นายอำพล โพธิ์โลหะกุล รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยถึงเป้าหมายการดำเนินธุรกิจลูกค้าบุคคลของปีธนาคารว่า ในปีนี้มีเป้าหมายในการครองอันดับหนึ่งยอดเงินฝากและกองทุนรวมต่อเนื่อง ยอดสินเชื่อบุคคลเติบโตสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ รายได้ค่าธรรมเนียมเติบโตจากปี 2553 มากกว่า 20% และจำนวนลูกค้าใหม่ประมาณ 2 ล้านราย โดยในครึ่งปีแรก 2554 ธนาคารสามารถเพิ่มลูกค้าใหม่ได้แล้ว 1 ล้านราย ซึ่งจะทำให้ฐานลูกค้าทั้งหมดเพิ่มเป็นประมาณ 10 ล้านราย ภายในสิ้นปี 2554 โดยได้ออกแคมเปญ "ฝาก KBank ช่วยดูแลตลอดทุกช่วงชีวิต เพื่ออนาคตที่ดีกว่า" ซึ่งมุ่งเน้นการตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันในแต่ละช่วงชีวิตด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมทางการเงินอย่างต่อเนื่อง เพื่อดึงลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ใช้บริการของธนาคารกสิกรไทยเป็นธนาคารหลัก(Main Bank)
นอกจากนี้ ธนาคารยังจัดงบประมาณ 2,400 ล้าน เพื่อพัฒนาระบบต่างๆได้แก่ การพัฒนาพนักงานผู้ให้บริการ การพัฒนานวัตกรรมการให้บริการและการตลาด การพัฒนาผลิตภัณฑ์และการสื่อสารการตลาด และการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ
ทั้งนี้ ในครึ่งปีแรก 2554 ธนาคารมีรายได้จากค่าธรรมเนียมประมาณ 6,400 ล้านบาท เพิ่มจากปีที่แล้ว 20% จากการเติบโตในส่วนของ ธุรกิจแบงก์แอสชัวรันส์ เงินโอน บัตรเครดิต และกองทุนรวม โดยปัจจุบันธนาคารกสิกรไทยมีกลุ่มลูกค้าบุคคล (Retail Banking) อยู่ 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มลูกค้าบุคคลทั่วไป (Mass Segment) มีเงินฝากในธนาคารกสิกรไทยเฉลี่ยย้อนหลัง 3 เดือน น้อยกว่า 15,000 บาทต่อเดือน มีการใช้ผลิตภัณฑ์ (Product Holding) ของธนาคารกสิกรไทยเฉลี่ย 2.72 ผลิตภัณฑ์ต่อคน และใน 3 ปีข้างหน้าตั้งเป้าเพิ่มการถือครองผลิตภัณฑ์เป็น 4.03 ผลิตภัณฑ์ต่อคน
กลุ่มลูกค้าบุคคลระดับกลาง (Middle Income Segment) เป็นกลุ่มลูกค้าผู้มีรายได้ประจำ มีเงินฝากหรือเงินลงทุนในเครือธนาคารกสิกรไทย เฉลี่ยย้อนหลัง 3 เดือน ตั้งแต่ 15,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป แต่น้อยกว่า 10 ล้านบาท ปัจจุบันเป็นลูกค้าธนาคารแล้ว 36.5% และใช้ธนาคารกสิกรไทยเป็นธนาคารหลัก 17% มีการถือครองผลิตภัณฑ์ (Product Holding) ของธนาคารกสิกรไทยเฉลี่ย 3.05 ผลิตภัณฑ์ต่อคน และใน 3 ปีข้างหน้า ตั้งเป้าเพิ่มการถือครองผลิตภัณฑ์เป็น 4.5 ผลิตภัณฑ์ต่อคน
และกลุ่มลูกค้าบุคคลพิเศษ (Affluent Segment) ที่มีเงินฝาก หรือเงินลงทุน เฉลี่ยย้อนหลัง 6 เดือน ตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป แต่น้อยกว่า 50 ล้านบาท ปัจจุบันเป็นลูกค้าธนาคารแล้ว 50% และใช้ธนาคารกสิกรไทยเป็นธนาคารหลัก 17% มีการถือครองผลิตภัณฑ์ (Product Holding) ของธนาคารกสิกรไทยเฉลี่ย 5.41 ผลิตภัณฑ์ต่อคน และใน 3 ปีข้างหน้า ตั้งเป้าเพิ่มการถือครองผลิตภัณฑ์เป็น 6.65 ผลิตภัณฑ์ต่อคน
นอกจากนี้ ธนาคารยังจัดงบประมาณ 2,400 ล้าน เพื่อพัฒนาระบบต่างๆได้แก่ การพัฒนาพนักงานผู้ให้บริการ การพัฒนานวัตกรรมการให้บริการและการตลาด การพัฒนาผลิตภัณฑ์และการสื่อสารการตลาด และการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ
ทั้งนี้ ในครึ่งปีแรก 2554 ธนาคารมีรายได้จากค่าธรรมเนียมประมาณ 6,400 ล้านบาท เพิ่มจากปีที่แล้ว 20% จากการเติบโตในส่วนของ ธุรกิจแบงก์แอสชัวรันส์ เงินโอน บัตรเครดิต และกองทุนรวม โดยปัจจุบันธนาคารกสิกรไทยมีกลุ่มลูกค้าบุคคล (Retail Banking) อยู่ 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มลูกค้าบุคคลทั่วไป (Mass Segment) มีเงินฝากในธนาคารกสิกรไทยเฉลี่ยย้อนหลัง 3 เดือน น้อยกว่า 15,000 บาทต่อเดือน มีการใช้ผลิตภัณฑ์ (Product Holding) ของธนาคารกสิกรไทยเฉลี่ย 2.72 ผลิตภัณฑ์ต่อคน และใน 3 ปีข้างหน้าตั้งเป้าเพิ่มการถือครองผลิตภัณฑ์เป็น 4.03 ผลิตภัณฑ์ต่อคน
กลุ่มลูกค้าบุคคลระดับกลาง (Middle Income Segment) เป็นกลุ่มลูกค้าผู้มีรายได้ประจำ มีเงินฝากหรือเงินลงทุนในเครือธนาคารกสิกรไทย เฉลี่ยย้อนหลัง 3 เดือน ตั้งแต่ 15,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป แต่น้อยกว่า 10 ล้านบาท ปัจจุบันเป็นลูกค้าธนาคารแล้ว 36.5% และใช้ธนาคารกสิกรไทยเป็นธนาคารหลัก 17% มีการถือครองผลิตภัณฑ์ (Product Holding) ของธนาคารกสิกรไทยเฉลี่ย 3.05 ผลิตภัณฑ์ต่อคน และใน 3 ปีข้างหน้า ตั้งเป้าเพิ่มการถือครองผลิตภัณฑ์เป็น 4.5 ผลิตภัณฑ์ต่อคน
และกลุ่มลูกค้าบุคคลพิเศษ (Affluent Segment) ที่มีเงินฝาก หรือเงินลงทุน เฉลี่ยย้อนหลัง 6 เดือน ตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป แต่น้อยกว่า 50 ล้านบาท ปัจจุบันเป็นลูกค้าธนาคารแล้ว 50% และใช้ธนาคารกสิกรไทยเป็นธนาคารหลัก 17% มีการถือครองผลิตภัณฑ์ (Product Holding) ของธนาคารกสิกรไทยเฉลี่ย 5.41 ผลิตภัณฑ์ต่อคน และใน 3 ปีข้างหน้า ตั้งเป้าเพิ่มการถือครองผลิตภัณฑ์เป็น 6.65 ผลิตภัณฑ์ต่อคน
