ทิปโก้ หวนคืนตลาดชาเขียว ผนึกซันโตรี ส่งแบรนด์ มิเรอิ ลุย เป้าหมายสู่ตลาดอาเซียน นำร่องเปิดตัวในไทย หวังปีแรกยอดขาย 1,000 ล้านบาท
นายวิวัฒน์ ลิ้มศักดากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิปโก้ เอฟแอนด์บี จำกัด (บริษัทร่วมทุนระหว่างทิปโก้กับซันโตรี่ ของญี่ปุ่น) เปิดเผยว่า บริษัทฯมีเป้าหมายที่จะรุกตลาดชาเขียวในตลาดอาเซียน โดยใช้แบรนด์ “มิเรอิ” ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ร่วมกับญี่ปุ่นพัฒนาขึ้นมาสำหรับตลาดอาเซียนโดยเฉพาะ เปิดตัวที่ไทยเป็นแห่งแรก สาเหตุที่บริษัทฯเข้าสู่ตลาดชาเขียวในไทยเนื่องจากว่า 1. ตลาดชาเขียวพร้อมดื่มในไทย ช่วง 3 ปีนี้มีการเติบโตตลอดมากกว่า 20% จากตลาดรวม 5,000 ล้านบาท 2.ทิปโก้เป็นผู้นำตลาดเครื่องดื่มน้ำผลไม้มีความแข็งแกร่งด้านช่องทางจำหน่าย และ 3. ความแข็งแกร่งด้านการวิจัยและพัฒนาของซันโตรีจึงมั่นใจว่ามิเรอิจะได้รับการตอบรับที่ดี
ทั้งนี้ตั้งเป้าหมายรายได้ “มิเรอิ” ในไทยช่วงรอบปีแรก 1,000 ล้านบาท และมีส่วนแบ่งประมาณ 20% โดยใช้งบการตลาด 300 ล้านบาท ล่าสุดดึง “พอร์ช-ศรัณย์ ศิริลักษณ์” เป็นพรีเซ็นเตอร์ เบื้องต้นมี 3 รสชาติคือ รสต้นตำรับ กลิ่นน้ำผึ้งผสมมะนาว และกลิ่นซากุระ จับกลุ่มเป้าหมาย อายุ 18-29 ปี ขนาด 500 มล. ราคาขาย 20 บาท มอบหมายให้บริษัทดีทแฮล์มประเทศไทย จัดจำหน่ายมีเป้าหมายที่จะขึ้นเป็นอันดับ1หรือ2 ในตลาดชาเขียวรวมในอนาคต
อย่างไรก็ตามยอมรับว่า 7 ปี ก่อน ทิปโก้เคยทำตลาดชาเขียวมาแล้ว แต่ได้เลิกไป ซึ่งการกลับมาครั้งนี้มีความมั่นใจมากยิ่งขึ้นทั้งในด้านคุณภาพ กระบวนการ เทคโนโลยีการผลิต รสชาติ และการจัดจำหน่าย สำหรับรายได้รวมของบริษัทฯมีประมาณ 5,000 ล้านบาท แบ่งเป็นกลุ่มเครื่องดื่ม 2,500 ล้านบาท มีอัตราการเติบโต 2 หลักตลอด ปีนี้หวังที่จะเติบโต 20% โดยสัดส่วนรายได้มาจากหลายแบรนด์เช่น น้ำแร่ 10% เนเจอร์อัพ 8% ดาการะ 2% เป็นต้น
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ทางดีทแฮล์มเป็นผู้จัดจำนหน่ายชาเขียวอิชิตัน ของ ตัน ภาสกรนที อยู่แล้ว ซึ่งนายวิวัฒน์ กล่าวว่า ทางดีทแฮล์มแยกทีมกันจัดจำหน่ายทั้งสองแบรนด์นี้
นายวิวัฒน์ ลิ้มศักดากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิปโก้ เอฟแอนด์บี จำกัด (บริษัทร่วมทุนระหว่างทิปโก้กับซันโตรี่ ของญี่ปุ่น) เปิดเผยว่า บริษัทฯมีเป้าหมายที่จะรุกตลาดชาเขียวในตลาดอาเซียน โดยใช้แบรนด์ “มิเรอิ” ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ร่วมกับญี่ปุ่นพัฒนาขึ้นมาสำหรับตลาดอาเซียนโดยเฉพาะ เปิดตัวที่ไทยเป็นแห่งแรก สาเหตุที่บริษัทฯเข้าสู่ตลาดชาเขียวในไทยเนื่องจากว่า 1. ตลาดชาเขียวพร้อมดื่มในไทย ช่วง 3 ปีนี้มีการเติบโตตลอดมากกว่า 20% จากตลาดรวม 5,000 ล้านบาท 2.ทิปโก้เป็นผู้นำตลาดเครื่องดื่มน้ำผลไม้มีความแข็งแกร่งด้านช่องทางจำหน่าย และ 3. ความแข็งแกร่งด้านการวิจัยและพัฒนาของซันโตรีจึงมั่นใจว่ามิเรอิจะได้รับการตอบรับที่ดี
ทั้งนี้ตั้งเป้าหมายรายได้ “มิเรอิ” ในไทยช่วงรอบปีแรก 1,000 ล้านบาท และมีส่วนแบ่งประมาณ 20% โดยใช้งบการตลาด 300 ล้านบาท ล่าสุดดึง “พอร์ช-ศรัณย์ ศิริลักษณ์” เป็นพรีเซ็นเตอร์ เบื้องต้นมี 3 รสชาติคือ รสต้นตำรับ กลิ่นน้ำผึ้งผสมมะนาว และกลิ่นซากุระ จับกลุ่มเป้าหมาย อายุ 18-29 ปี ขนาด 500 มล. ราคาขาย 20 บาท มอบหมายให้บริษัทดีทแฮล์มประเทศไทย จัดจำหน่ายมีเป้าหมายที่จะขึ้นเป็นอันดับ1หรือ2 ในตลาดชาเขียวรวมในอนาคต
อย่างไรก็ตามยอมรับว่า 7 ปี ก่อน ทิปโก้เคยทำตลาดชาเขียวมาแล้ว แต่ได้เลิกไป ซึ่งการกลับมาครั้งนี้มีความมั่นใจมากยิ่งขึ้นทั้งในด้านคุณภาพ กระบวนการ เทคโนโลยีการผลิต รสชาติ และการจัดจำหน่าย สำหรับรายได้รวมของบริษัทฯมีประมาณ 5,000 ล้านบาท แบ่งเป็นกลุ่มเครื่องดื่ม 2,500 ล้านบาท มีอัตราการเติบโต 2 หลักตลอด ปีนี้หวังที่จะเติบโต 20% โดยสัดส่วนรายได้มาจากหลายแบรนด์เช่น น้ำแร่ 10% เนเจอร์อัพ 8% ดาการะ 2% เป็นต้น
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ทางดีทแฮล์มเป็นผู้จัดจำนหน่ายชาเขียวอิชิตัน ของ ตัน ภาสกรนที อยู่แล้ว ซึ่งนายวิวัฒน์ กล่าวว่า ทางดีทแฮล์มแยกทีมกันจัดจำหน่ายทั้งสองแบรนด์นี้