xs
xsm
sm
md
lg

“สิงห์”กรำศึกธุรกิจอาหารผุดสนง.ในตปท.ปั๊มรายได้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“สิงห์” รุกหนักธุรกิจอาหาร เสริมทัพกลุ่มนอน-แอลกอฮอล์เหตุมาร์จิ้นสูงกว่าเครื่องดื่ม พร้อมปรับบุญรอดอินเตอร์ ผุดสนง.ตปท. ดันรายได้ นอน-แอลกอฮอล์ ล่าสุดดัน เพอร์ร่า ลุยศึกน้ำแร่

นายสันต์ ภิรมย์ภักดี ผู้อำนวยการกลุ่มการตลาด นอน-แอลกอฮอล์ บริษัท สิงห์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯมีแผนที่จะรุกธุรกิจด้านอาหารและร้านอาหารมากขึ้น เนื่องจากเป็นธุรกิจที่สร้างมาร์จิ้นได้ดีกว่าธุรกิจเครื่องดื่มที่มีเพียง 5% เท่านั้น ซึ่งจะเป็นอีกขาธุรกิจหนึ่งที่สำคัญที่จะผลักดันให้รายได้ของกลุ่มนอน-แอลกอฮอล์เพิ่มขึ้นอย่างมากด้วย

และเป็นไปตามเป้าหมายเดิมที่วางไว้ว่าภายใน 5 ปี ซึ่งเริ่มเมื่อปีที่แล้ว สัดส่วนรายได้ของกลุ่มนอน-แอลกอฮอล์จะเพิ่มเป็น 30% และสัดส่วนรายได้จากกลุ่มแอลกอฮอล์จะลดลงเหลือ 70% ซึ่งเมื่อปีที่แล้วกลุ่มนอน-แอลกอฮอล์ทำได้ 15% แล้ว และปีนี้คาดว่าน่าจะใกล้ 20% จากรายได้รวมที่ 100,000 ล้านบาท หรือมีรายได้ประมาณ 15,000 - 20,000 ล้านบาทแล้ว

สำหรับธุรกิจอาหารและร้านอาหารแบรนด์ใหม่ๆเช่น ร้านอูด้งแบรนด์ โคโนย่า ร้านขนมหวานแบรนด์ ฟาร์มดีไซน์ วางแผนชขยาย 4-5 สาขา ร้านสมูธตี้ซีเครท เปิดแล้ว 1 สาขา และร้านเอ.33 ขยายอีกที่เดอะไนน์พระรามเก้า เป็นต้น ซึ่งที่ผ่านมากลุ่มนี้มีกำไรแล้ว 20%

ขณะเดียวกันกลุ่มสิงห์อยู่ระหว่างปรับระบบการทำงานของบริษัท บุญรอด อินเตอร์เนชันแนล จำกัด เพื่อให้การขยายตลาดต่างประเทศมีประสิทธิภาพและความคล่องตัวรวมทั้งการประสานงานทำตลาดมากขึ้น รวมทั้งจะขยายตลาดนอน-แอลกอฮอล์ด้วย จากเดิมสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศมีเพียง 3-4% เท่านั้น โดยยังไม่มีกลุ่มนอน-แอลกอฮอล์ทำตลาดต่างประเทศเลย คาดว่าภายใน 2 ปีระบบจะแล้วเสร็จ โดยจะตั้งสำนักงานในต่างประเทศ ซึ่งตั้งไปแล้วที่ อเมริกา ส่วนตลาดอื่นเตรีมตั้งต่อไปเช่น อังกฤษ เอเซีย เช่นที่ สิงคโปร์ มาเลเซีย ฮ่องกง เวียดนาม เป็นต้น

ทั้งนี้สัดส่วนรายได้กลุ่มนอน-แอลกอฮอล์ปัจจุบันนี้ มีโซดา ทำรายได้หลัก สัดส่วน 56% มีแชร์ในตลาดโซดา 94% นอกจากนั้นก็มี น้ำดื่ม บีอิ้ง สาหร่ายทอดมะชิตะ ร้านอาหารต่างๆ ข้าวแบรดน์พัธ์ดี เป็นต้น ล่าสุดได้เปิดตัวน้ำแร่ “เพอร์ร่า” เพื่อรุกตลาดน้ำแร่ไทย เนื่องจากมองเห็นโอกาส ทางการตลาด ซึ่งปัจจุบันผู้บริโภคคนไทยให้ความสำคัญต่อสุขภาพมากขึ้น ส่งผลให้ตลาดน้ำแร่เติบโตอย่งดี และมีมูลค่าตลาดน้ำแร่เพิ่มเป็น 1,800 ล้านบาทแล้วหรือคิดเป็นสัดส่วน 10% ของตลาดน้ำดื่มโดยรวมที่มีประมาณ 18,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ตลาดน้ำแร่ในไทยมีผู้ประกอบการจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่เป็นแบรนด์น้ำแร่ในประเทศ 95% และแบรนด์น้ำแร่ต่างประเทศ 5% การแข่งขันยังไม่สูงเท่าใด ซึ่งบริษัทฯวางเป้าหมายผลักดัน เพอร์ร่า ให้ขึ้นเป็นผู้นำ 1 ใน 3 ของตลาดน้ำแร่ในไทยภายในปี 2555 หรือปีหน้า ด้วยส่วนแบ่ง 10% ขณะนี้ผู้นำตลาดคือ มิเนเร่ แชร์ 53% อันดับสองคือ ออร่า 19% และมองต์เฟลอร์ 8%

โดยบริษัทฯวางแผนตลาดน้ำแร่ธรรมชาติ “เพอร์ร่า” ด้วยงบตลาด 50 ล้านบาท ทั้งบีโลว์เดอะไลน์และอะโบฟเดอะไลน์ ย้ำความเป็นน้ำแร่ธรรมชาติจากแหล่งพระงามสระบุรี เพื่อสุขภาพ ด้วยสโลแกน “เพอร์ร่า ดื่มดี รู้สึกได้” จำหน่าย 2 ขนาด คือขนาด 330 มล. ขวดละ 8 บาท และขนาด 600 มล. ราคา 10 บาท ส่วนตลาดน้ำดื่มมูลค่า 18,000 ล้านบาท ยังเติบโต 20% สิงห์ผู้นำตลาด 28% คริสตัล 17% ใกล้เคียงกับเนสท์เล่

นายสันต์กล่าวอีกว่า บริษัทฯจะเปิดตัวสินค้าใหม่กลุ่มนอน-แอลกอฮอล์อีก 2-3 รายการ ก่อนสิ้นปีนี้ ส่วนก่อนหน้านี้กลุ่มสิงห์เคยทำน้ำแร่มาแล้วชื่อ ไอโอ แต่ไม่เน้นทำตลาด แต่ยังขายอยู่
กำลังโหลดความคิดเห็น