xs
xsm
sm
md
lg

ดัชมิลล์ปูพรมแตกเซ็กเม้นต์ ไล่บี้ไวตามิ้ลค์-ยันไม่ขึ้นราคา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน –  ดัชมิลล์ รุกตลาดหนักชูกลยุทธ์ปั้นสินค้าใหม่หลากหลาย รับมือตลาดนมพร้อมดื่ม 4.4 หมื่นล้านบาท แข่งผุดเซกเมนต์ใหม่เพียบ  เท 85ล้านบาท ระเบิดแคมเปญ “ดีน่างาดำ มหัศจรรย์สารต้านอนุมูลอิสระเคล็ดลับดูดีไม่มีเปลี่ยน” หวังดันยอดโต 15% สิ้นปีแชร์เพิ่มไล่บี้ไวตามิ้ลค์  ยันไม่ปรับราคาสินค้าขึ้น แม้ต้นทุนน้ำนมดิบขยับ

นางสาวสุพัชรมณี ศรีวลี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ดัชมิลล์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายนมถั่วเหลืองพร้อมดื่มดีน่า เปิดเผยว่า  การทำตลาดปีนี้บริษัทมีความเคลื่อนไหวค่อนข้างมาก โดยเฉพาะการเปิดตัวสินค้าใหม่ๆ ลงสู่ตลาด อาทิ ดีน่า ไบโอกาบา นมผสมจมูกข้าวญี่ปุ่น เนื่องจากตลาดเครื่องดื่มโดยรวมมีการแข่งขันอย่างรุนแรง หรือมีการเปิดเซกเมนต์ใหม่ๆเพิ่มขึ้น ผลักดันให้ตลาดนมพร้อมดื่ม 44,000 ล้านบาท โต 8% หรือมีมูลค่าในช่วงครึ่งปีแรก 23,000 ล้านบาท โดยนมถั่วเหลืองพร้อมดื่มโต 10% จากมูลค่าตลาดรวมเมื่อปีที่ผ่านมากว่า 10,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม เพื่อตอกย้ำการเป็นผู้นำตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์นมพร้อมดื่ม ซึ่งปัจจุบันบริษัทเป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 21% ส่วนอันดับสอง คือ โฟร์โมสต์ 17% จากมูลค่าตลาดกว่า 44,000 ล้านบาท ล่าสุดบริษัทได้ทุ่มงบ 85 ล้านบาท เปิดตัวแคมเปญใหม่ “ดีน่างาดำ มหัศจรรย์สารต้านอนุมูลอิสระเคล็ดลับดูดีไม่มีเปลี่ยน” เพื่อสร้างการรับรู้ถึงผลิตภัณฑ์ดีน่างาดำ 2 เท่า สูตรเฉพาะที่ให้สารต้านอนุมูลอิสระเท่ากับมะเขือเทศ 6 ลูก เจาะกลุ่มสาววัยทำงานยุคใหม่ที่ใส่ใจดูแลตัวเองอายุ 25-35 ปี โดยวางกลยุทธ์การสื่อสารทางการตลาดครบวงจร 360 องศา กระตุ้นตลาด

พร้อมกันนี้ได้เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ ดึงดาราสาว “ชมพู่ อารยา เอ ฮาเก็ต” เป็นพรีเซ็นเตอร์ คาดว่าแคมเปญดังกล่าวจะผลักดันให้ดีน่า มีอัตราการเติบโต 15% จากปัจจุบันมีส่วนแบ่ง 17% ในกลุ่มบรรจุภัณฑ์ยูเอชที มูลค่า 8,200 ล้านบาท รองจากไวตามิ้ลค์ 25% และแลคตาซอย 56% ส่วนบรรจุภัณฑ์ชนิดขวดมูลค่าเพียง 1,700-1,800 ล้านบาท จากตลาดรวมนมถั่วเหลืองมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท
แบ่งเป็นกลุ่มเสริมคุณค่าพิเศษประมาณ 2,600 ล้านบาท ซึ่งแบ่งเป็น สูตรงาดำ 75% โดยดีน่าเป็นผู้นำตลาดมีส่วนแบ่ง 58 % และคาดว่าสิ้นปีนี้ส่วนแบ่งเพิ่มเป็น 65%  

นางสาวสุพัชรมณี กล่าวว่า ในช่วงต้นปีหรือเดือนมีนาคม ที่ผ่านมาที่ประชุมมิลล์บอร์ด ได้พิจารณาการปรับราคาน้ำนมดิบ ตามที่คณะอนุกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นมเสนอในอัตรา กก.ละ 1 บาท ซึ่งจะส่งผลให้ราคาน้ำนมดิบเพิ่มขึ้นเป็น 18 บาทต่อ กก.จากปัจจุบันราคา 17 บาทต่อ กก. ทำให้ต้นทุนการผลิตนมพร้อมดื่มปรับเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ผู้ประกอบการปรับราคาสินค้า 50 สต.-1 บาท สำหรับบริษัทขณะนี้ยังไม่มีแผนปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้น เนื่องจากยังสามารถบริหารต้นทุนได้ โดยหากมีการปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้น ต้องพิจารณาถึงวัตถุดิบการผลิตตัวอื่นๆ ที่นอกเหนือจากน้ำนมดิบที่ปรับเพิ่มขึ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น