ASTVผู้จัดการรายวัน – “ห้างเซ็นทรัล” ปรับลุค “ยังแอนด์ฟัน” พร้อมเผยโฉมใหม่ ลาดพร้าว พร้อมศูนย์ฯวันที่ 28 ส.ค.นี้ ยกชั้นเทียบเท่าชิดลม ชูกลยุทธ์หลักเพิ่มสินค้าไพรเวทและเอ็กซ์คลูซีฟ สร้างความต่าง ลั่น 4 เดือนท้ายนี้ หวังโกยจากสาขาลาดพร้าว 1,800 ล้านบาท
นางยุวดี จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด เปิดเผยว่า เป้าหมายของห้างเซ็นทรัลต้องการที่จะยกระดับสินค้าและบริการของห้างให้มีความแตกต่างจากตลาดและคู่แข่งมากยิ่งขึ้น รวมทั้งการปรับบุคลิกและการตกแต่งรวมทั้งการนำเสนอสินค้าให้มีความเป็น ยังแอนด์ฟัน มากขึ้น (Young & Fun)
ซึ่งธุรกิจห้างสรรพสินค้าจุดสำคัญจะดีไม่ดีก็อยู่ที่ตัวสินค้าเป็นหลักต้องแปลกใหม่ต่างจากที่อื่นให้มากที่สุด
ทั้งนี้เซ็นทรัลจะให้ความสำคัญกับสินค้าในกลุ่มของลักซ์ชัวรี่แบรนด์ สินค้าไพรเวทลาเบล สินค้าเอ็กซ์คลูซีฟแบรนด์ และสินค้าที่นำเข้ามาจำหน่ายเองที่เซ็นทรัลแห่งเดียวมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสินค้าในและต่างประเทศ สินค้าตกแต่งบ้านมาจาก อิตาลี ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส เป็นต้น สินค้าแฟชั่น มาจากอเมริกา อิตาลี ฝรั่งเศส อังกฤษ เป็นต้น
ซึ่งปัจจุบันดำเนินการอยู่แล้วและมีรายได้จากกลุ่มเหล่านี้รวมกันประมาณ 15% จากรายได้รวมทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯจะพยายามคงสัดส่วนในระดับนี้เพราะเราไม่ได้ทำเพื่อแข่งขันกับคู่ค้า แต่ทำเพื่อสร้างความแตกต่างและทำในส่วนที่ยังมีช่องว่างตลาดเท่านั้นเอง เพราะเราต้องขายสินค้าของซัปพลายเออร์คนอื่นด้วย
นางยุวดีกล่าวว่า ห้างเซ็นทรัลสาขาลาดพร้าวจะเป็นกรณีที่ชัดที่สุดในเวลานี้ หลังจากที่ปิดปรับปรุงไปนานเกือบ 6 เดือน ทั้งศูนย์ฯ โดยส่วนของห้างใช้งบประมาณ 900 ล้านบาทและเตรียมเปิดบริการเป็นทางการพร้อมทั้งศูนย์วันที่ 28 สิงหาคมนี้ ซึ่งปรับโฉมใหม่ทั้งหมดพื้นที่ห้าง 41,000 ตารางเมตร และยกระดับให้เทียบเท่ากับสาขาชิดลม ด้วยการเปิดตัวแบรนด์ใหม่ที่ไม่เคยมีในสาขาลาดพร้าวมาก่อน รวมทั้งบางแบรนด์ที่เพิ่งเข้าทำตลาดในไทย รวมกว่า 109 แบรนด์ ซึ่งคาดหวังว่า ช่วง 4 เดือนของปีนี้สาขาลาดพร้าวจะทำรายได้ 1,800 ล้านบาท เติบโต 12% จากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว และคาดว่าปีหน้าทั้งปีสาขาลาดพร้าวจะมีรายได้ 5,600 ล้านบาท เติบโต 10% โดยใช้งบตลาด 100 ล้านบาท ช่วง 4 เดือนท้ายนี้กับสาขาลาดพร้าว
สำหรับแบรนด์ใหม่ที่เพิ่งเริ่มเข้ามาในสาขานี้จากเดิมไม่มีรวมทั้งอิมพอร์ตแบรนด์ใหม่ๆเช่น กลุ่มแฟชั่นผู้หญิงเช่น แบรนด์ Juicy Couture, Cole Hann, Agnes B, Voyage , Kate Spade เป็นต้น แผนกนาฬิกา แบรนด์ใหม่เช่น Zenith, Graham, Perrelet เป็นต้น แผนกเสื้อผ้าเบรนด์ใหม่เช่น Sinequanone, Milin, Mind Bridge เป็นต้น แผนกกระเป๋า เพิ่มแบรนด์ใหม่เช่น MNG Touch, F Fashion, Formarina เป็นต้น แผนกรองเท้าชายเพิ่มแบรนด์ Camper, Native เป็นต้น
แผนกเสื้อผ้าบุรุษ เพิ่มแบรนด์ H.E. by Mango, Timberland แผนกรองเท้าชายเพิ่มแบรนด์ Florsheim, Sebago, Tokyo เป็นต้น แผนกเสื้อผ้าเด็กเล็ก แบรนด์ใหม่เช่น Baby Guess, Gingersnap เป็นต้น แผนกของตกแต่งบ้านเช่น Calvin Klein, Missoni Home เป็นต้น และเป็นครั้งแรกของห้างเซ็นทรัลที่จะมีการเปิดบริการคอฟฟี่บาร์ให้ลูกค้าทดลองใช้เครื่องและชิมกาแฟด้วย
อย่างไรก็ตาม นางยุวดีให้ความเห็นด้วยว่า สิ่งสำคัญที่จะทำให้มีแบรนด์ต่างประเทศเข้ามากนั้นก็ยังขึ้นอยู่กับการสนับสนุนจากรัฐบาลด้วย โดยเฉพาะเรื่องของภาษีนำเข้าสินค้าแฟชั่น ซึ่งปัจจุบันยังัมีอยู่ ส่วนคู่แข่งเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซียยกเลิกการเก็บนี้ไปแล้วทำให้ไทยเสียเปรียบอย่างมาก
นางยุวดี จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด เปิดเผยว่า เป้าหมายของห้างเซ็นทรัลต้องการที่จะยกระดับสินค้าและบริการของห้างให้มีความแตกต่างจากตลาดและคู่แข่งมากยิ่งขึ้น รวมทั้งการปรับบุคลิกและการตกแต่งรวมทั้งการนำเสนอสินค้าให้มีความเป็น ยังแอนด์ฟัน มากขึ้น (Young & Fun)
ซึ่งธุรกิจห้างสรรพสินค้าจุดสำคัญจะดีไม่ดีก็อยู่ที่ตัวสินค้าเป็นหลักต้องแปลกใหม่ต่างจากที่อื่นให้มากที่สุด
ทั้งนี้เซ็นทรัลจะให้ความสำคัญกับสินค้าในกลุ่มของลักซ์ชัวรี่แบรนด์ สินค้าไพรเวทลาเบล สินค้าเอ็กซ์คลูซีฟแบรนด์ และสินค้าที่นำเข้ามาจำหน่ายเองที่เซ็นทรัลแห่งเดียวมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสินค้าในและต่างประเทศ สินค้าตกแต่งบ้านมาจาก อิตาลี ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส เป็นต้น สินค้าแฟชั่น มาจากอเมริกา อิตาลี ฝรั่งเศส อังกฤษ เป็นต้น
ซึ่งปัจจุบันดำเนินการอยู่แล้วและมีรายได้จากกลุ่มเหล่านี้รวมกันประมาณ 15% จากรายได้รวมทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯจะพยายามคงสัดส่วนในระดับนี้เพราะเราไม่ได้ทำเพื่อแข่งขันกับคู่ค้า แต่ทำเพื่อสร้างความแตกต่างและทำในส่วนที่ยังมีช่องว่างตลาดเท่านั้นเอง เพราะเราต้องขายสินค้าของซัปพลายเออร์คนอื่นด้วย
นางยุวดีกล่าวว่า ห้างเซ็นทรัลสาขาลาดพร้าวจะเป็นกรณีที่ชัดที่สุดในเวลานี้ หลังจากที่ปิดปรับปรุงไปนานเกือบ 6 เดือน ทั้งศูนย์ฯ โดยส่วนของห้างใช้งบประมาณ 900 ล้านบาทและเตรียมเปิดบริการเป็นทางการพร้อมทั้งศูนย์วันที่ 28 สิงหาคมนี้ ซึ่งปรับโฉมใหม่ทั้งหมดพื้นที่ห้าง 41,000 ตารางเมตร และยกระดับให้เทียบเท่ากับสาขาชิดลม ด้วยการเปิดตัวแบรนด์ใหม่ที่ไม่เคยมีในสาขาลาดพร้าวมาก่อน รวมทั้งบางแบรนด์ที่เพิ่งเข้าทำตลาดในไทย รวมกว่า 109 แบรนด์ ซึ่งคาดหวังว่า ช่วง 4 เดือนของปีนี้สาขาลาดพร้าวจะทำรายได้ 1,800 ล้านบาท เติบโต 12% จากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว และคาดว่าปีหน้าทั้งปีสาขาลาดพร้าวจะมีรายได้ 5,600 ล้านบาท เติบโต 10% โดยใช้งบตลาด 100 ล้านบาท ช่วง 4 เดือนท้ายนี้กับสาขาลาดพร้าว
สำหรับแบรนด์ใหม่ที่เพิ่งเริ่มเข้ามาในสาขานี้จากเดิมไม่มีรวมทั้งอิมพอร์ตแบรนด์ใหม่ๆเช่น กลุ่มแฟชั่นผู้หญิงเช่น แบรนด์ Juicy Couture, Cole Hann, Agnes B, Voyage , Kate Spade เป็นต้น แผนกนาฬิกา แบรนด์ใหม่เช่น Zenith, Graham, Perrelet เป็นต้น แผนกเสื้อผ้าเบรนด์ใหม่เช่น Sinequanone, Milin, Mind Bridge เป็นต้น แผนกกระเป๋า เพิ่มแบรนด์ใหม่เช่น MNG Touch, F Fashion, Formarina เป็นต้น แผนกรองเท้าชายเพิ่มแบรนด์ Camper, Native เป็นต้น
แผนกเสื้อผ้าบุรุษ เพิ่มแบรนด์ H.E. by Mango, Timberland แผนกรองเท้าชายเพิ่มแบรนด์ Florsheim, Sebago, Tokyo เป็นต้น แผนกเสื้อผ้าเด็กเล็ก แบรนด์ใหม่เช่น Baby Guess, Gingersnap เป็นต้น แผนกของตกแต่งบ้านเช่น Calvin Klein, Missoni Home เป็นต้น และเป็นครั้งแรกของห้างเซ็นทรัลที่จะมีการเปิดบริการคอฟฟี่บาร์ให้ลูกค้าทดลองใช้เครื่องและชิมกาแฟด้วย
อย่างไรก็ตาม นางยุวดีให้ความเห็นด้วยว่า สิ่งสำคัญที่จะทำให้มีแบรนด์ต่างประเทศเข้ามากนั้นก็ยังขึ้นอยู่กับการสนับสนุนจากรัฐบาลด้วย โดยเฉพาะเรื่องของภาษีนำเข้าสินค้าแฟชั่น ซึ่งปัจจุบันยังัมีอยู่ ส่วนคู่แข่งเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซียยกเลิกการเก็บนี้ไปแล้วทำให้ไทยเสียเปรียบอย่างมาก