การเมืองเปลี่ยนขั้ว เอเจนซี่เจอศึกหนัก ฉุดโฆษณาไตรมาสสามล่วง ลูกค้าชะลองบซื้อสื่อโฆษณา ของดูแผนรัฐบาลใหม่ก่อน ก่อนตัดสินใจลุยต่อ “วายแอนด์อาร์” เร่งชูนโยบาย โฮมเมด ไอเดีย หวังเพิ่มลูกค้าใหม่ ดันรายได้โต 10-15%
นายตรง ตันติเวชกุล ประธานบริหารฝ่ายสร้างสรรค์ บริษัท วายแอนด์อาร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตงานโฆษณา เปิดเผยว่า จากปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจและรัฐบาลชุดใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น เชื่อว่าจะส่งผลให้ภาพรวมธุรกิจโฆษณาในครึ่งปีหลังนี้ มีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างสูงและมีการแข่งขันที่รุงแรง เนื่องจากปัจจัยในเรื่องของการเปลี่ยนขั้วรัฐบาลใหม่เป้นสำคัญ อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจบางกลุ่มอย่างชัดเจน เช่น ในบางอุตสาหกรรมอย่างโทรคมนาคม เป็นต้น
“เมื่อขั้วอำนาจเปลี่ยน ย่อมกระทบต่อลูกค้าแน่นอน โดยเฉพาะในเรื่องของความมั่นใจในการดำเนินธุรกิจ ดังนั้นเบื้องต้นจะทำให้เกิดการชะลอการใช้งบโฆษณาลง รวมถึงแผนการตลาดที่ต้องปรับเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลใหม่ที่จะมีตามมา”
ทั้งนี้ยังมองอีกว่า ในส่วนของธุรกิจคอนซูเมอร์ จะมีปัญหาเรื่องต้นทุนตามมาด้วยหากมีการปรับค่าแรงขั้นต่ำขึ้น สุดท้ายก็จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจโฆษณา เนื่องจากเจ้าของสินค้าอาจมีการชะลอการใช้งบผ่านสื่อลง ดังนั้นในส่วนของเอเจนซี่เองจึงต้องมีการปรับแผนการดำเนินธุรกิจเช่นเดียวกัน โดยจะต้องไม่เน้นแต่การการทำงานโฆษณาแต่เพียงอย่าเดียว แต่ต้องหันมาให้ความสนใจในเรื่องของการวางแผนงาน และเข้ามาดูแลลูกค้ามากขึ้น
สำหรับปัจจัยลบที่เกิดขึ้นนี้ อาจจะส่งผลในระยะสั้นๆในช่วงไตรมาสสามนี้เท่านั้น พอเข้าสู่ไตรมาสสี่ เชื่อว่าเจ้าของสินค้าจะกลับมาใช้เงินในธุรกิจโฆษณาเช่นเดิม ขณะที่ตัวธุรกิจเองก็ต้องมีการเดินหน้าทำโฆษณาและกิจกรรมทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดทางบริษัทได้เปิดตัวนโยบาย “โฮมเมด ไอเดีย” เพื่อสร้างสรรค์งานโฆษณาที่มีคุณภาพและความโดดเด่นให้กับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ
และจากการจัดกิจกรรมการตลาดอย่างต่อเนื่องภายใต้นโยบาย โฮมเมด ไอเดีย แล้ว คาดว่าสิ้นปีนี้ บริษัทจะมีรายได้เติบโตขึ้น 10-15% โดยเชื่อว่าจะมีฐานลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างน้อยอีก 2 ราย จากปัจจุบันมีลูกค้าที่ใช้บริการอยู่แล้วกว่า 8 ราย อาทิ เช่น แสนสิริ, คิงพาวเวอร์, อิชิตันดับเบิ้ลดริ้ง, อิชิตันกรีนทรี, เป็นต้น
นายตรง ตันติเวชกุล ประธานบริหารฝ่ายสร้างสรรค์ บริษัท วายแอนด์อาร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตงานโฆษณา เปิดเผยว่า จากปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจและรัฐบาลชุดใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น เชื่อว่าจะส่งผลให้ภาพรวมธุรกิจโฆษณาในครึ่งปีหลังนี้ มีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างสูงและมีการแข่งขันที่รุงแรง เนื่องจากปัจจัยในเรื่องของการเปลี่ยนขั้วรัฐบาลใหม่เป้นสำคัญ อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจบางกลุ่มอย่างชัดเจน เช่น ในบางอุตสาหกรรมอย่างโทรคมนาคม เป็นต้น
“เมื่อขั้วอำนาจเปลี่ยน ย่อมกระทบต่อลูกค้าแน่นอน โดยเฉพาะในเรื่องของความมั่นใจในการดำเนินธุรกิจ ดังนั้นเบื้องต้นจะทำให้เกิดการชะลอการใช้งบโฆษณาลง รวมถึงแผนการตลาดที่ต้องปรับเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลใหม่ที่จะมีตามมา”
ทั้งนี้ยังมองอีกว่า ในส่วนของธุรกิจคอนซูเมอร์ จะมีปัญหาเรื่องต้นทุนตามมาด้วยหากมีการปรับค่าแรงขั้นต่ำขึ้น สุดท้ายก็จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจโฆษณา เนื่องจากเจ้าของสินค้าอาจมีการชะลอการใช้งบผ่านสื่อลง ดังนั้นในส่วนของเอเจนซี่เองจึงต้องมีการปรับแผนการดำเนินธุรกิจเช่นเดียวกัน โดยจะต้องไม่เน้นแต่การการทำงานโฆษณาแต่เพียงอย่าเดียว แต่ต้องหันมาให้ความสนใจในเรื่องของการวางแผนงาน และเข้ามาดูแลลูกค้ามากขึ้น
สำหรับปัจจัยลบที่เกิดขึ้นนี้ อาจจะส่งผลในระยะสั้นๆในช่วงไตรมาสสามนี้เท่านั้น พอเข้าสู่ไตรมาสสี่ เชื่อว่าเจ้าของสินค้าจะกลับมาใช้เงินในธุรกิจโฆษณาเช่นเดิม ขณะที่ตัวธุรกิจเองก็ต้องมีการเดินหน้าทำโฆษณาและกิจกรรมทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดทางบริษัทได้เปิดตัวนโยบาย “โฮมเมด ไอเดีย” เพื่อสร้างสรรค์งานโฆษณาที่มีคุณภาพและความโดดเด่นให้กับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ
และจากการจัดกิจกรรมการตลาดอย่างต่อเนื่องภายใต้นโยบาย โฮมเมด ไอเดีย แล้ว คาดว่าสิ้นปีนี้ บริษัทจะมีรายได้เติบโตขึ้น 10-15% โดยเชื่อว่าจะมีฐานลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างน้อยอีก 2 ราย จากปัจจุบันมีลูกค้าที่ใช้บริการอยู่แล้วกว่า 8 ราย อาทิ เช่น แสนสิริ, คิงพาวเวอร์, อิชิตันดับเบิ้ลดริ้ง, อิชิตันกรีนทรี, เป็นต้น
