตัว และมีนัยยะทางการเมือง อยากขอให้โอกาสรัฐบาลในการทำงานก่อน 3 เดือน หรือ 6 เดือน เพราะขณะนี้โครงการจำนำข้าวของรัฐบาลจะเริ่มต้นในวันที่ 7 ต.ค. และที่ผ่านมารัฐบาลตั้งแต่พรรคไทยรักไทย ก็เคยพิสูจน์แล้วว่าหลายโครงการทำได้จริง แม้จะถูกวิจารณ์ตั้งแต่แรก อาทิ 30 บาทรักษาทุกโรค กองทุนหมู่บ้าน โครงการเอสเอ็มแอล และสินค้าโอทอป เป็นต้น จึงอยากท้านายอัมมารว่า กล้าที่จะใช้ตำแหน่งเดิมพันหรือไม่ หากรัฐบาลพรรคเพื่อไทยสามารถดำเนินนยบายได้จริง เนื่องจากการออกมาพูดครั้งนี้ก็เหมือนว่านายอัมมารดีแต่พูด สอดคล้องกับพฤติกรรมของพรรคการเมืองบางพรรคที่มีผู้นำที่ดีแต่พูด
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีการดำเนินโครงการจำนำข้าวจะก่อหนี้ให้กับประเทศมหาศาล นายพร้อมพงษ์ กล่าวว่า เป็นเพียงการประมาณการณ์เท่านั้น เหตุใดนายอัมมารจึงไม่ไปทำการศึกษาว่า หากโครงการประกันราคาข้าวดีจริง แต่ทำให้ชาวนายังยากจน และออกมาปิดถนนอยู่ อย่างไรก็ตามรัฐบาลพรรคเพื่อไทยก็ยินดีที่จะรับฟังการวิพากษ์วิจารณ์ แต่อยากให้เป็นการติเพื่อก่อ ติอย่างสร้างสรรค์ มิใช่มาดิสเครดิตเช่นนนี้
**“ยิ่งลักษณ์” พร้อมรับฟังเสียงวิจารณ์
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนเองก็รับฟัง แต่ทีมงานของกระทรวงพาณิชย์ก็ได้มีการศึกษาถึงข้อห่วงใยและข้อระมัดระวังตั้งแต่เริ่มต้นอยู่แล้ว ขณะนี้กำลังทบทวนแผนงานเรื่องของข้าวอยู่
ส่วนจะใช้ผลงานเป็นเครื่องพิสูจน์ได้ในเร็ววันหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า เรื่องของผลงานนั้น คงต้องให้เวลา เพราะวันนี้เราอยู่ในกระบวนการการทบทวนขั้นตอนทั้งหมดที่ผ่านมาว่า จะปรับปรุงอย่างไรให้ดีขึ้น ซึ่งเราเองก็จะค่อย ๆเร่งรัดผลงานต่าง ๆ ให้ออกมาอยู่แล้ว เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้ประจักษ์
กรณีพรรคเพื่อไทยหาเสียงไว้ว่าจะทำให้เงินในกระเป๋าประชาชนเพิ่มขึ้น ได้ตั้งระยะเวลาหรือไม่ว่าจะเพิ่มขึ้นได้เมื่อไหร่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า “โอ้ เงินในกระเป๋าเพิ่มขึ้นอย่างน้อยก็ต้องขอให้นโยบายทุกอย่าง และงานเร่งด่วนในปีแรกได้ออกไปก่อน อันนี้จะมีส่วนเพิ่มขึ้น แต่ทั้งนี้คงต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 ปี”
ส่วนที่ประชาชนอยากให้รัฐบาลเร่งในเรื่องการแก้ปัญหาปากท้องมากกว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า “วันนี้เราเร่งอยู่แล้ว ขอให้เห็นใจเถอะคะ เพิ่งทำงานยังไม่ถึงเดือนเลย ให้เวลาหน่อยนะ ถ้านับอายุงานจริง ๆ หลังจากแถลงนโยบาย จนถึงวันนี้ก็ไม่กี่วันเอง ขอประชาชนใจเย็นๆ นิดหนึ่ง จะพยายามทำหน้าที่อย่างเต็มที่”
กรณีประชาชนตั้งความหวังกับรัฐบาลมากว่าจะขับเคลื่อนนโยบายต่าง ๆ ให้ออกมา แต่ดูเหมือนงานเร่งด่วนกลับกลายเป็นเรื่องการโยกย้ายส่วนใหญ่ เน้นไปเรื่องการเมื่องมากกว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า การโยกย้ายขณะนี้ถือเป็นฤดูกาลปกติ เพราะเป็นฤดูที่มีการโยกย้ายอยู่แล้ว ตนเองก็ให้สิทธิกับรัฐมนตรีทุกกระทรวงได้พิจารณาผู้ที่ต้องขับเคลื่อนการทำงาน ทุกอย่างเป็นไปตามเนื้องาน ไม่มีการกลั่นแกล้งแต่อย่างใด
ที้งนี้รัฐบาลจะทำอย่างไรไม่ให้ถูกข้อครหาว่ามุ่งเป้าเข้ามาในเรื่องการเมืองโดยเฉพาะการเคลื่อนไหวขอพระราชทานอภัยโทษให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ทุกอย่างเป็นขบวนการที่ต้องทำไปตามขั้นตอน แต่ขอให้พี่น้องประชาชนดูที่ผลของงานดีกว่า เพราะงานต่างๆบางครั้งอาจเป็นเพียงการเริ่มในแต่ละขบวนการ แต่ไม่ได้บอกว่าทุกอย่างเราต้องมาเร่งรัด สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้คือตนงเได้เร่งรัดว่าจะทำอย่างไรในการแก้ไขปัญหาปากท้องและปัญหาน้ำท่วม ที่ถือว่าเป็นปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน
**เหลิมเมิน อ้างเพิ่งทำงานได้ 7 วัน
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรง รองนายกรัฐมนตรี กล่าว ว่า รัฐบาลเพิ่งเข้ามา 7 วัน แล้วจะไปทำอะไรได้ ตนพูดตรงๆพวกนี้ไม่ดูแลตัวเองบ้าง อย่างไรก็ตาม รัฐบาลเพิ่งจะทำงานได้ 7 วัน ไม่รู้อะไรกันนักหนา ฝ่ายค้านก็ไปกับเขาด้วย เพราะทำใจไม่ได้ก็แพ้เป็นร้อย
** “เทือก” อยากให้รบ.ปูอยู่ยาวๆ
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฏ์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนยังไม่วิจารณ์รัฐบาลอะไรมากไปกว่านี้ แต่ตนก็ทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ติดตามดูพฤติกรรมของรัฐบาลทุกอย่างว่าสิ่งที่รัฐบาลพูดมานั้น ทำอะไรได้หรือไม่ได้อย่างไร ทำแล้วเกิดผลดี ผลเสียอย่างไร ซึ่งถ้าเห็นว่าเมื่อไรมีอะไรร้ายแรงเราก็ต้องอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตรวจสอบกัน
ส่วนจะอภิปรายไม่ไว้วางใจเลยหรือไม่นั้นนายสุเทพ กล่าวว่า ต้องดูก่อน อย่าเพิ่งรีบ เขาเพิ่งตั้งรัฐบาลได้ไม่กี่วัน เมื่อถามว่าเป็นการสะท้อนหรือไม่ว่าอายุของรัฐบาลจะไม่ยืดยาว นายสุเทพ กล่าวว่า ตนอยากให้เขาอยู่ยืดยาว ทำงานเต็มที่
**ปชป.แขวะลุแก่อำนาจ ทำรัฐบาลอายุสั้น
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเห็นด้วยกับนายอัมมาร และคิดว่าคงไม่ให้เวลารัฐบาลนี้นานเท่าไร แต่รัฐบาลเองควรกลับตัวกลับใจมาทำงานเพื่อประชาชนให้มากกว่านี้ เพราะสิ่งที่จะล้มล้างรัฐบาลนี้ได้ ไม่ใช่อำนาจนอกระบบ นอกจากพฤติกรรมที่รัฐบาลเองละเลย ทอดทิ้งประชาชน ไม่รักษาสัญญาประชาคมที่ให้ไว้ตอนที่หาเสียง และการทุจริต คอร์รัปชัน หรือการใช้อำนาจไม่เป็นธรรมที่ลุแก่อำนาจ สิ่งเหล่านี้มากกว่าที่จะทำให้รัฐบาลนี้อายุสั้นด้วยตัวเอง ดังนั้น จึงขอให้เลิกกังวลกับปัจจัยนอกระบบอื่น ที่ใช้จิตนาการว่าจะมาแทรกแซงตัวเอง
**รื้อกก.168ชุด คงครม.เศรษฐกิจ
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้หน่วยงานราชการต่างๆ ไปทบทวนกระบวนการทำงานของคณะกรรมการชุดต่างๆ ในปัจจุบัน ที่มีจำนวนมากถึง 168 ชุด เพื่อให้การบริหารงานรูปแบบคณะกรรมการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ซ้ำซ้อน มีจำนวนที่น้อยลง
"นายกฯได้มอบหมายให้หน่วยงานต่างๆ กลับไปทบทวนสถานะและความจำเป็นของคณะกรรมการที่อยู่ในความรับผิดชอบ ว่ามีคณะกรรมการชุดใดบ้าง ที่ยังมีความจำเป็นต้องคงอยู่ หรือสมควรยกเลิกไป และส่งเรื่องกลับมาให้รับทราบภายในวันที่ 13 กันยายนนี้" นายกิตติรัตน์ระบุ
นายกิตติรัตน์กล่าวว่า ในช่วงต้นสัปดาห์นี้ นายกรัฐมนตรีจะลงนามคำสั่งแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ทำหน้าที่ช่วยพิจารณางานนโยบายด้านเศรษฐกิจ และกลั่นกรองงานด้านเศรษฐกิจที่สำคัญ ก่อนเสนอเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดย ครม.เศรษฐกิจจะมีตัวแทนหน่วยงานด้านเศรษฐกิจเข้าร่วม แต่จะมีกระทรวงแรงงานและกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีร่วมด้วย ซึ่งจะมีการประชุมมากกว่า 1 ครั้งต่อสัปดาห์ คือ ก่อนประชุม ครม.เพื่อช่วยกลั่นกรองงานด้านเศรษฐกิจก่อนเข้า ครม. และหลังการประชุม ครม.เพื่อติดตามงานที่ได้รับมอบหมายจาก ครม.
"นอกจากนี้ การกำกับดูแลงานด้านอื่นๆ เช่น เรื่องสังคม ก็จะมีการตั้ง ครม.ด้านสังคม ขึ้นมาทำงานในรูปแบบเดียวกับ ครม.เศรษฐกิจด้วย และมีรองนายกฯที่รับผิดชอบงานด้านนี้ เข้ามาดูแล" นายกิตติรัตน์กล่าว
**“เหลิม”อัดสื่ออารมณ์ค้าง ลงคลาดเคลื่อน
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ผลโพลล์ออกมาระบุว่าไม่ค่อยมีความสุขกับการทำงานของรัฐบาล ว่า เป็นธรรมดาคนที่เป็นรัฐบาลก็ไม่มีความสุข ส่วนการโยกย้ายข้าราชการ และการช่วยเหลือกลุ่มคนเสื้อแดง จะทำให้ความน่าเชื่อถือหรือความนิยมในรัฐบาลลดน้อยลงหรือไม่นั้น ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า คำว่าเยียวยานี่ คือทุกภาคส่วน นายประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม ได้กล่าวในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แต่สื่อที่ไม่ชอบ ก็ไปเขียนว่าเยียวยาแต่คนเสื้อแดง ซึ่งมันไม่ใช่ แต่เป็นทุกภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบและไม่เป็นธรรม เช่นเหตุการณ์กรือเซะ ตากใบ หรือที่อื่นๆ ซึ่งรวมทั้งคนเสื้อแดงด้วย ทั้งนี้มีหนังสือพิมพ์แนวหน้าฉบับเดียว คอลัมน์นิตส์ที่ชื่อมือปราบเขียนระบุว่าให้เฉพาะคนเสื้อแดง ซึ่งมันไม่ใช่ หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจก็ด่าตนยับ ด้วยความห่วงใย เป็นการเข้าใจผิดหมด โดยไปเข้าใจกันเอาเองว่ารัฐบาลจะทำอย่างนั้น
“เราจะทำให้ทุกภาคส่วนได้หมด คนไทยด้วยกันจำไปแบ่งแยกอะไรกัน เสื้อเหลืองได้รับผลกระทบก็ดู ตากใบก็ดู กรือเซะก็ดู ดูหมด แต่เป็นพวกออกตัวเร็วคอลัมน์ที่ไม่ชอบอยู่ก็ด่ามาตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง พอเลือกตั้งแล้วหักปากกาเซียนแล้วตกใจ เลยใส่ต่อ”ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว