ASTVผู้จัดการรายวัน – "วิรุฬ" ดับฝัน "บ้านหลังแรก" ดอกเบี้ย 0% แค่ 3 ปี ไม่ใช่ 5 ปี อ้างคนซื้อบ้านได้ราคาถูกเกิน ขณะที่เงินเดือนข้าราชการ ป.ตรี 15,000 เริ่มปีใหม่ ส่วนรถคันแรก "บุญทรง" โว คืนทั้งภาษีสรรพสามิตและลดหย่อนภาษีเงินได้ เปิดทางรากหญ้าที่ไม่อยู่ในระบบภาษีได้สิทธิด้วย จี้สรรพากร–สรรพสามิตแก้ไขวิธีปฏิบัติด่วน
นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รมช.คลัง กล่าวในฐานะกำกับดูแลธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ว่า กำลังหารือกับ ธอส.ที่จะออกโครงการซื้อบ้านหลังแรก ด้วยการได้รับสิทธิ ดอกเบี้ย 0% เป็นเวลา 3 ปี เพื่อช่วยเหลือให้ประชาชนได้มีโอกาสได้มีบ้านเป็นของตนเอง
"ที่บอกว่าดอกเบี้ย 0% 5 ปี ไม่ใช่นโยบายของพรรคเพื่อไทย มีแต่เรื่องมาตรการลดภาษี หากให้ 0% ถึง 5 ปี แถมยังลดภาษีให้อีก จะทำให้คนซื้อบ้านราคาถูกเกินไป" นายวิรุฬกล่าว
ส่วนความคืบหน้าการปรับรายได้ให้กับบุคลากรภาครัฐที่จบปริญญาตรี แต่ยังมีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาทต่อเดือนนั้นกรมบัญชีกลางได้พิจารณาในรายละเอียดเพื่อให้สามารถมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม เพื่อรวมเข้ามาในงบประมาณ 2555 โดยกรมบัญชีกลางจะกำหนดกลุ่มบุคลากรภาครัฐ ที่จะได้รับการปรับเงินเพิ่มในครั้งนี้ ที่อยู่ในอำนาจการพิจารณาของกระทรวงการคลัง และอัตราเงินเพิ่มที่จะได้รับตามเงื่อนไขต่าง ๆ ของแต่ละกลุ่ม โดยแนวทางจะดำเนินการจ่ายเป็นเงินช่วยค่าครองชีพ (พ.ช.ค.) ซึ่งจะสามารถดำเนินการได้ทันทีตามอำนาจของกระทรวงการคลัง ด้วยการแก้ไขระเบียบกระทรวงการคลัง
นายวิรุฬกล่าวต่อว่า กลุ่มบุคลากรภาครัฐที่จะพิจารณาปรับเพิ่มรายได้ครั้งนี้จะครอบคลุม 5 กลุ่มรวม 2.5 แสนคนคือ ข้าราชการ ลูกจ้างประจำ ลูกจ้างชั่วคราวที่จ้างจากเงินงบประมาณ พนักงานราชการ และทหารกองประจำการ ที่อยู่ในอำนาจการพิจารณาของกระทรวงการคลัง โดยการแก้ไขระเบียบกระทรวงการคลังและตามฐานข้อมูลบุคลากรภาครัฐจากระบบการเบิกจ่ายเงินเดือนค่าจ้างที่กรมบัญชีกลางกำกับดูแลอยู่นั้น
โดยในปัจจุบันมีบุคลากรภาครัฐที่มีเงินเดือนและค่าจ้างต่ำกว่า 15,000 บาทต่อเดือน จำนวน 649,323 คน แบ่งเป็นตำแหน่งที่ใช้วุฒิปริญญาตรี ขึ้นไป 346,365 คน ต่ำกว่าปริญญาตรีโดยรวมถึงทหารกองประจำการ 302,958 ราย โดยผู้ที่วุฒิปริญญาตรีขึ้นไปจะได้รับเงิน พ.ช.ค. เพิ่มรวมเงินเดือนเป็น 15,000 บาท สำหรับผู้ที่วุฒิต่ำกว่าปริญญาตรียังคงได้รับเงิน พ.ช.ค. 1,500 บาทเช่นเดิม โดยจะขยายเพดานอัตราเงินที่ได้รับเพิ่มขึ้นด้วย นอกจากนั้นกลุ่มที่ได้รับเงินเดือนค่าจ้างและทหารกองประจำการที่ได้รับเงินเดือนและเบี้ยเลี้ยงประจำ ไม่ถึง 9,000 บาท ก็จะได้รับเงิน พ.ช.ค. เพิ่มรวมกันให้ได้รับเป็น 9,000 บาท ด้วย โดยจะใช้เงินงบประมาณ ประมาณปีละ 24,533 ล้านบาท ซึ่งได้มีการศึกษาผลกระทบด้านต่างๆ แล้วไม่เป็นปัญหา
“การปรับรายได้ดังกล่าวกระทรวงการคลังได้เสนอแนวทางโดยสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลเพื่อให้บุคลากรภาครัฐมีรายได้เพิ่มขึ้นและเหมาะสมกับภาวะค่าครองชีพและเป็นการช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจดียิ่งขึ้น โดยคาดว่าจะเริ่มใช้ในเดือนมกราคม 2555 เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับบุคลากรภาครัฐ สำหรับกลุ่มอื่น ๆ ได้มอบหมายให้กรมบัญชีกลางไปศึกษาเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อไป” นายวิรุฬกล่าว
***เล็งลดภาษีสรรพสามิตรถคันแรก
นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รมว.คลัง ได้เรียกอธิบดีกรมสรรพสามิตและอธิดีกรมสรรพากรหารือเกี่ยวกับมาตรการทางด้านภาษีของโครงการบ้านหลังแรกและรถคันแรก โดยได้สั่งการให้ไปหาวิธีปฏิบัติ เพื่อให้ผู้ซื้อรถยนต์คันแรกได้รับเงินส่วนที่เป็นภาษีสรรพสามิตได้คืนเต็มจำนวนและครอบคลุมกับประชาชนทุกกลุ่ม เพราะยังมีปัญหาในทางปฏิบัติที่จะนำไปใช้เป็นสิทธิลดหย่อนในการเสียภาษีสรรพากร เพราะยังมีประชาชนบางกลุ่มที่ไม่ได้อยู่ในฐานภาษีและบางกลุ่มอาจจะได้รับสิทธิลดหย่อนเพียงพอแล้วก็จะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ดังกล่าวจากรัฐบาล
“เรายังมีปัญหาในทางปฏิบัติ เพราะภาษีสรรพสามิตจะคิดจากราคาหน้าโรงงานจากผู้ประกอบการ แต่เราต้องการให้ประชาชนที่เข้าโครงการได้รับสิทธิทุกคน จึงยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปในสัปดาห์หน้า เพื่อนำเสนอในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในสัปดาห์ถัดไป เพื่อให้มีผลบังคับใช้ในเดือนตุลาคมปีนี้” นายบุญทรงกล่าว
สำหรับนโยบายบ้านหลังแรกจะเป็นการเพิ่มสิทธิลดหย่อนในการซื้อบ้านหลังแรกได้ไม่เกิน 3 แสนบาท ไม่ใช่การคิดอัตราคงที่ 0% เป็นเวลา 1 ปี เพราะมีปัญหาต่องบประมาณที่จะบรรจุเข้าไปในงบประมาณ 2555 และคาดว่าจะไม่สามารถเสนอที่ประชุม ครม.ได้ทันสัปดาห์หน้า เพราะยังติดปัญหาเรื่องระยะเวลาและวงเงินของโครงการ แต่จะเป็นบ้านที่มีมูลค่าประมาณ 3-4 ล้านบาท โดยระยะเวลาของมาตรการเป็นเวลา 1 ปี.
นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รมช.คลัง กล่าวในฐานะกำกับดูแลธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ว่า กำลังหารือกับ ธอส.ที่จะออกโครงการซื้อบ้านหลังแรก ด้วยการได้รับสิทธิ ดอกเบี้ย 0% เป็นเวลา 3 ปี เพื่อช่วยเหลือให้ประชาชนได้มีโอกาสได้มีบ้านเป็นของตนเอง
"ที่บอกว่าดอกเบี้ย 0% 5 ปี ไม่ใช่นโยบายของพรรคเพื่อไทย มีแต่เรื่องมาตรการลดภาษี หากให้ 0% ถึง 5 ปี แถมยังลดภาษีให้อีก จะทำให้คนซื้อบ้านราคาถูกเกินไป" นายวิรุฬกล่าว
ส่วนความคืบหน้าการปรับรายได้ให้กับบุคลากรภาครัฐที่จบปริญญาตรี แต่ยังมีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาทต่อเดือนนั้นกรมบัญชีกลางได้พิจารณาในรายละเอียดเพื่อให้สามารถมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม เพื่อรวมเข้ามาในงบประมาณ 2555 โดยกรมบัญชีกลางจะกำหนดกลุ่มบุคลากรภาครัฐ ที่จะได้รับการปรับเงินเพิ่มในครั้งนี้ ที่อยู่ในอำนาจการพิจารณาของกระทรวงการคลัง และอัตราเงินเพิ่มที่จะได้รับตามเงื่อนไขต่าง ๆ ของแต่ละกลุ่ม โดยแนวทางจะดำเนินการจ่ายเป็นเงินช่วยค่าครองชีพ (พ.ช.ค.) ซึ่งจะสามารถดำเนินการได้ทันทีตามอำนาจของกระทรวงการคลัง ด้วยการแก้ไขระเบียบกระทรวงการคลัง
นายวิรุฬกล่าวต่อว่า กลุ่มบุคลากรภาครัฐที่จะพิจารณาปรับเพิ่มรายได้ครั้งนี้จะครอบคลุม 5 กลุ่มรวม 2.5 แสนคนคือ ข้าราชการ ลูกจ้างประจำ ลูกจ้างชั่วคราวที่จ้างจากเงินงบประมาณ พนักงานราชการ และทหารกองประจำการ ที่อยู่ในอำนาจการพิจารณาของกระทรวงการคลัง โดยการแก้ไขระเบียบกระทรวงการคลังและตามฐานข้อมูลบุคลากรภาครัฐจากระบบการเบิกจ่ายเงินเดือนค่าจ้างที่กรมบัญชีกลางกำกับดูแลอยู่นั้น
โดยในปัจจุบันมีบุคลากรภาครัฐที่มีเงินเดือนและค่าจ้างต่ำกว่า 15,000 บาทต่อเดือน จำนวน 649,323 คน แบ่งเป็นตำแหน่งที่ใช้วุฒิปริญญาตรี ขึ้นไป 346,365 คน ต่ำกว่าปริญญาตรีโดยรวมถึงทหารกองประจำการ 302,958 ราย โดยผู้ที่วุฒิปริญญาตรีขึ้นไปจะได้รับเงิน พ.ช.ค. เพิ่มรวมเงินเดือนเป็น 15,000 บาท สำหรับผู้ที่วุฒิต่ำกว่าปริญญาตรียังคงได้รับเงิน พ.ช.ค. 1,500 บาทเช่นเดิม โดยจะขยายเพดานอัตราเงินที่ได้รับเพิ่มขึ้นด้วย นอกจากนั้นกลุ่มที่ได้รับเงินเดือนค่าจ้างและทหารกองประจำการที่ได้รับเงินเดือนและเบี้ยเลี้ยงประจำ ไม่ถึง 9,000 บาท ก็จะได้รับเงิน พ.ช.ค. เพิ่มรวมกันให้ได้รับเป็น 9,000 บาท ด้วย โดยจะใช้เงินงบประมาณ ประมาณปีละ 24,533 ล้านบาท ซึ่งได้มีการศึกษาผลกระทบด้านต่างๆ แล้วไม่เป็นปัญหา
“การปรับรายได้ดังกล่าวกระทรวงการคลังได้เสนอแนวทางโดยสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลเพื่อให้บุคลากรภาครัฐมีรายได้เพิ่มขึ้นและเหมาะสมกับภาวะค่าครองชีพและเป็นการช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจดียิ่งขึ้น โดยคาดว่าจะเริ่มใช้ในเดือนมกราคม 2555 เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับบุคลากรภาครัฐ สำหรับกลุ่มอื่น ๆ ได้มอบหมายให้กรมบัญชีกลางไปศึกษาเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อไป” นายวิรุฬกล่าว
***เล็งลดภาษีสรรพสามิตรถคันแรก
นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รมว.คลัง ได้เรียกอธิบดีกรมสรรพสามิตและอธิดีกรมสรรพากรหารือเกี่ยวกับมาตรการทางด้านภาษีของโครงการบ้านหลังแรกและรถคันแรก โดยได้สั่งการให้ไปหาวิธีปฏิบัติ เพื่อให้ผู้ซื้อรถยนต์คันแรกได้รับเงินส่วนที่เป็นภาษีสรรพสามิตได้คืนเต็มจำนวนและครอบคลุมกับประชาชนทุกกลุ่ม เพราะยังมีปัญหาในทางปฏิบัติที่จะนำไปใช้เป็นสิทธิลดหย่อนในการเสียภาษีสรรพากร เพราะยังมีประชาชนบางกลุ่มที่ไม่ได้อยู่ในฐานภาษีและบางกลุ่มอาจจะได้รับสิทธิลดหย่อนเพียงพอแล้วก็จะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ดังกล่าวจากรัฐบาล
“เรายังมีปัญหาในทางปฏิบัติ เพราะภาษีสรรพสามิตจะคิดจากราคาหน้าโรงงานจากผู้ประกอบการ แต่เราต้องการให้ประชาชนที่เข้าโครงการได้รับสิทธิทุกคน จึงยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปในสัปดาห์หน้า เพื่อนำเสนอในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในสัปดาห์ถัดไป เพื่อให้มีผลบังคับใช้ในเดือนตุลาคมปีนี้” นายบุญทรงกล่าว
สำหรับนโยบายบ้านหลังแรกจะเป็นการเพิ่มสิทธิลดหย่อนในการซื้อบ้านหลังแรกได้ไม่เกิน 3 แสนบาท ไม่ใช่การคิดอัตราคงที่ 0% เป็นเวลา 1 ปี เพราะมีปัญหาต่องบประมาณที่จะบรรจุเข้าไปในงบประมาณ 2555 และคาดว่าจะไม่สามารถเสนอที่ประชุม ครม.ได้ทันสัปดาห์หน้า เพราะยังติดปัญหาเรื่องระยะเวลาและวงเงินของโครงการ แต่จะเป็นบ้านที่มีมูลค่าประมาณ 3-4 ล้านบาท โดยระยะเวลาของมาตรการเป็นเวลา 1 ปี.