พะเยา - พบคนพะเยาเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวตายพุ่ง ยอดเสี่ยงสูงถึง 13.9% ผลเลือดไม่ปลอดภัย 17.4% ผู้ตรวจ สธ.16 เผยสารเคมีตกค้างจากการเกษตรต้นเหตุของมะเร็งเน้น “เกษตรอินทรีย์” กันมะเร็ง กระตุ้น อปท.และ รพสต.ร่วมรณรงค์ตระหนักพิษภัยสารเคมี
นายบุญชัย สมบูรณ์สุข ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เขต 16 เปิดเผยระหว่างลงพื้นที่ตรวจราชการที่จังหวัดพะเยาว่า ขณะนี้อายุขัยของคนในจังหวัดเฉลี่ยอยู่ที่ 73 ปี ปี 2551 ลดลงเหลือ 71 ปี สาเหตุเกิดจากการป่วยและเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งในปี 2551 จำนวน 590 ราย และปี 2552 จำนวน 667 ราย มีผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นและเสียชีวิต 77 คน ส่วนใหญ่ป่วยเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว ซึ่งมีสาเหตุจากสารเคมีตกค้างในร่างกายของเกษตรกรที่เป็นสารกลุ่มออร์กาโนฟอสเฟต
ผู้ตรวจฯ สธ.16 กล่าวต่อว่า ได้มีการสุ่มตรวจสารเคมีตกค้างในเกษตรกรทั่วพื้นที่ จ.พะเยา ในปีงบประมาณที่ผ่านมา โดยการดำเนินงานของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล และโรงพยาบาลชุมชน ที่ทำงานเชิงรุกกับเกษตรกร โดยมีการเจาะเลือดเกษตรกรเพื่อหาความเสี่ยงมะเร็งเม็ดเลือดขาว ซึ่งเป็นผลกระทบของสารเคมีกลุ่มออร์กาโนฟอสเฟต จำนวน 12,837 ราย พบว่าเกษตรกรมีภาวะเสี่ยงต่อโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว 3,642 ราย คิดเป็นร้อยละ 13.9 มีผลเลือดไม่ปลอดภัย 1,781 ราย คิดเป็นร้อยละ 17.4
นอกจากนี้ จากผลการสุ่มเจาะเลือดของเกษตรกรในพื้นที่ ต.หนองหล่ม อ.ดอกคำใต้ จ.พะเยา เปรียบกับเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลดอกคำใต้ พบว่าเกษตรกร จำนวน 86 ราย ผลเลือดปกติ 65 ราย ส่วน 21 ราย มีภาวะเสี่ยงต่อโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวและเนื้องอกในสมอง คิดเป็นร้อยละ 24
ส่วนการตรวจกลุ่มเจ้าหน้าที่ของ รพ.ดอกคำใต้ 156 ราย ค่าปกติ 153 ราย มีภาวะเสี่ยงต่อโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวและเนื้องอกในสมอง 3 ราย คิดเป็นร้อยละ 2 ทั้งนี้ยังพบว่า 3 รายดังกล่าว มีอาชีพเสริมหรืออาชีพสำรองคือการเกษตร เช่น สวนผลไม้ สวนยางพารา
นายบุญชัย กล่าวว่า เมื่อพบว่าต้นเหตุหนึ่งมาจากสารเคมีตกค้างในภาคเกษตร ดังนั้น มาตรการป้องกันสารเคมีตกค้างในเกษตรกร คือ ต้องเร่งกระตุ้นให้มีการรณรงค์ระหว่างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) กับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพสต.) 2 ส่วนด้วยกัน คือ 1.การรณรงค์ทำการเจาะเลือดในเกษตรกร เพื่อสร้างความตระหนักถึงพิษภัยร้ายของสารเคมีทางการเกษตรที่ตกค้าง และ 2.รณรงค์แนวคิดเกษตรอินทรีย์ใน จ.พะเยา ส่วนมาตรการอื่นๆ ในการเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชน เพื่อลดภาวะเกษตรกรเสียชีวิตจากโรคมะเร็ง อันเนื่องมาจากสารเคมีตกค้าง
“ได้สั่งการให้ รพสต.ประสานงานกับ อปท.ช่วยกันรณรงค์ เรื่องสารเคมีตกค้างในเกษตรกรโดยการเจาะเลือด โดยใช้กองทุนสุขภาพท้องถิ่นของสำนักงานกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สป.สช.) และนำข้อมูลคืนให้ชุมชนเพื่อสร้างความตระหนักภัยสารเคมีตกค้างที่สามารถก่อให้เกิดโรคมะเร็งดังกล่าว รวมทั้งเชิญชวนเกษตรกรให้กลับมาสู่เกษตรอินทรีย์ให้ได้ และสอดคล้องกับนโยบายเชิงลึกเรื่องเกษตรปลอดภัยของพะเยาด้วย” นายบุญชัย กล่าว
ด้านนายสมนึก ชีวาเกียรติยิ่งยง ผู้อำนวยการ(ผอ.)รพ.ดอกคำใต้ เปิดเผยว่า อายุขัยเฉลี่ยของชาวดอกคำใต้ไม่นิ่ง มีเพิ่มและลดตลอดเวลา เนื่องจากมีปัจจัยแทรกจากการเสียชีวิต คือ โรคมะเร็งที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นโรคมะเร็งที่เกิดจากสารเคมีตกค้างในเกษตรกร เช่น มะเร็งเนื้องอกในสมอง มะเร็งเม็ดเลือดขาวและมะเร็งปอด
ข้อมูลในปี 2553 พบว่าผู้ป่วยเป็นโรคมะเร็งใน อ.ดอกคำใต้ จำนวน 10 ราย แยกเป็นผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาว 5 ราย และผู้ป่วยมะเร็งปอด 5 ราย แต่ไม่พบผู้ป่วยเนื้องอกในสมอง แต่ล้วนมีสาเหตุเกี่ยวข้องกับยาฆ่าแมลงกลุ่มออร์กาโนฟอตเฟต ที่ใช้ในภาคการเกษตร
นายบุญชัย สมบูรณ์สุข ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เขต 16 เปิดเผยระหว่างลงพื้นที่ตรวจราชการที่จังหวัดพะเยาว่า ขณะนี้อายุขัยของคนในจังหวัดเฉลี่ยอยู่ที่ 73 ปี ปี 2551 ลดลงเหลือ 71 ปี สาเหตุเกิดจากการป่วยและเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งในปี 2551 จำนวน 590 ราย และปี 2552 จำนวน 667 ราย มีผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นและเสียชีวิต 77 คน ส่วนใหญ่ป่วยเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว ซึ่งมีสาเหตุจากสารเคมีตกค้างในร่างกายของเกษตรกรที่เป็นสารกลุ่มออร์กาโนฟอสเฟต
ผู้ตรวจฯ สธ.16 กล่าวต่อว่า ได้มีการสุ่มตรวจสารเคมีตกค้างในเกษตรกรทั่วพื้นที่ จ.พะเยา ในปีงบประมาณที่ผ่านมา โดยการดำเนินงานของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล และโรงพยาบาลชุมชน ที่ทำงานเชิงรุกกับเกษตรกร โดยมีการเจาะเลือดเกษตรกรเพื่อหาความเสี่ยงมะเร็งเม็ดเลือดขาว ซึ่งเป็นผลกระทบของสารเคมีกลุ่มออร์กาโนฟอสเฟต จำนวน 12,837 ราย พบว่าเกษตรกรมีภาวะเสี่ยงต่อโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว 3,642 ราย คิดเป็นร้อยละ 13.9 มีผลเลือดไม่ปลอดภัย 1,781 ราย คิดเป็นร้อยละ 17.4
นอกจากนี้ จากผลการสุ่มเจาะเลือดของเกษตรกรในพื้นที่ ต.หนองหล่ม อ.ดอกคำใต้ จ.พะเยา เปรียบกับเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลดอกคำใต้ พบว่าเกษตรกร จำนวน 86 ราย ผลเลือดปกติ 65 ราย ส่วน 21 ราย มีภาวะเสี่ยงต่อโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวและเนื้องอกในสมอง คิดเป็นร้อยละ 24
ส่วนการตรวจกลุ่มเจ้าหน้าที่ของ รพ.ดอกคำใต้ 156 ราย ค่าปกติ 153 ราย มีภาวะเสี่ยงต่อโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวและเนื้องอกในสมอง 3 ราย คิดเป็นร้อยละ 2 ทั้งนี้ยังพบว่า 3 รายดังกล่าว มีอาชีพเสริมหรืออาชีพสำรองคือการเกษตร เช่น สวนผลไม้ สวนยางพารา
นายบุญชัย กล่าวว่า เมื่อพบว่าต้นเหตุหนึ่งมาจากสารเคมีตกค้างในภาคเกษตร ดังนั้น มาตรการป้องกันสารเคมีตกค้างในเกษตรกร คือ ต้องเร่งกระตุ้นให้มีการรณรงค์ระหว่างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) กับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพสต.) 2 ส่วนด้วยกัน คือ 1.การรณรงค์ทำการเจาะเลือดในเกษตรกร เพื่อสร้างความตระหนักถึงพิษภัยร้ายของสารเคมีทางการเกษตรที่ตกค้าง และ 2.รณรงค์แนวคิดเกษตรอินทรีย์ใน จ.พะเยา ส่วนมาตรการอื่นๆ ในการเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชน เพื่อลดภาวะเกษตรกรเสียชีวิตจากโรคมะเร็ง อันเนื่องมาจากสารเคมีตกค้าง
“ได้สั่งการให้ รพสต.ประสานงานกับ อปท.ช่วยกันรณรงค์ เรื่องสารเคมีตกค้างในเกษตรกรโดยการเจาะเลือด โดยใช้กองทุนสุขภาพท้องถิ่นของสำนักงานกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สป.สช.) และนำข้อมูลคืนให้ชุมชนเพื่อสร้างความตระหนักภัยสารเคมีตกค้างที่สามารถก่อให้เกิดโรคมะเร็งดังกล่าว รวมทั้งเชิญชวนเกษตรกรให้กลับมาสู่เกษตรอินทรีย์ให้ได้ และสอดคล้องกับนโยบายเชิงลึกเรื่องเกษตรปลอดภัยของพะเยาด้วย” นายบุญชัย กล่าว
ด้านนายสมนึก ชีวาเกียรติยิ่งยง ผู้อำนวยการ(ผอ.)รพ.ดอกคำใต้ เปิดเผยว่า อายุขัยเฉลี่ยของชาวดอกคำใต้ไม่นิ่ง มีเพิ่มและลดตลอดเวลา เนื่องจากมีปัจจัยแทรกจากการเสียชีวิต คือ โรคมะเร็งที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นโรคมะเร็งที่เกิดจากสารเคมีตกค้างในเกษตรกร เช่น มะเร็งเนื้องอกในสมอง มะเร็งเม็ดเลือดขาวและมะเร็งปอด
ข้อมูลในปี 2553 พบว่าผู้ป่วยเป็นโรคมะเร็งใน อ.ดอกคำใต้ จำนวน 10 ราย แยกเป็นผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาว 5 ราย และผู้ป่วยมะเร็งปอด 5 ราย แต่ไม่พบผู้ป่วยเนื้องอกในสมอง แต่ล้วนมีสาเหตุเกี่ยวข้องกับยาฆ่าแมลงกลุ่มออร์กาโนฟอตเฟต ที่ใช้ในภาคการเกษตร
