นายวิโรจน์ สิตประเสริฐนันท์ นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมมัคคุเทศก์อาชีพแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สถานการณ์ไกด์เถื่อนในไทยปัจจุบันนี้มีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะไกด์จากจีน เกาหลี และรัสเซีย ซึ่งแต่ละสัญชาตินั้นพบว่มีสัดส่ที่สูงกว่าไ 60% ของสัดส่วนไกด์ที่เป็นของคนไทยอย่างแท้จริง ปัจจุบันเมืองไทยมีไกด์ที่จดทะเบียนกว่า 4 หมื่นราย แต่ลงสนามทำงานกันจริงเพียงหมื่นกว่าราย และเป็นสมาชิกสมาคมเพียง 2 พันกว่าราย จึงไม่รู้ว่ารัฐบาลใหม่จะกล้าแก้ปัญหานี้หรือไม่
ทั้งนี้ไกด์เถื่อนส่วนใหญ่จะเข้ามาแบบนอมินีถือหุ้นใหญ่ผ่านช่องโหว่ของกฎหมายไทย และให้คนไทยเป็นผู้จดทะเบียนบังหน้ามีต้นทุนทั้งด้านภาษา เครือข่าย และเงินทุนที่อาจดีกว่า แต่ด้านการบริการไม่เต็มที่ มีการหลอกลวงขายทัวร์ราคาต่ำ หรือชาร์จค่าบริการอื่น เพื่อให้บริษัทได้รายได้ตามเป้า จนกระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทย และผู้ประกอบการไทยที่มีต้นทุนต่ำกว่าก็อาจไม่รอด ต้องปิดกิจการในที่สุด
นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมารัฐบาลเกรงว่าจะกระเทือนต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยว จึงไม่กล้าปราบปรามปัญหานี้อย่างจริงจัง อีกทั้งยังมีกระบวนการที่ซ้ำซ้อนกว่าจะเข้าถึงงต้นตอได้ แต่หากมองระยะยาวแล้วถ้าทำได้ส่วนระยะยาว โดยผ่านการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ผลลัพธ์จะเป็นเรื่องดีมากกว่า ยิ่งไทยจะเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(เออีซี) ปี 2558 หลายประเทศ อย่างมาเลเซีย ก็จะแข่งขันกันสูง จำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องเตรียมตัวให้พร้อม
นายสุพล ศรีพันธุ์ อธิบดีกรมการท่องเที่ยว กล่าวว่า การดำเนินการทุกอย่างจะต้องยึดกระบวนการทางกฎหมายเป็นหลัก ซึ่งฝ่ายรัฐเองก็พร้อมที่จะเข้าไปตรวจสอบปัญหาดังกล่าวอยู่แล้ว หากมีเบาะแสที่ชัดเจน เพื่อรักษาภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของไทย
ทั้งนี้ไกด์เถื่อนส่วนใหญ่จะเข้ามาแบบนอมินีถือหุ้นใหญ่ผ่านช่องโหว่ของกฎหมายไทย และให้คนไทยเป็นผู้จดทะเบียนบังหน้ามีต้นทุนทั้งด้านภาษา เครือข่าย และเงินทุนที่อาจดีกว่า แต่ด้านการบริการไม่เต็มที่ มีการหลอกลวงขายทัวร์ราคาต่ำ หรือชาร์จค่าบริการอื่น เพื่อให้บริษัทได้รายได้ตามเป้า จนกระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทย และผู้ประกอบการไทยที่มีต้นทุนต่ำกว่าก็อาจไม่รอด ต้องปิดกิจการในที่สุด
นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมารัฐบาลเกรงว่าจะกระเทือนต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยว จึงไม่กล้าปราบปรามปัญหานี้อย่างจริงจัง อีกทั้งยังมีกระบวนการที่ซ้ำซ้อนกว่าจะเข้าถึงงต้นตอได้ แต่หากมองระยะยาวแล้วถ้าทำได้ส่วนระยะยาว โดยผ่านการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ผลลัพธ์จะเป็นเรื่องดีมากกว่า ยิ่งไทยจะเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(เออีซี) ปี 2558 หลายประเทศ อย่างมาเลเซีย ก็จะแข่งขันกันสูง จำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องเตรียมตัวให้พร้อม
นายสุพล ศรีพันธุ์ อธิบดีกรมการท่องเที่ยว กล่าวว่า การดำเนินการทุกอย่างจะต้องยึดกระบวนการทางกฎหมายเป็นหลัก ซึ่งฝ่ายรัฐเองก็พร้อมที่จะเข้าไปตรวจสอบปัญหาดังกล่าวอยู่แล้ว หากมีเบาะแสที่ชัดเจน เพื่อรักษาภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของไทย
